The king of War - บทที่ 1808 มีความหวังตั้งอยู่
บทที่ 1808 มีความหวังตั้งอยู่
ฟู่ชิงเหมยโกรธขึ้นแล้วมาสุด ๆ เป็นถึงผู้จัดการทั่วไปของซุ่นเทียนกรุ๊ป กลับถูกดาราสาวคนหนึ่งสบประมาท หล่อนทนไม่ได้
เห็นหล่อนเอามีดพกออกมา เจ๊หงตกใจแทบร้องไห้ในทันที รีบตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ในทีมงาน “พวกแกเข้าไปช่วยเซี่ยเหอเร็วเข้า!”
แต่ว่า เห็นฟู่ชิงเหมยอยู่ทั้งคน ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย
เซี่ยเหอถูกบอดี้การ์ดจับยึดแขนไว้ข้างละคน สีหน้าไม่มีอาการหวาดกลัวแม้แต่น้อย สองตาแดงก่ำจ้องฟู่ชิงเหมยพูดว่า “แล้วคุณจะต้องเสียใจ!”
ฟู่ชิงเหมยพูดอย่างเกรี้ยวกราด “นังหญิงสารเลว มาถึงตอนนี้แล้ว ยังกล้าพูดสามหาวกับข้า เดี๋ยวข้าจะทำให้แกเสียโฉมแล้วจะรอดู ดูว่าแกจะอยู่ในวงการบันเทิงนี้ต่อได้อีกยังไง?”
พูดจบ นางก็พามีดพกในมือ กรีดไปบนใบหน้าของเซี่ยเหอ
“อย่านะ!”
เจ๊หงตะโกนร้องออกมา แต่ตัวนางเองถูกคนของฟู่ชิงเหมยขวางเอาไว้ ไม่มีทางฝ่าเข้าไปได้ ได้แต่มองตาตื่น มีดพกในมือของฟู่ชิงเหมย กำลังกรีดเข้าไปหาใบหน้าของเซี่ยเหอ
“ผัวะ!”
ทันใดนั้น แสงเงินวาบของวัตถุโลหะผ่านไปวูบ ฉับพลันนั้น แขนข้างที่มีมีดพกในมือของฟู่ชิงเหมย ถูกตัดขาดตั้งแต่ข้อมือขึ้นมา แขนทั้งข้างตกร่วงลงไปที่พื้น
เลือดสดสาดกระจาย เปื้อนย้อมสีแดงใส่เสื้อผ้าของฟู่ชิงเหมย
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพียงชั่ววาบของสะเก็ดไฟจากตะไลเพลิง ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น พอเห็นก็คือตอนที่มือทั้งข้างของฟู่ชิงเหมยตกไปอยู่ที่พื้น แต่ละคนตาค้าง หน้าตาตื่นกลัว
“อ๊าก……”
ชะงักค้างชั่วเดี๋ยวเดียว เสียงครวญร้องอย่างโหยหวน ดังได้ยินไปทั่วทั้งทีมงานละคร
แต่ก็แค่เสียงร้องครั้งเดียว เสียงโหยหวนก็เงียบหายไป เพราะว่าฟู่ชิงเหมยเจ็บปวดจนสลบไป
“ว้าย…”
ทั้งบริเวณแตกตื่นโกลาหล สาวใหญ่น้อยที่ขวัญอ่อนหลายคน ต่างกรีดร้องกันออกมา
เซี่ยเหอหน้าเซ่อ พอมองไปเห็นหยางเฉินที่กำลังเดินตรงเข้ามา ก็เข้าใจขึ้นมาทันที
นอกจากหยางเฉิน ยังจะมีใครช่วยหล่อนได้?
ในขณะนั้น ในมือของหยางเฉิน เห็นมีมีดพกส่องประกายเงินวาว ตรงส่วนปลายแหลม เลือดแดงสดไหลหยดยังไม่หยุด
ชัดเจน แสงเงินที่แวบผ่านไปเมื่อครู่นี้ ก็คือมีดพกในมือของหยางเฉิน แต่ไม่มีใครรู้ได้ว่า มีดพกกลับไปอยู่ในมือหยางเฉินได้ยังไง
บอดี้การ์ดที่จับแขนเซี่ยเหออยู่ข้างละคนนั้น เหมือนเผชิญหน้ากับข้าศึกที่ยิ่งใหญ่ บนใบหน้า เต็มด้วยความหนักเครียด
พวกเขาก็เป็นยอดฝีมือ แต่เมื่อครู่ที่หยางเฉินซึ่งห่างออกไปถึงสิบเมตร ใช้มีดพกตัดแขนของฟู่ชิงเหมย พวกเขายังไม่รู้เลย
ถ้าพวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่า ในโลกนี้มีผู้แข็งแกร่งที่มีพลังฝีมือสูงล้ำอย่างน่ากลัว สามารถสังหารคนได้กลางอากาศ พวกเขาอาจจะนึกไปว่า แขนของฟู่ชิงเหมยนั้น หลุดตกลงพื้นไปเอง
“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หยางเฉินมองไปที่เซี่ยเหอ สีหน้าห่วงใย
ในแววตาของเซี่ยเหอยังมีความหวาดกลัวอยู่ ตัวก็ยังสั่นเทิ้มอยู่เล็กน้อย ถึงหล่อนจะเข้าใจดีว่า หยางเฉินทำไปเพื่อช่วยหล่อน จึงได้ตัดแขนของฟู่ชิงเหมย แต่ภาพเหตุการณ์คลุ้งกลิ่นคาวเลือดแบบนี้ ก็ทำให้หล่อนหวาดกลัวเอามาก
เซี่ยเหอส่ายหน้าอย่างรู้สึกสับสนมองไปที่หยางเฉิน “ฉันไม่เป็นไร!”
สายตาหยางเฉินมองไปที่บอดี้การ์ดสองคนที่ยืนประกบตัวเซี่ยเหออยู่ พลันกระแสกดดันจากพลังบูโดที่หนักหน่วง ระเบิดออกจากตัวของเขาเข้าครอบงำสองบอดี้การ์ดนั้นในทันที
บอดี้การ์ดของฟู่ชิงเหมย ทั้งสองคน ทันทีเกิดความรู้สึกที่บ่าของพวกเขา เหมือนมีแรงหนักขนาดภูเขาทั้งลูก ความกดดันอันมหาศาล ทำให้ในใจพวกเขาอดไม่ได้ที่จะหวาดหวั่น พวกเขาต่างมีความรู้สึกว่า เพียงหากว่าหยางเฉินแค่คิด ก็จะฆ่าพวกเขาทิ้งได้อย่างง่ายดาย
“พวกแกเป็นคนของซุ่นเทียนกรุ๊ปหรือ?”
หยางเฉินจู่ ๆ ก็จ้องไปที่หนึ่งในบอดี้การ์ด เอ่ยปากถาม
คนคนนั้นรีบผงกหัวตอบว่า “คุณท่านผู้นี้ พวกเราเป็นเพียงบอดี้การ์ดที่ซุ่นเทียนกรุ๊ปจ้างมาทำงานเท่านั้น ส่วนตัวไม่ได้มีความคิดมุ่งร้ายอะไรกับคุณเซี่ยเลยนะครับ”
ขณะพูด ทั้งสองก็รีบคลายมือที่จับยึดเซี่ยเหอออก
หยางเฉินเอ่ยปากพูดสั่งไปว่า “ติดต่อไปที่คนในตระกูลโยชิดะ บอกว่าข้าคือหยางเฉิน ให้เวลาพวกเขาสิบนาที โอนเงินเข้าบัญชีเยี่ยนเฉินกรุ๊ปสามสิบร้อยล้าน ถ้าภายในสิบนาทีนี้ เงินไม่ได้เข้าไปในบัญชี ข้าจะไปเก็บเองกับคนตระกูลโยชิดะ”
ได้ยินที่หยางเฉินพูด พนักงานทีมงานการละครรอบบริเวณ ต่างตื่นตะลึงกันเต็มหน้า
ยังมีคนกล้าที่จะเรียกเงินจากแชโบลตระกูลโยชิดะ อีกทั้งยังเรียกตั้งสามสิบร้อยล้าน?
สองบอดี้การ์ดของซุ่นเทียนกรุ๊ป ต่างก็ตะลึงเซ่อ นี่แม่งจะขู่เรียกค่าไถ่กันหรือ?แต่พวกเขาไม่กล้าปฏิเสธ
หนึ่งในสองคนนั้นรีบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาติดต่อไป
หยางเฉินก็มองไปที่เซี่ยเหอพูดว่า “ไปเถอะ ผมส่งเธอกลับบ้าน!”
เดิมทีเซี่ยเหอมาเพื่อถ่ายทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ซุ่นเทียนกรุ๊ป มาถึงตอนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อไปแล้ว
ภายใต้สายตาของกลุ่มเจ้าหน้าที่ทีมงานการละคร หยางเฉินพาเซี่ยเหอจากไป
ขณะนี้ ภายในคฤหาสน์หลังเดี่ยวสุดหรู
โยชิดะ คิอิจิก็ได้รู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทีมงานการละครของเซี่ยเหอ ที่แสดงออกบนใบหน้า มีแต่ความบูดเบี้ยว
“หยางเฉินอีกแล้ว!”
โยชิดะ คิอิจิพูดคำนี้โดยที่แทบจะยังกัดฟันอยู่
ลูกชายของเขาโยชิดะ ทาโร หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ เพิ่งเกิดเรื่องกันที่ร้านอาหารเป่ยหยวนเซียง แล้วถูกหยางเฉินฆ่าตาย แล้วนี่เขาก็เพิ่งกลับเข้ามาถึงบ้านไม่ทันไร ก็มาได้ข่าวฟู่ชิงเหมยโดนหยางเฉินตัดแขนทิ้งไปข้างหนึ่งอีก
ไม่เพียงเท่านั้น หยางเฉินยังจะให้ตระกูลโยชิดะโอนเงินไปให้เยี่ยนเฉิงกรุ๊ปสามสิบร้อยล้าน ชัดเจนเลย เอาเหมือนแบบที่เกิดที่ร้านอาหารเป่ยหยวนเซียง หนึ่งคนสิบร้อยล้าน ที่ทีมงานนั่นสามคน ก็คือสามสิบร้อยล้าน
แต่ทำไงได้ ถึงยังไงเขาจะไม่จ่ายก็ไม่ได้ เพราะอาศัยบารมีของแชโบลพวกเขานี้ เวลานี้ยังทำอะไรหยางเฉินไม่ได้
โยชิดะ คิอิจิก็ได้แต่กัดฟันพูดไปว่า “ตอนนี้ต้องปล่อยให้แกลิงโลดอิ่มอกอิ่มใจไปสักหลายวันก่อน รอให้กลุ่มผู้แข็งแกร่งที่สายตระกูลบูโดที่อยู่เบื้องหลังแชโบลของพวกเราส่งมาได้มาถึงกันก่อน ข้าจะจัดการให้แกคืนกลับมาทั้งต้นทั้งดอกเลย”
อีกด้านหนึ่ง หยางเฉินขับรถ พาเซี่ยเหอออกจากทีมงานการละคร
ในระหว่างทางส่งเซี่ยเหอกลับบ้าน เซี่ยเหอปิดปากเงียบไม่พูด สีหน้ายังดูซีดเผือด แน่นอนว่ายังไม่สามารถคืนสติจากภาพที่เกิดขึ้นที่ทีมงานการละครกลับมาได้
รถแล่นไปด้วยความเร็วสูง ยี่สิบนาทีผ่านไป ก็ได้จอดลงบริเวณแหล่งบ้านพักอาศัยระดับสูงของเยี่ยนตู
หยางเฉิงจึงได้หันไปมองเซี่ยเหอ พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เซี่ยเหอ ผมก็รู้ เธออคติอยู่กับการลงมือที่ดูเหี้ยมโหดเมื่อก่อนหน้านี้ และคงตกใจกลัวมากด้วย แต่ผมต้องบอกอะไรคุณไว้ ที่เธอเห็นนั้นเพียงแค่เศษเสี้ยวของความเป็นจริงเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งที่ตายด้วยน้ำมือผมนั้น จำนวนมากเอามากทีเดียว”
ได้ยินที่หยางเฉินพูด เซี่ยเหอถึงกับสั่น สีหน้าซีดเผือดเพิ่มขึ้นไปอีก
หยางเฉินพูดต่อ “โลกนี้โหดเหี้ยมมากนะ โดยเฉพาะในแวดวงโลกบูโด ยิ่งจะโหดเหี้ยมขึ้นไปอีก ทุกแต่ละวันจะมีผู้แข็งแกร่งมากมายมีอันเป็นต้องร่วงดับไป ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่ง ผมก็คงต้อง……”
ไม่ปล่อยให้หยางเฉินพูดจบ เซี่ยเหอรีบพูดขึ้นมา “ไม่มีทางมีวันนั้นหรอก!”
ดวงตาทั้งคู่ของเซี่ยเหอดูเอ่อชื้น เม้มริมฝีปาก ตาทั้งคู่จ้องไปที่หยางเฉิน พักใหญ่ แล้วจึงพูดว่า “ที่คุณพูดนี่ เพียงเพราะคุณต้องการบอกฉัน ให้ฉันรู้ว่าเราสองคนไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน จะให้ฉันไม่ต้องไปฝากหวังอะไรในตัวคุณ ใช่ไหม