The king of War - บทที่ 1807 สั่งสอนให้ดี
มองหน้าเซี่ยเหอที่เต็มไปด้วยความกังวล หยางเฉินพูดยิ้ม ๆ “เป็นพวกแชโบลมาถึงแล้ว แต่ไม่มีปัญหา พวกเขาไม่กล้าทำอะไรหรอก”
ต้องยอมรับว่า รูปร่างหน้าตาของเซี่ยเหอนั้นอยู่ในระดับเลอเลิศ ลั่วปิงไม่รู้ให้ใครไปสรรหาซื้อเสื้อผ้าชุดนี้มา ใส่บนตัวเซี่ยเหอแล้วเหมาะสมดูดีอย่างมาก
เซี่ยเหอเห็นสีหน้าสบายอารมณ์ของหยางเฉิน ความกังวลในใจก็คลายลงไปในพลัน หล่อนรู้ดีอยู่ ถ้ามีอันตรายจริง หยางเฉินจะไม่ยอมให้หล่อนอยู่เผชิญหน้าพร้อมกับเขาเป็นแน่
เวลาผ่านไปนับนาทีจากวินาที สิบนาทีที่หยางเฉินกำหนดไว้กำลังใกล้จะถึง ในเวลานั้นเอง ลั่วปิงเคาะประตูแล้วเดินเข้ามา ตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นเซี่ยเหอ แต่ก็รีบเบนสายตาออก มองไปที่หยางเฉินพูดว่า “ท่านประธาน คนของแชโบลใหญ่ทั้งสามกลุ่มของประเทศซัน ได้จัดการโอนเงินค่าไถ่สิบสองพันล้าน เข้าไปให้ในบัญชีเยี่ยนเฉินกรุ๊ปแล้ว”
หยางเฉินผงกหัว เอ่ยปากพูดว่า “ในเมื่อจ่ายค่าไถ่แล้ว ก็บอกให้พวกมันไสหัวไปได้!”
“ครับ!”
ลั่วปิงรับคำสั่งแล้วจากไป
ในห้องพิเศษก็เหลือเพียงหยางเฉินกับเซี่ยเหอสองคนอีกครั้ง สีหน้าเซี่ยเหอเต็มไปด้วยความตื่นใจ จ้องหน้าหยางเฉินแล้วถาม “เงินค่าไถ่อะไรหรือ?”
หยางเฉินพูดเสียงหัวเราะว่า “ก็ไอ้พวกเด็กหนุ่มคนของแชโบลประเทศซันทั้งหมดนั่น ถูกผมกักไว้ที่นี่ แล้วให้ผู้ใหญ่ของพวกมันมารับตัวคืนไป ค่าไถ่คนละสิบร้อยล้าน”
เขาพูดเหมือนเล่าเรื่องสบาย ๆ แต่ทำเอาเซี่ยเหอถึงกับผวางง
หล่อนพูดด้วยความตื่นเต้น “คุณพูดว่า ต่อคน คนละสิบร้อยล้าน?”
หยางเฉินผงกหัว แววตาเป็นประกายจ้าขึ้นมาแวบหนึ่ง พูดเสียงขรึม “พวกมันกล้ามาแตะคนข้างตัวผม แค่เก็บเงินพวกมันเพียงสิบสองพันล้าน แล้วปล่อยตัวพวกมันไป นี่ก็เป็นความปรานีที่ยิ่งใหญ่มากแล้ว”
เป็นเวลานานที่จิตใจของเซี่ยเหอไม่สามารถสงบได้ แต่ก็เป็นความรู้สึกที่อบอุ่น เพราะเมื่อครู่นี้หยางเฉินพูดว่า หล่อนเป็นคนของหยางเฉิน
ความหมายของหยางเฉิน พูดอยู่ชัด ๆ ในความหมายว่าเซี่ยเหอเป็นเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ เขา แต่ถ่ายทอดไปถึงเซี่ยเหอ กลายเป็นว่าเป็นผู้หญิงของหยางเฉินไปซะนี่
ข้างนอกกลับสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว คนของแชโบลจากไปกันหมดแล้ว ลั่วปิงก็เข้ามาบอกกล่าวกับหยางเฉิน แล้วก็จากไป
ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ นี้มา ทั้งสองก็ไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่ต่อ หยางเฉินก็ส่งเซี่ยเหอกลับไปที่หน่วยงานการละคร
เพิ่งเข้าไปถึงหน่วยงาน ผู้จัดการก็รีบเข้ามาอย่างเร่งรีบ พูดด้วยสีหน้าเอือมระอา “แม่คุณท่านของฉัน ในที่สุดก็กลับมาได้ ถ้าขืนยังไม่กลับมา ฝ่ายเจ้าของผลิตภัณฑ์ก็จะแจ้งความหาว่าเราเบี้ยวสัญญาแล้ว รีบตามฉันไปถ่ายงานโฆษณาผลิตภัณฑ์เร็ว”
หยางเฉินก็จึงได้รู้ เซี่ยเหอไม่ได้มีเวลาว่างไปตามที่เขานัด แต่กำลังถ่ายทำโฆษณาอยู่ แล้วปลีกตัวไปกินข้าวกับเขา
เซี่ยเหอหันไปยิ้มเขิน ๆ กับหยางเฉิน แล้วพูดว่า “ก็ตกลงตามนี้แน่นอน พรุ่งนี้เช้าเก้าโมงเจอกัน!”
หยางเฉินผงกหัว ยิ้มน้อย ๆ “ตกลง!”
งานประชาสัมพันธ์เป็นอันตกลงแน่นอนแล้ว ให้พรุ่งนี้รอเมื่อซึ่ยเหอถ่ายทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางนี้เสร็จ ทางด้านลั่วปิงก็จะเริ่มดำเนินการ ผลักดันยี่ห้อครีมสเตคลีนนี้ออกไป หลังจากนั้นไปอีกสามวัน รอให้ผ่านเรื่องการนัดประลองยุทธของพวกแชโบลประเทศซันกับผู้แข็งแกร่งบูโดของจิ่วโจวแล้ว รอให้หยางเฉินคว้าแชมป์แล้ว ก็จะได้ทำให้ครีมสเตคลีนนี้ ตีตลาดให้ดังไปทั่วโลก
เรื่องผู้แข็งแกร่งของแชโบลประเทศซันนัดประลองยุทธกับผู้แข็งแกร่งบูโดของจิ่วโจวในครั้งนี้ ข่าวได้แพร่กระจายไปทั่วโลกแล้ว สายตาคนจำนวนมากมาย ต่างมุ่งจ้องมาที่เยี่ยนตู
มีคนต่างประเทศจำนวนมาก มาถึงที่เยี่ยนตู ต่างก็จะรอดูการนัดประลองยุทธกันของสองฝ่าย
เวลานี้ โรงแรมในเยี่ยนตูเกือบทั้งหมด ถูกจองกันเต็ม แม้กระทั่งเมืองข้างเคียงที่ใกล้กัน ที่พักต่างก็ถูกจองกันหมดแล้ว
หยางเฉินเตรียมจะออกไป ก็เห็นด้านทางเซี่ยเหอนั้น เหมือนกำลังมีเรื่องวิวาทกัน
สาวใหญ่ผู้จัดการของเซี่ยเหอ กำลังยืนป้องกันเซี่ยเหออยู่ด้านหลัง
หยางเฉินขมวดคิ้วย่น เขาพอจะได้ยินเสียงที่แว่วมา มีคนกำลังด่าเซี่ยเหอ
“หญิงสารเลวอย่างแก ถือดีว่ามีชื่อเสียงขึ้นมาหน่อย ก็จะมาวางมาดใหญ่โตกับซุ่นเทียนกรุ๊ปแล้วหรือไง?แกรู้หรือเปล่า เบื้องหลังของซุ่นเทียนกรุ๊ป ก็คือตระกูลโยชิดะซึ่งเป็นหนึ่งในสามแชโบลใหญ่แห่งประเทศซัน”
หญิงกลางคนนางหนึ่ง ใช้นิ้วจิ้มจมูกเซี่ยเหอด่าใส่ฉอก ๆ ท่าทางโอหังสุดยอด ตวาดใส่อย่างเกรี้ยวกราด “คุกเข่าลงขอโทษเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องมาหาว่าฉันไม่ไว้หน้าแกแล้วล่ะ!”
ผู้จัดการของเซี่ยเหอก็ยังคงแก้ต่างแทน “ท่านประธานฟู่ ต้องกราบขอโทษจริง ๆ เซี่ยเหอของฉันพอดีมีเรื่องด่วนที่บ้าน เลยต้องรับไป”
ประธานฟู่หัวเราะเสียงเหยียด “หล่อนแค่คนวงการบันเทิง จะไปมีเรื่องด่วนอะไรกัน?แค่มากคงจะรีบไปนอนกับผู้ชายกาก ๆ แลกเอาเงินใช้มั้ง?”
“คุณหุบปากเลย!”
เซี่ยเหอโกรธจัดจนห้ามใจไม่ได้ พูดตาแดง ๆ “ฉันตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องการจะรับงานประชาสัมพันธ์ให้ซุ่นเทียนกรุ๊ปของพวกคุณอยู่แล้ว เป็นเพราะพวกคุณไปข่มขู่เจ๊หง ฉันจึงได้ฝืนรับเป็นประชาสัมพันธ์ให้อย่างเสียไม่ได้”
“ซุ่นเทียนกรุ๊ปตอนนี้เป็นธุรกิจใต้อานัติของแชโบลของประเทศซัน ข้าเซี่ยเหอเกลียดที่สุดก็คือประเทศซัน ถ้าหากพวกคุณจะใช้วิธีต่ำทรามของพวกคุณ ฉันต่อให้ต้องถึงตาย ก็จะไม่ทำงานประชาสัมพันธ์ให้กับองค์กรธุรกิจก่อการร้ายของประเทศซัน”
พูดจบ หล่อนหันไปมองที่ผู้จัดการแล้วพูด “เจ๊หง งานประชาสัมพันธ์งานนี้ พวกเราไม่รับ ช่วงเวลานี้ คุณมาอยู่กับฉัน เพื่อนของฉันเก่งกาจมาก ไม่มีอะไรต้องไปกลัวกับไอ้พวกแชโบลของประเทศซัน”
หากเป็นก่อนหน้านี้ เซี่ยเหอคงต้องขอประนีประนอม แต่ด้วยก่อนหน้านี้ที่ร้านอาหารเป่ยหยวนเซียง ได้รู้เห็นถึงความร้ายกาจของหยางเฉิน จึงไม่มีต้องกลัวแชโบลของประเทศซันอีก
ก็เมื่อครู่ที่ผ่านไปนี้เอง สามแชโบลของประเทศซัน จ่ายเงินชดใช้ให้หยางเฉินถึงสิบสองพันล้าน ถึงได้รับพวกเด็กหนุ่มแชโบลของประเทศซันไปได้
เจ๊หงลนลานขึ้นมาทันที รีบพูดไปว่า “เซี่ยเหอ เธอไม่ต้องพูด เรื่องนี้ปล่อยฉันจัดการเอง”
พูดจบ หล่อนก็ตาลีตาเหลือกพูดกับประธานฝู่ “ท่านฝู่ ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง อย่าไปใส่ใจเอาเรื่องกับพวกเราเลยนะ นี่เป็นความผิดของพวกเราเอง งานประชาสัมพันธ์นี้ พวกเรายอมให้ท่านตัดไปเลยห้าเปอร์เซ็นต์ ท่านว่า ตกลงได้นะ?”
“ไสหัวไปเลย!”
ประธานฝู่ผลักเจ๊หงออกไป เดินตรงเข้าไปหาเซี่ยเหอ
“นังสารเลวนี่ บังอาจดูหมิ่นแชโบลของประเทศซันที่ยิ่งใหญ่ แม่จะขอตบปากแกสักที!”
ประธานฟู่พูดพลาง ก็ได้เงื้อมือขึ้นแล้ว ตบลงใส่หน้าเซี่ยเหออย่างเต็มแรง
“เผียะ!”
ที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงคือ ประธานฟู่ยังไม่ทันได้แตะถูกหน้าเซี่ยเหอเลย เซี่ยเหอกลับซัดฝ่ามือออกไป ตบใส่หน้าประธานฟู่อย่างแรงเต็ม ๆ
เสียงบ้องหูดังฟังชัด ตามมาให้เห็นครึ่งหน้าของประธานฟู่ฝู่ แดงก่ำขึ้นมาทันที
เดิมคิดว่าจะยื่นมือเข้าไป หยางเฉินที่ยืนอยู่ในฝูงคน เลยยืนหัวเราะมองเซี่ยเหอเฉย
ก็เพราะเซี่ยเหอนุ่มนวลจนเกินไป จิตใจก็อ่อนโยน คนประเภทนี้มักถูกรังแก
ถ้าเป็นผู้หญิงอื่นทั่วไป ถึงป่านนี้คงได้ใช้ฐานะของเขา ใช้เป็นเครื่องมือซอกแซกไปในวงการบันเทิงจนฟู่ฟ่าไปแล้ว แต่สำหรับเซี่ยเหอ กลับไม่เคยแสดงตนในความเกี่ยวข้องกับหยางเฉินไปใช้
ตบบ้องหูฉาดนี้ใส่บนหน้าของประธานฟู่ ทำเอาทุกคนที่อยู่ตะลึงงง เซี่ยเหอพูดอย่างขึ้งโกรธ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะไม่รับเป็นกระบอกเสียงใด ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศซัน!”
ประธานฟู่มองหน้าเซี่ยเหอด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ งงอยู่พักใหญ่กว่าจะตั้งสติได้ สีหน้าเต็มไปด้วยความระห่ำโหด “แกนังหญิงสารเลว แกกล้าตบฉัน?”
“บอดี้การ์ด จับนังสารเลวคนนี้มาให้ข้า!”
ขาดเสียงคำสั่งของนางลง บอดี้การ์ดสองคนรีบถลาเข้ามา ซ้ายคนขวาคนจับแขนของเซี่ยเหอไว้
เซี่ยเหอไม่มีอาการหวาดหวั่นแสดงให้เห็นบนสีหน้า สองตาจ้องเขม็งที่ประธานฟู่ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดด้วยความโกรธ “ต่อให้แกตีข้าให้ตาย ก็อย่าคิดเลยว่าจะก้มหัวให้กับพวกหมาของประเทศซันนั่น!”
เจ๊หงเห็นท่าทีดังนั้น ร้อนใจขึ้นมาในทันที รีบร้องขอไปว่า “ท่านประธานฟู่ ขอร้องท่านโปรดเมตตาเถอะ อย่าไปถือสาความคิดโง่ ๆ ของเซี่ยเหอเลย ปล่อยเธอเถอะ ฉันขอรับรองได้เลยว่า กลับไปนี่จะอบรมสั่งสอนหล่อนอย่างดี”
“ไปให้พ้น!”
ประธานฟู่ตบหน้าใส่เจ๊หงฉาดใหญ่ แล้วก็เดินตรงไปข้างหน้าหาเซี่ยเหอ พูดด้วยสีหน้าโกรธแค้น “แกกล้าตบหน้าข้าฟู่ชิงเหมย ข้าก็ต้องให้แกเสียโฉม!”
พูดจบ ในมือของหล่อนก็ปรากฏมีมีดพกมาเล่มหนึ่ง