The king of War - บทที่ 1793 ตระกูลยูอิจิ
ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่หยางเฉินจัดการกับเรื่องบางอย่างในเยี่ยนเฉินกรุ๊ปแล้ว ก็ออกจากบริษัท กลับไปที่ยอดเมฆา
“หม่าชาวเป็นอย่างไรบ้าง?”
ทันทีที่กลับไปถึงยอดเมฆา หยางเฉินก็ถามเฝิงเสี่ยวหว่าน
เฝิงเสียวหว่านพูดว่า “สัญญาณชีพจรของหม่าชาวเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มรู้สึกตัวแล้ว แต่อยู่ในอาการโคม่านานเกินไป และในช่วงนี้ยังไม่สามารถฟื้นได้ แต่ตามสถานการณ์ปัจจุบันของเขา น่าจะภายในสามวัน ก็อาจฟื้นแล้ว”
ใบหน้าเธอมีรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่ามีความสุขมาก
อ้ายหลินที่หน้านิ่วคิ้วขมวดมาตลอด ในเวลานี้ใบหน้ามีรอยยิ้มสดใส อุ้มเสี่ยวจิ้งอันมาข้างกายหยางเฉิน และพูดด้วยรอยยิ้ม“เสี่ยวหว่านบอกแล้วว่าไม่เกินสามวัน ภายในสามวันเขาจะต้องฟื้นขึ้นมาได้”
นี่เป็นข่าวดี หยางเฉินก็มีความสุขมาก เขายิ้มและเหยียดมือออก และพูดกับเสี่ยวจิ้งอันที่อยู่ในอ้อมแขนของอ้ายหลิน “เสี่ยวจิ้งอันลุงขอกอดหน่อย!”
เสียวจิ้งอันกะพริบตาที่กลมโต มองชายที่อยู่ข้างหน้าซึ่งดูเหมือนจะเคยเห็น ทันใดนั้นก็หัวเราะคิกคัก
หยางเฉินก็ไม่ได้เจอเสี่ยวจิ้งอันเป็นเวลานาน วันนี้เพิ่งกลับมา ก็ไปจัดการกับเรื่องราวของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปนี่พึ่งมีเวลาว่างพอที่จะเล่นกับเสี่ยวจิ้งอัน
อ้ายหลินยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวจิ้งอัน นี่คือคุณลุง คุณลุงชอบเธอมาก เธอก็ให้ลุงกอดหน่อย ตกลงไหม?”
ก่อนหน้านี้ตอนที่เสี่ยวจิ้งอันเห็นหยางเฉิน คือเมื่อสามเดือนที่แล้ว ตอนนี้เมื่อเขาเห็นหยางเฉิน ก็รู้สึกสนิทสนมเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังดูแปลกหน้ามาก
ขณะที่หยางเฉินเอื้อมมือเตรียมจะไปกอดเสี่ยวจิ้งอัน ทันใดนั้นเสี่ยวจิ้งอันก็ร้อง “ว้าก” จากนั้นก็ร้องไห้
หยางเฉินรีบหดมือกลับ
นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นว่าหยางเฉินทำอะไรไม่ถูก และทุกคนก็หัวเราะ และในห้องก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
หม่าชาวที่นอนอยู่บนเตียงคนป่วย อาจจะเป็นเพราะได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็ก ทันใดนั้นก็ขยับนิ้ว แต่แค่ขยับนิ้วเท่านั้น และไม่มีวี่แววว่าจะฟื้น
ในตอนกลางคืน หยางเฉินได้รับโทรศัพท์จากลั่วปิง
“ท่านประธาน คนของโยชิดะแชโบลไม่มีใครไปจากเยี่ยนตู ไม่เพียงแค่นั้น ผู้รับผิดชอบของสามบริษัทใหญ่ในแผ่นดินใหญ่ ตอนนี้กำลังรวมตัวกันทานอาหาร น่าจะหารือกัน จะจัดการกับพวกเรายังไง”
เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วปิง หยางเฉินก็ขมวดคิ้ว และยิ้มเยาะเย้ย “คนของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มาจากประเทศซัน หยิ่งผยองจริงๆหรือเขาคิดว่าในจิ่วโจวของพวกเราไม่มีใครสามารถขัดขวางวิธีการของพวกเขาได้แล้วเหรอ?”
หลังจากพูดจบ เขาก็สั่งว่า “ในเมื่อสามบริษัทยักษ์ใหญ่อยากเล่น ถ้างั้นพวกเราก็มาเล่นให้สนุก ให้พวกเขารู้ว่า ที่นี่คือจิ่วโจว แต่ไม่ใช่ประเทศซัน”
หลังจากวางสายแล้ว ซ่งจั่วก็ถามว่า “คุณหยาง ต้องการให้พี่น้องของพวกเราช่วยไหม?”
เรื่องของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปคนที่อยู่ยอดเมฆาต่างรู้ดี พี่น้องตระกูลซ่ง ก็อยากทำอะไรเพื่อหยางเฉินบ้าง
หยางเฉินส่ายหัว “อย่ากังวล มาดูกันว่าพวกเขามีเล่ห์เหลี่ยมอะไร หากพวกเราฆ่าคนของสามบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งประเทศซันโดยตรง ถึงตอนนั้นความคิดเห็นของสาธารณชนก็จะสร้างปัญหาใหญ่ให้กับจิ่วโจว”
“ในเมื่อพวกเขาต้องการเล่น ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็จะใช้วิธีที่ถูกหลักเกณฑ์ เพื่อขับไล่พวกเขาออกจากจิ่วโจว”
เพียงแต่ว่า เขาคิดไม่ถึง เขาต้องการเล่นตามกฎ แต่คนของสามบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งประเทศซัน กลับไม่เคยคิดที่จะเล่นตามกฎ
ในเวลานี้ เครื่องบินโดยสารจากประเทศซันไปยังจิ่วโจว ค่อยๆลงจอดที่สนามบินนานาชาติเยี่ยนตู
โยชิดะ ไตจัวมารับที่สนามบินเป็นการส่วนตัว
ในไม่ช้า ผู้รับผิดชอบของยูอิจิ คาชิโระกับอาโอกิแชโบลก็ทยอยมาถึงสนามบิน และรับคนกลุ่มหนึ่งแล้วจากไป
เช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวสารแต่ละข้อ ได้พาดหัวข่าวในสื่อหลักของจิ่วโจว
“สามบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งประเทศซัน ได้ท้าสู้ผู้แข็งแกร่งทั่วจิ่วโจวอย่างเป็นทางการ! สามวันต่อมา ผู้แข็งแกร่งของสามบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศซัน อยู่ในเยี่ยนตูโรงเทพบู๊ ท้าสู้กับผู้แข็งแกร่งทั่วจิ่วโจว!”
ทันทีที่มีข่าวออกมา ทั่วทั้งจิ่วโจวก็ตกตะลึง
เมื่อหยางเฉินได้ยินข่าวนี้ สีหน้าเริ่มหดหู่ สามบริษัทยักษ์ในประเทศซัน ถึงกับกล้าท้าสู้กับผู้แข็งแกร่งทั่วทิศในจิ่วโจว คิดว่าจิ่วโจวไม่มีใครแล้วเหรอ?
ซ่งโย่วพูดอย่างโกรธเคือง “คุณหยาง คนของบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศซัน หยิ่งผยองเกินไปแล้ว ด้วยความช่วยเหลือจากสามบริษัทยักษ์ใหญ่ ก็อยากท้าสู้กับผู้แข็งแกร่งทุกคนในจิ่วโจวเหรอ? ใครเป็นคนที่ทำให้พวกเขามีความกล้าหาญเช่นนี้?”
ซ่งจั่วก็พูด “พวกเขาหยิ่งจองหองจริงๆ แต่ว่า พวกเขาเป็นคนของสามบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ๆถึงต้องการท้าทายผู้แข็งแกร่งวิถีบู๊ในจิ่วโจวล่ะ? ฉันจะรู้สึกว่าเรื่องนี้มันผิดปกติ”
ในเวลานี้หวยหลันเดินเข้ามา และพูดว่า “สามบริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอก เบื้องหลังสามบริษัทยักษ์ใหญ่ มีตระกูลวิถีบู๊ชั้นนำในประเทศซันคอยสนับสนุน”
“สามบริษัทยักษ์ใหญ่ครึ่งปีที่แล้วได้เข้าสู่แผ่นดินใหญ่ และเริ่มกวาดธุรกิจการตลาดในจิ่วโจว สามบริษัทยักษ์ใหญ่ในวันนี้ ได้ควบคุมบริษัทหลายแห่งแล้ว หากในเวลานี้ จู่ๆพวกเขาก็ถอนบริษัทเหล่านี้ออกจากจิ่วโจว มันจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในจิ่วโจว”
หลังจากฟังคำพูดของหวยหลัน หยางเฉินก็ขมวดคิ้ว “มันรุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ?”
หวยหลันพยักหน้า “มันร้ายแรงมาก! คุณสามารถเข้าใจได้ด้วยวิธีนี้ ตอนนี้สามบริษัทยักษ์ใหญ่ได้เปิดการตลาดในจิ่วโจวแล้ว บริษัทท้องถิ่นมากมายในจิ่วโจว ต่างร่วมมือกับสามบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศซัน หากว่าจู่ๆสามบริษัทยักษ์ใหญ่ได้ถอนตัวออกจากจิ่วโจวกะทันหัน บริษัทท้องถิ่นมากมายในจิ่วโจวก็จะล้มละลาย และกำไรที่สามบริษัทยักษ์ใหญ่ได้มาจากจิ่วโจว ก็จะโอนย้ายไปประเทศซัน”
ใบหน้าของหยางเฉินดูเคร่งขรึมขึ้นทันที และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จิ่วโจวไม่ใช่สถานที่ที่พวกเขาจะมาก็มาหรือจะไปก็ไปได้ตามอำเภอใจ?”
หวยหลันพูดต่อ “จู่ๆพวกเขาต้องการท้าสู้กับผู้แข็งแกร่งในจิ่วโจว เบื้องหลังต้องเป็นความตั้งใจของตระกูลวิถีบู๊ในประเทศซัน พวกเขาต้องการทำลายเศรษฐกิจของจิ่วโจว และต้องการครองโลกวิถีบู๊ในจิ่วโจว!”
ในจิ่วโจว บางทีอาจมีผู้แข็งแกร่งวิถีบู๊มากมาย ในประเทศซันก็มี หากเป็นเรื่องจริงตามที่หวยหลันพูด คราวนี้ตระกูลวิถีบู๊ซึ่งป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังของสามบริษัทยักษ์ใหญ่ จะต้องส่งผู้แข็งแกร่งวิถีบู๊ที่แท้จริงเข้าร่วมการต่อสู้อย่างแน่นอน
“ผู้แข็งแกร่งที่อีกฝ่ายส่งมา ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์แน่นอน!”
หวยหลันพูดต่อ “เกี่ยวกับความเข้าใจที่ฉันมีต่อโลกวิถีบู๊ของประเทศซัน ตระกูลวิถีบู๊ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังของสามบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศซัน ความแข็งแกร่งน่าจะเทียบได้กับราชวงศ์โบราณแห่งจิ่วโจว นั่นหมายความว่า ตระกูลวิถีบู๊ผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังของสามบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศซัน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดน่าจะอยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอด สามบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งประเทศซันถึงกลับกล้าที่สาดกระสุนใหญ่ท้าสู้ผู้แข็งแกร่งโลกวิถีบู๊แห่งจิ่วโจว ในบรรดาผู้แข็งแกร่งที่พวกเขาส่งไป น่าจะมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอด หรือผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้า”
เมื่อได้ยินคำพูดของหวยหลัน หยางเฉินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา แม้จะอยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าระยะกลาง เขาก็ไม่กลัว
หยางเฉินเยาะเย้ย “เพียงแค่อาศัยตระกูลวิถีบู๊ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังของสามบริษัทยักษ์ใหญ่ ก็ต้องการครองโลกวิถีบู๊ในจิ่วโจวเหรอ? พวกเขากำลังฝันอยู่หรือเปล่า!”
ทันใดนั้น ลั่วปิงก็โทรมา
ลั่วปิงพูดว่า “ท่านประธาน เมื่อสักครู่นี้ยูอิจิ คาชิโระได้ติดต่อกับผม และบอกว่าต้องการพบคุณเพียงลำพัง ท่านต้องการพบเขาไหม?”
หยางเฉินขมวดคิ้ว “คนของตระกูลยูอิจิ ต้องการพบผมหรือ?”