The king of War - บทที่ 1789 เมื่อกี้ขยับแล้ว
บทที่ 1789 เมื่อกี้ขยับแล้ว
เวลาผ่านไปแต่ละนาที ฉินยีก็ยังอยู่ในความเจ็บปวด นักพรตเต๋ายังคงอยู่ข้างๆและโน้มน้าวไม่ให้ฉินยีคิดมาก ความเจ็บปวดก็จะได้หายไป
เวลาผ่านไปสิบนาทีเต็มๆ อาการของฉินยีถึงดีขึ้น นอนราบกับพื้น หายใจหอบ สีหน้าซีดเซียว ทั้งร่างเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
“เสี่ยวยี คุณเป็นไงบ้าง?”
สีหน้าหยางเฉินเป็นห่วงมาก รีบเดินไปข้างหน้า หยิบยาเม็ดที่เฝิงสี่ยวหว่านให้ไว้ และกำลังจะป้อนให้ฉินยี
แต่ในขณะที่เขากำลังจะป้อนยาเข้าไปในปากของฉินยี ก็มีแสงเย็นชาแวบผ่าน มือของฉินยีจับกริชไว้ ฟันไปที่คอของหยางเฉินอย่างไม่ลังเล
สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปอย่างมาก รีบถอยหลังทันที
“พุด!”
แต่ว่า แขนของเขาก็ดึงกลับช้าไป โดนฉินยีใช้กริชกรีดจนเป็นแผล ทิ้งรอยคราบเลือดเป็นเส้น โชคดีที่บาดแผลไม่ลึก หยางเฉินหลบได้เร็ว เพียงแต่เมื่อกี้ถูกกริชกรีดจนมีแผล
หยางเฉินถอยหลังไปสองสามก้าว มองไปที่ฉินยีด้วยท่าทางที่ซับซ้อนและถามว่า “เสี่ยวยี! คุณลืมผมไปแล้วจริงๆเหรอ?”
ฉินยีเหลือบมองหยางเฉิน สีหน้าเย็นชาสุดขีดและพูดว่า “ฉันเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ของเซิ่งกง ตั้งแต่เล็กจนโตก็อยู่ในเซิ่งกง เธอหยุดพูดเรื่องไร้สาระ!”
หลังจากได้ยินคำพูดของฉินยี หัวใจของหยางเฉินหดหู่ลงทันที ฉินยีก็ยังไม่สามารถฟื้นความทรงจำเหรอ?
นักพรตเต๋าหัวเราะเสียงดัง “ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดถูกแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโตเธอเติบโตในเซิ่งกง ชายคนนี้เจ้าเล่ห์มาก เพื่อเอาชีวิตรอด ใช้วิธีการทุกอย่าง เขาจงใจพูดเช่นนี้ เพื่อทำให้เธอเจ็บปวด”
“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ คุณกับผมร่วมมือกัน ฆ่าหยางเฉินซะ ภารกิจครั้งนี้ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว”
ฉินยีขมวดคิ้ว มองนักพรตเต๋าอย่างเย็นชา โดยไม่พูดอะไรสักคำ หันหลังเดินจากไป
นักพรตเต๋าชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตั้งสติขึ้นมาได้ ต้องเป็นเพราะว่าเมื่อกี้นี้ฉินยีสูญเสียพลังมากเกินไป ตอนนี้อ่อนแอมาก ดังนั้นจึงเลือกที่จะจากไป
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นักพรตเต๋าก็เหลือบมองหยางเฉินอย่างเย็นชา และพูดว่า “เจ้าหนุ่ม ตราบใดที่นายยังไม่ตาย เซิ่งกงก็จะไล่ตามฆ่านายต่อไปเรื่อยๆ พวกเราไว้เจอกันคราวหน้า!”
พูดจบ นักพรตเต๋าก็หันหลังและจากไป และหายไปจากสายตาหยางเฉินอย่างรวดเร็ว
หยางเฉินสะดุดเท้า โซเซถอยหลังไปสองสามก้าว ถึงจะยืนนิ่ง สีหน้าซีดเซียว
ก่อนหน้านี้ตอนปะทะฝีมือกับนักพรตเต๋า เขาเสียพลังไปเยอะ ที่หน้าท้องก็ถูกฉินยีแทงไปหนึ่งแผล แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ก็ถูกแทงจนเป็นแผล
หยางเฉินก้มหน้ามองอาการบาดเจ็บที่ท้องของตัวเอง บ่นพึมพำกับตัวเองว่า “ดูท่าทางคงต้องพักอีกหลายวัน ถึงจะไปจากที่นี่ได้”
เขาไม่ได้ไปที่จวนมู่ แต่อยู่ที่สนามบินนานาชาติซ่านเฉิง เพื่อหาโรงแรมใกล้ๆเข้าพัก
ผู้แข็งแกร่งที่นักดาบเงาเพชฌฆาตจัดไว้ให้เฝิงเสี่ยวหว่านกับหวยหลัน หลังจากที่ส่งไปเยี่ยนตูด้วยตัวเองเรียบร้อยแล้ว ผู้แข็งแกร่งของจวนมู่ถึงจะยอมจากไป
อันดับแรกเฝิงเสี่ยวหว่านก็โทรหาหยางเฉินทันที หยางเฉินพูดว่า “วันนี้ผมพลาดเที่ยวบินรอบสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้ค่อยกลับ!”
หลังจากพักฟื้นในโรงแรมเพียงลำพังหนึ่งวัน อาการบาดเจ็บก็ดีขึ้นมากแล้ว มียาที่เฝิงเสี่ยวหว่านให้ไว้ ซึ่งมีผลต่อการฟื้นตัวที่ดีมาก
ซึ่งการฝึกฝนตำราเทพสงคราม มีผลดีต่อการฟื้นอาการบาดเจ็บได้ดีมาก หนึ่งคืนเต็มๆ อาการบาดเจ็บของหยางเฉินก็หายเป็นปกติแล้ว
ตอนเที่ยงของวันต่อมา ในที่สุดหยางเฉินก็ขึ้นเครื่องไปยังสนามบินของเมืองเยี่ยนตู
หยางเฉินหลับสนิทไปหนึ่งคืน และเมื่อเขาตื่นขึ้นมา มันก็ยังคงเป็นเสียงประกาศบนเครื่องบิน เครื่องบินกำลังจะลงจอด
เมื่อก้าวสู่ดินแดนเยี่ยนตูอีกครั้ง หยางเฉินก็รู้สึกได้ถึงอากาศที่สดชื่นทันที
ลงจากเครื่องบิน อันดับแรกหยางเฉินก็ไปที่ยอดเมฆาทันที
“พี่หยาง!”
เมื่อเห็นหยางเฉินกลับมา เฝิงเสี่ยวหว่านกับหวยหลันก็รีบเข้าไปต้อนรับ
หญิงสาวทั้งสองตาแดงทั้งคู่ และมีรอยขอบตาคล้ำ เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนนอนหลับไม่เพียงพอ
เมื่อเห็นสายตาที่กังวลของหญิงสาวทั้งสอง หยางเฉินก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อวานเขาบอกกับหญิงสาวสองคนอย่างชัดเจน วันนี้ถึงจะกลับมา พวกเธอคงตระหนักได้ว่า หยางเฉินอาจได้รับบาดเจ็บ
หยางเฉินเห็นสีหน้าที่กังวลของหญิงสาวทั้งสอง อมยิ้ม “ไม่ต้องเป็นห่วง ผมสบายดี”
เฝิงเสี่ยวหว่านไม่พูดอะไร เดินมาตรงหน้าหยางเฉิน เธอยื่นมือออกไป แล้ววางบนข้อมือของหยางเฉิน ไม่นาน เธอก็ขมวดคิ้ว และเปิดเสื้อผ้าของหยางเฉินออก ก็เห็นท้องของหยางเฉิน มีผ้าพันแผลที่พันจนดูไม่ได้เลย
เลือดได้ย้อมผ้าขาวกลายเป็นสีแดง หยางเฉินดูอึดอัดใจเล็กน้อย เมื่อกี้พึ่งบอกว่าตัวเองไม่เป็นไร สุดท้ายก็ถูกเฝิงเสี่ยวหว่านจับได้
ในห้อง ไม่เพียงแต่มีเฝิงเสี่ยวหว่านกับหวยหลันอยู่เท่านั้น แต่ยังมีอ้ายหลินกับเฝิงเจียหยี และยังมีสองพี่น้องซ่งจั่วกับซ่งโย่วด้วย
ไม่นาน เฝิงเสี่ยวหว่านก็ทำแผลให้หยางเฉินใหม่อีกครั้ง หยางเฉินเหลือบมองทุกคนในห้อง และพูดด้วยรอยยิ้ม “ทุกคนวางใจเถอะผมไม่เป็นไร”
พูดจบ เขามองไปที่เฝิงเสี่ยวหว่านแล้วถามว่า “ตอนนี้สถานการณ์ของหม่าชาวเป็นยังไงบ้าง?”
เฝิงเสี่ยวหว่านส่ายหัว พูดอย่างตำหนิตนเอง “พี่หยาง ขอโทษด้วย ฉันพยายามเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้พี่หม่าฟื้นขึ้นมา”
อ้ายหลินก็มีสีหน้าโศกเศร้าเช่นกัน อุ้มเสี่ยวจิ้งอันซึ่งเป็นลูกของเธอกับหม่าชาว
หยางเฉินมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยหม่าชาว มองมาที่หม่าชาวที่ยังคงหมดสติอยู่ สีหน้าดูเคร่งขรึมมาก
หลังจากคราวที่แล้วที่อยู่ราชวงศ์เฝิงหม่าชาวตกอยู่ในอาการโคม่า ก็ผ่านไปเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะฟื้นขึ้นมา และแม้แต่เฝิงเสี่ยวหว่านก็ทำอะไรไม่ได้ หรือว่า หม่าชาวจะหมดสติแบบนี้ไปตลอดจริงๆหรือ?
ขณะนี้ หม่าชาวกำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย ด้วยใบหน้าที่สงบ หากไม่ใช่เพราะเขายังมีการเต้นของหัวใจและยังหายใจอยู่ ถ้ามองแค่รูปลักษณ์ของเขาในตอนนี้ ดูไปเหมือนศพจริงๆ
“พี่หยาง ลูกแก้วจรัสราตรี!”
ในขณะนี้ หวยหลันก็พูดขึ้นทันที “ลูกแก้วจรัสราตรีมีสรรพคุณในการบำรุงหล่อเลี้ยงวิญญาณ บางทีอาจมีประสิทธิผลกับเขาก็ได้”
ได้ยินคำพูดของหวยหลันแล้ว หยางเฉินก็นึกขึ้นได้ทันทีว่า เดิมทีอยู่เมืองหวยเฉิง หวยหลันเป็นคนคิดค้นวิธี ได้ลูกแก้วจรัสราตรีจากสวีฮว๋าซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเจ้าหุบเขาในหุบเขาราชายา ตอนนั้นหวยหลันก็เคยพูดแล้วว่า ลูกแก้วจรัสราตรีนี้มีคุณสมบัติบำรุงหล่อเลี้ยงวิญญาณ
หม่าชาวนอนหลับตลอด น่าจะเป็นเพราะลูกแก้วดูดเลือดในร่างกาย ได้กดทับวิญญาณของเขา ดังนั้นจึงทำให้หม่าชาวไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หยางเฉินก็รีบหยิบลูกแก้วจรัสราตรีออกมา มองไปที่หวยหลันแล้วถามว่า ลูกแก้วจรัสราตรีนี้ ใช้ยังไง?”
หวยหลันพูดว่า “ฉันจำได้ว่าสวีฮว๋าจะพกลูกแก้วจรัสราตรีติดตัวตลอดเวลา พี่หยางสามารถนำลูกแก้วจรัสราตรีวางลงบนหน้าอกของเขา ลองทำดู”
หยางเฉินรีบวางลูกแก้วจรัสราตรีไว้ที่หน้าอกหม่าชาว อ้ายหลินมองด้วยความคาดหวัง ตาแดง จ้องไปที่หม่าชาวอย่างไม่กะพริบตา เกรงว่าเวลาที่หม่าชาวฟื้นเธอจะพลาดดูทุกการเคลื่อนไหวของเขา
แต่ว่า เวลาผ่านไปสิบนาทีเต็มๆ ก็ไม่เห็นหม่าชาวมีปฏิกิริยาใดๆ
หวยหลันพูดอย่างปลอบใจ “น่าจะเป็นเพราะระยะเวลามันสั้นเกินไป ดังนั้นจึงยังไม่มีการตอบสนอง”
หยางเฉินพยักหน้า มองไปที่อ้ายหลินแล้วพูดว่า “อ้ายหลิน ไม่ต้องกังวล หม่าชาวจะต้องฟื้นขึ้นอย่างแน่นอน”
“ขยับแล้ว! เขาขยับแล้ว!”
ในขณะนี้ หวยหลันก็ตะโกนขึ้นทันที “เมื่อกี้ฉันเห็นเขาขยับแล้ว!”