The king of War - บทที่ 1811 พวกเราต้องชนะ
บทที่ 1811 พวกเราต้องชนะ
ขาที่อัดลงมา ทำเอาหยางเฉินเซถอยไปหลายก้าว เกือบชนเอาเซี่ยเหอล้มกลิ้ง จะเห็นได้ว่า พลังของฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งไม่เบา
“หยางเฉิน!”
เซี่ยเหอดึงสติกลับมาได้ ตกใจร้องออกมา
สีหน้าหยางเฉินอึมครึมสุด ๆ ตาทั้งคู่จ้องไปยังผู้แข็งแกร่งที่ลอบจู่โจมใส่ตัวเขาเข้ามา
ฝ่ายตรงข้ามเป็นชายวัยกลางคน กระแสพลังบูโดเข้มข้นแผ่กระจาย ดูจากการแต่งกาย น่าจะเป็นคนประเทศซัน
แววตาของชายกลางคนนั้น แสดงออกให้เห็นถึงความอัศจรรย์ใจ เหมือนไม่เชื่อว่า หยางเฉินรับการจู่โจมของเขาได้
ต้องบอกให้รู้ว่า การจู่โจมเมื่อครู่นี้ของเขา เป็นการใช้พลังเต็มที่ กลับเพียงแค่ทำให้หยางเฉินเซถอยไม่กี่ก้าว ถ้าลงมือต่อสู้กันจริง ๆ ใครจะอยู่ใครจะไป ยังไม่สามารถจะรู้ได้
“สมแล้วที่เป็นเด็กหนุ่มที่กล้าท้าทายกับ
ฟู่ชิงเหมยโกรธขึ้นแล้วมาสุด ๆ เป็นถึงผู้จัดการทั่วไปของซุ่นเทียนกรุ๊ป กลับถูกดาราสาวคนหนึ่งสบประมาท หล่อนทนไม่ได้
เห็นหล่อนเอามีดพกออกมา เจ๊หงตกใจแทบร้องให้ในทันที รีบตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ในทีมงาน “พวกแกเข้าไปช่วยเซี่ยเหอเร็วเข้า!”
แต่ว่า เห็นฟู่ชิงเหมยอยู่ทั้งคน ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย
เซี่ยเหอถูกบอดี้การ์ดจับยึดแขนไว้ข้างละคน สีหน้าไม่มีอาการหวาดกลัวแม้แต่น้อย สองตาแดงก่ำจ้องฟู่ชิงเหมยพูดว่า “แล้วคุณจะต้องเสียใจ!”
ฟู่ชิงเหมยพูดอย่างเกรี้ยวกราด “นังหญิงสารเลว มาถึงตอนนี้แล้ว ยังกล้าพูดสามหาวกับข้า เดี๋ยวข้าจะทำให้แกเสียโฉมแล้วจะรอดูดูว่าแกจะอยู่ในวงการบันเทิงนี้ต่อได้อีกยังไง?”
พูดจบ นางก็พามีดพกในมือ กรีดไปบนใบหน้าของเซี่ยเหอ
“อย่านะ!”
เจ๊หงตะโกนร้องออกมา แต่ตัวนางเองถูกคนของฟู่ชิงเหมยขวางเอาไว้ ไม่มีทางฝ่าเข้าไปได้ ได้แต่มองตาตื่น มีดพกในมือของฟู่ชิงเหมย กำลังกรีดเข้าไปหาใบหน้าของเซี่ยเหอ
“ผัวะ!”
ทันใดนั้น แสงเงินวาบของวัตถุโลหะผ่านไปวูบ ฉับพลันนั้น แขนข้างที่มีมีดพกในมือของฟู่ชิงเหมย ถูกตัดขาดตั้งแต่ข้อมือขึ้นมา แขนทั้งข้างตกร่วงลงไปที่พื้น
เลือดสดสาดกระจาย เปื้อนย้อมสีแดงใส่เสื้อผ้าของฟู่ชิงเหมย
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพียงชั่ววาบของสะเก็ดไฟจากตะไลเพลิง ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น พอเห็นก็คือตอนที่มือทั้งข้างของฟู่ชิงเหมยตกไปอยู่ที่พื้น แต่ละคนตาค้าง หน้าตาตื่นกลัว
“อ๊าก……”
ชะงักค้างชั่วเดี๋ยวเดียว เสียงครวญร้องอย่างโหยหวน ดังได้ยินไปทั่วทั้งทีมงานละคร
แต่ก็แค่เสียงร้องครั้งเดียว เสียงโหยหวนก็เงียบหายไป เพราะว่าฟู่ชิงเหมยเจ็บปวดจนสลบไป
“ว้าย…”
ทั้งบริเวณแตกตื่นโกลาหล สาวใหญ่น้อยที่ขวัญอ่อนหลายคน ต่างกรีดร้องกันออกมา
เซี่ยเหอหน้าเซ่อ พอมองไปเห็นหยางเฉินที่กำลังเดินตรงเข้ามา ก็เข้าใจขึ้นมาทันที
นอกจากหยางเฉิน ยังจะมีใครช่วยหล่อนได้?
ในขณะนั้น ในมือของหยางเฉิน เห็นมีมีดพกส่องประกายเงินวาว ตรงส่วนปลายแหลม เลือดแดงสดไหลหยดยังไม่หยุด
ชัดเจน แสงเงินที่แวบผ่านไปเมื่อครู่นี้ ก็คือมีดพกในมือของหยางเฉิน แต่ไม่มีใครรู้ได้ว่า มีดพกกลับไปอยู่ในมือหยางเฉินได้ยังไง
บอดี้การ์ดที่จับแขนเซี่ยเหออยู่ข้างละคนนั้น เหมือนเผชิญหน้ากับข้าศึกที่ยิ่งใหญ่ บนใบหน้า เต็มด้วยความหนักเครียด
พวกเขาก็เป็นยอดฝีมือ แต่เมื่อครู่ที่หยางเฉินซึ่งห่างออกไปถึงสิบเมตร ใช้มีดพกตัดแขนของฟู่ชิงเหมย พวกเขายังไม่รู้เลย
ถ้าพวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่า ในโลกนี้มีผู้แข็งแกร่งที่มีพลังฝีมือสูงล้ำอย่างน่ากลัว สามารถสังหารคนได้กลางอากาศ พวกเขาอาจจะนึกไปว่า แขนของฟู่ชิงเหมยนั้น หลุดตกลงพื้นไปเอง
“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หยางเฉินมองไปที่เซี่ยเหอ สีหน้าห่วงใย
ในแววตาของเซี่ยเหอยังมีความหวาดกลัวอยู่ ตัวก็ยังสั่นเทิ้มอยู่เล็กน้อย ถึงหล่อนจะเข้าใจดีว่า หยางเฉินทำไปเพื่อช่วยหล่อน จึงได้ตัดแขนของฟู่ชิงเหมย แต่ภาพเหตุการณ์คลุ้งกลิ่นคาวเลือดแบบนี้ ก็ทำให้หล่อนหวาดกลัวเอามาก
เซี่ยเหอส่ายหน้าอย่างรู้สึกสับสนมองไปที่หยางเฉิน “ฉันไม่เป็นไร!”
สายตาหยางเฉินมองไปที่บอดี้การ์ดสองคนที่ยืนประกบตัวเซี่ยเหออยู่ พลันกระแสกดดันจากพลังบูโดที่หนักหน่วง ระเบิดออกจากตัวของเขาเข้าครอบงำสองบอดี้การ์ดนั้นในทันที
บอดี้การ์ดของฟู่ชิงเหมย ทั้งสองคน ทันทีเกิดความรู้สึกที่บ่าของพวกเขา เหมือนมีแรงหนักขนาดภูเขาทั้งลูก ความกดดันอันมหาศาล ทำให้ในใจพวกเขาอดไม่ได้ที่จะหวาดหวั่น พวกเขาต่างมีความรู้สึกว่า เพียงหากว่าหยางเฉินแค่คิด ก็จะฆ่าพวกเขาทิ้งได้อย่างง่ายดาย
“พวกแกเป็นคนของซุ่นเทียนกรุ๊ปหรือ?”
หยางเฉินจู่ ๆ ก็จ้องไปที่หนึ่งในบอดี้การ์ด เอ่ยปากถาม
คนคนนั้นรีบผงกหัวตอบว่า “คุณท่านผู้นี้ พวกเราเป็นเพียงบอดี้การ์ดที่ซุ่นเทียนกรุ๊ปจ้างมาทำงานเท่านั้น ส่วนตัวไม่ได้มีความคิดมุ่งร้ายอะไรกับคุณเซี่ยเลยนะครับ”
ขณะพูด ทั้งสองก็รีบคลายมือที่จับยึดเซี่ยเหอออก
หยางเฉินเอ่ยปากพูดสั่งไปว่า “ติดต่อไปที่คนในตระกูลโยชิดะ บอกว่าข้าคือหยางเฉิน ให้เวลาพวกเขาสิบนาที โอนเงินเข้าบัญชีเยี่ยนเฉินกรุ๊ปสามสิบร้อยล้าน ถ้าภายในสิบนาทีนี้ เงินไม่ได้เข้าไปในบัญชี ข้าจะไปเก็บเองกับคนตระกูลโยชิดะ”
ได้ยินที่หยางเฉินพูด พนักงานทีมงานการละครรอบบริเวณ ต่างตื่นตะลึงกันเต็มหน้า
ยังมีคนกล้าที่จะเรียกเงินจากแชโบลตระกูลโยชิดะ อีกทั้งยังเรียกตั้งสามสิบร้อยล้าน?
สองบอดี้การ์ดของซุ่นเทียนกรุ๊ป ต่างก็ตะลึงเซ่อ นี่แม่งจะขู่เรียกค่าไถ่กันหรือ?แต่พวกเขาไม่กล้าปฏิเสธ
หนึ่งในสองคนนั้นรีบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาติดต่อไป
หยางเฉินก็มองไปที่เซี่ยเหอพูดว่า “ไปเถอะ ผมส่งเธอกลับบ้าน!”
เดิมทีเซี่ยเหอมาเพื่อถ่ายทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ซุ่นเทียนกรุ๊ป มาถึงตอนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อไปแล้ว
ภายใต้สายตาของกลุ่มเจ้าหน้าที่ทีมงานการละคร หยางเฉินพาเซี่ยเหอจากไป
ขณะนี้ ภายในคฤหาสน์หลังเดี่ยวสุดหรู
โยชิดะ คิอิจิก็ได้รู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทีมงานการละครของเซี่ยเหอ ที่แสดงออกบนใบหน้า มีแต่ความบูดเบี้ยว
“หยางเฉินอีกแล้ว!”
โยชิดะ คิอิจิพูดคำนี้โดยที่แทบจะยังกัดฟันอยู่
ลูกชายของเขาโยชิดะ ทาโร หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ เพิ่งเกิดเรื่องกันที่ร้านอาหารเป่ยหยวนเซียง แล้วถูกหยางเฉินฆ่าตาย แล้วนี่เขาก็เพิ่งกลับเข้ามาถึงบ้านไม่ทันไร ก็มาได้ข่าวฟู่ชิงเหมยโดนหยางเฉินตัดแขนทิ้งไปข้างหนึ่งอีก
ไม่เพียงเท่านั้น หยางเฉินยังจะให้ตระกูลโยชิดะโอนเงินไปให้เยี่ยนเฉิงกรุ๊ปสามสิบร้อยล้าน ชัดเจนเลย เอาเหมือนแบบที่เกิดที่ร้านอาหารเป่ยหยวนเซียง หนึ่งคนสิบร้อยล้าน ที่ทีมงานนั่นสามคน ก็คือสามสิบร้อยล้าน
แต่ทำไงได้ ถึงยังไงเขาจะไม่จ่ายก็ไม่ได้ เพราะอาศัยบารมีของแชโบลพวกเขานี้ เวลานี้ยังทำอะไรหยางเฉินไม่ได้
โยชิดะ คิอิจิก็ได้แต่กัดฟันพูดไปว่า “ตอนนี้ต้องปล่อยให้แกลิงโลดอิ่มอกอิ่มใจไปสักหลายวันก่อน รอให้กลุ่มผู้แข็งแกร่งที่สายตระกูลบูโดที่อยู่เบื้องหลังแชโบลของพวกเราส่งมาได้มาถึงกันก่อน ข้าจะจัดการให้แกคืนกลับมาทั้งต้นทั้งดอกเลย”
อีกด้านหนึ่ง หยางเฉินขับรถ พาเซี่ยเหอออกจากทีมงานการละคร
ในระหว่างทางส่งเซี่ยเหอกลับบ้าน เซี่ยเหอปิดปากเงียบไม่พูด สีหน้ายังดูซีดเผือด แน่นอนว่ายังไม่สามารถคืนสติจากภาพที่เกิดขึ้นที่ทีมงานการละครกลับมาได้
รถแล่นไปด้วยความเร็วสูง ยี่สิบนาทีผ่านไป ก็ได้จอดลงบริเวณแหล่งบ้านพักอาศัยระดับสูงของเยี่ยนตู
หยางเฉิงจึงได้หันไปมองเซี่ยเหอ พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เซี่ยเหอ ผมก็รู้ เธออคติอยู่กับการลงมือที่ดูเหี้ยมโหดเมื่อก่อนหน้านี้ และคงตกใจกลัวมากด้วย แต่ผมต้องบอกอะไรคุณไว้ ที่เธอเห็นนั้นเพียงแค่เศษเสี้ยวของความเป็นจริงเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งที่ตายด้วยน้ำมือผมนั้น จำนวนมากเอามากทีเดียว”
ได้ยินที่หยางเฉินพูด เซี่ยเหอถึงกับสั่น สีหน้าซีดเผือดเพิ่มขึ้นไปอีก
หยางเฉินพูดต่อ “โลกนี้โหดเหี้ยมมากนะ โดยเฉพาะในแวดวงโลกบูโด ยิ่งจะโหดเหี้ยมขึ้นไปอีก ทุกแต่ละวันจะมีผู้แข็งแกร่งมากมายมีอันเป็นต้องร่วงดับไป ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่ง ผมก็คงต้อง……”
ไม่ปล่อยให้หยางเฉินพูดจบ เซี่ยเหอรีบพูดขึ้นมา “ไม่มีทางมีวันนั้นหรอก!”
ดวงตาทั้งคู่ของเซี่ยเหอดูเอ่อชื้น เม้มริมฝีปาก ตาทั้งคู่จ้องไปที่หยางเฉิน พักใหญ่ แล้วจึงพูดว่า “ที่คุณพูดนี่ เพียงเพราะคุณต้องการบอกฉัน ให้ฉันรู้ว่าเราสองคนไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน จะให้ฉันไม่ต้องไปฝากหวังอะไรในตัวคุณ ใช่ไหมประเทศซัน ไม่ธรรมดาจริง ๆ พลังฝีมือของเจ้า น่าจะอยู่ที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นสุดยอดแล้วสิ?”
ฝ่ายตรงข้ามเอ่ยปากในทันทีนั้น
ใช่พวกคนประเทศซันจริง ๆ สำเนียงเหน่อแบบคนประเทศซันออกชัดอย่างมาก
หยางเฉินพูดเสียงยะเยือก “ที่แท้เป็นคนของพวกแชโบล คิดไม่ถึงว่าจะมากันเร็วขนาดนี้ นี่คงเพราะแชโบลไม่มีความมั่นใจในการประลองยุทธกับผู้แข็งแกร่งแห่งแผ่นดินใหญ่ที่มีนัดกันในอีกสองวันข้างหน้านั้นสิ จึงได้ส่งมาลองเชิงข้าใช่ไหม?”
คะเนจากแรงที่จู่โจมมาเมื่อครู่นี้ พลังแดนบูโดของฝ่ายตรงข้ามนี้ น่าจะต้องอยู่ที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอด
หยางเฉินถ้าจะฆ่าล้างฝ่ายตรงข้ามนี้ทิ้ง ง่ายเหมือนเขี่ยทิ้ง แต่ในเวลานี้ เขายังไม่ควรสำแดงพลังฝีมือแท้จริงของตัวเองออกมา
เมื่อตะกี้นี้ถึงแม้ถูกฝ่ายตรงข้ามกระแทกเซถอยไปหลายก้าว แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว เขาไม่ทันคิดว่าจะเกิดเหตุถูกดักจู่โจมที่นี่ ฉะนั้นที่ไปรับนี้ เป็นเลือดเนื้อแท้ ๆ ของตัวเองรับเข้าเต็ม ๆ
ฝ่ายตรงข้ามจ้องหยางเฉินอยู่พักใหญ่ หัวเราะเสียงเย้ยเหยียด “แค่อย่างเจ้านี่หรือ ยังไม่มีศักดิ์ศรีพอให้ผู้แข็งแกร่งบูโดของแชโบล ประเทศซันพวกเรามาทดสอบหรอก”
หยางเฉินพูดเสียงหนาวเยือก “งั้นหรือ?”
ในทันทีที่เสียงพูดของเขาจบ ตัวก็พุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม
“ฮึ!”
ฝ่ายตรงข้ามสะบัดเสียงออกจมูก กับการที่หยางเฉินพุ่งเข้ามาใส่เขา ไม่ได้เหนือความคาดคิดของเขาเลย
กระแสพลังบูโดในตัวเขาระเบิดออกเต็มพิกัด กระทืบขาลงกับพื้นอย่างดุดัน เสียงลั่นดังสนั่น พื้นส่วนนั้นยุบลงเป็นหลุมลึกลงไป
ในวินาทีนั้น ตัวของเขาก็ได้พุ่งเข้าใส่หยางเฉิน
“ปัง!”
เสียงทุ้มหนักของวัตถุกระแทกใส่กันดังขึ้น หยางเฉินถูกหมัดฝ่ายตรงข้ามอัดใส่หน้าอก ร่างของเขาที่เห็น กระเด็นลอยไปกลางอากาศ กระอักเลือดออกมาเป็นทาง
“หยางเฉิน!”
เซี่ยเหอเห็นภาพที่เกิดขึ้น ในใจเหมือนจะแตกสลาย ตะเบ็งเสียงแผดร้องเรียกออกมา
ส่วนร่างของหยางเฉินนั้น ตกลงกับพื้นอย่างแรง เลือดลมในตัวดูเหมือนเหือดหายไปหมด
ภายใต้การประคับประคองของเซี่ยเหอ เขาตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา มองหน้าฝ่ายตรงข้ามอย่างเคียดแค้น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดใส่ไป “แล้วแกจะต้องเสียใจ!”
“ฮึ!”
ชายกลางคนนั้นสะบัดเสียงออกจมูกอย่างเหยียดหยาม เอ่ยปากพูดว่า “จำชื่อข้าไว้ให้ดี ข้าโยชิดะ ยูอิอีกสองวันที่สนามประลอง ข้าจะไปถล่มวงการบูโดของแผ่นดินใหญ่ของพวกแก”
พูดจบ โยชิดะ ยูอิหันหลังเดินจากไป ไม่ได้คิดจะลงมือทำอะไรหยางเฉินต่อ ในสายตาของเขา หยางเฉินไม่คู่ควรจะให้เขาลงมือจัดการเองเลย
เซี่ยเหอสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก มองหยางเฉินที่สีหน้าขาวซีด หล่อนก็อยากร้องไห้แล้ว พูดเสียงสะอื้นว่า “พี่เฉิน ฉันพาพี่ไปโรงพยาบาลนะ”
คนที่มากินอาหารเช้ากันอยู่รอบบริเวณนั้น แต่ละคนหายใจกันไม่ทั่วท้อง หน้าตาแตกตื่นมองกันอยู่ที่หยางเฉิน
เมื่อก่อนหน้านี้ที่หยางเฉินปะมือกับโยชิดะ ยูอิถูกฝ่ายตรงข้ามจู่โจมใส่ครั้งเดียวก็เห็นแพ้ไป สำหรับคนทั่ว ๆ ไปแล้ว ก็เหมือนได้สะใจกับมหกรรมการแสดงในครั้งนี้
“พวกเราไปกันเถอะ!”
หยางเฉินจูงมือเซี่ยเหอพากันเดินออกจากร้านอาหาร
พอขึ้นไปบนรถ สีหน้าเซี่ยเหอเต็มไปด้วยความกังวล มองหยางเฉินด้วยตาแดง ๆ ทั้งสองข้างพูดว่า “หยางเฉิน ต้องขอโทษจริง ๆ นะ ถ้าฉันไม่ได้ชวนมากินอาหารเช้ากัน ก็คงไม่เกิดเรื่องนี้แน่”
มองหน้าเซี่ยเหอที่มีแต่การโทษตัวเอง ส่วนลึกในความรู้สึกของหยางเฉินก็ประทับใจอยู่มาก จู่ ๆ หยางเฉินก็ฉีกปากหัวเราะออกมา “นี่เธอเชื่อเหรอ ระดับผมนี่จะแย่ขนาดรับการกระแทกแค่นี้ไม่ได้?”
เสียงพูดจบลง หยางเฉินกวาดเก็บอาการจะเป็นจะตายเมื่อกี้นี้ขึ้น ดูเหมือนว่าพริบตาเดียวก็เปลี่ยนกลายเป็นคนละคน พลังอิ่มเอมเต็มร้อย ใช่คนที่เหมือนบาดเจ็บสาหัสเมื่อกี้นั่น?
เซี่ยเหอก็ถึงกับมึนงง มองหน้าหยางเฉินอย่างอัศจรรย์ใจ
หยางเฉินอธิบายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “วางใจเถอะ ถ้าผมเป็นคนประเภทถูกล้มง่าย ๆ ผมคงไม่ไปวางเดิมพันจำนวนยิ่งใหญ่ขนาดนั้นกับไอ้พวกคนของแชโบลหรอก”
เซี่ยเหอยังคงรู้สึกรับไม่ได้ เอ่ยปากพูดว่า “งั้นที่คุณถูกยอดฝีมือของคนประเทศซันฟาดกระเด็นไป แล้วยังกระอักเลือดด้วยหละ”
หยางเฉินหัวเราะพูดไปว่า “ทั้งหมดนั้นแสแสร้งทั้งนั้น!ผมมีคิดไว้อยู่ก่อนแล้ว พวกแชโบลประเทศซันจะต้องมีส่งคนมาดูเชิงผม และผมก็ได้วางแผนรับมือไว้อยู่แล้ว”
“ถ้าหากเมื่อกี้นี้ไปเอาชนะฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายตรงข้ามก็ต้องไปเอาผู้แข็งแกร่งที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเข้ามา ตอนนี้พวกมันมีจุดประสงค์อะไร ผมก็ยังไม่รู้ชัดเจน”
“ถ้าปล่อยให้พวกเขาระดมเอาสุดยอดผู้แกร่งกล้าในประเทศซันเข้ามาทั้งหมด การต่อสู้ประลองยุทธในอีกสองวัน จะเป็นการทำให้ผู้แข็งแกร่งบูโดของแผ่นดินใหญ่เราต้องล้มตายกันมาก”
“เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นี้ ผมก็จำเป็นต้องทำเป็นสู้ไม่ได้ เพื่อให้พวกมันประมาทมองข้ามคู่ต่อสู้ วันประลองยุทธในสองวันข้างหน้านี้ พวกเราจะได้กำทางชนะที่เหนือกว่าไว้”
โดยทั่วไปแล้ว ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้านั้น ตามสถานภาพจะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องทางโลก
ถ้าจะพูดไป ที่จิ่วโจวก็มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าอยู่มากมาย ถึงขั้นแดนนภาก็มี เพียงแต่ว่าพวกกลุ่มแชโบล ของประเทศซันไม่กล้าที่จะจัดถึงขนาดเป็นกองทัพใหญ่จัดเอาผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้ายกกันเป็นอึกทึกมาท้าทายจิ่วโจวนี้
ขืนกล้าทำอย่างนั้น พวกมันยกกันมาเท่าไหร่ น่ากลัวก็ต้องตายกันหมดเท่านั้น
คนชื่อโยชิดะ ยูอิที่มาลองเชิงหยางเฉินเมื่อสักครู่นี้ น่าจะชัดเจนแล้วว่าเป็นสุดยอดฝีมือที่แชโบลของประเทศซันหามา ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ ก็ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่แชโบลของประเทศซันจัดมา ซึ่งคงต้องอยู่ในลำดับต้นมาก ๆ ของพวกผู้แข็งแกร่งเหล่านั้น
ถึงแม้หยางเฉินจะอธิบายอย่างละเอียดชัดเจนมากแล้ว แต่เซี่ยเหอก็ยังไม่วางใจ ใบหน้าที่นวลละเอียด ยังเต็มไปด้วยริ้วรอยความกังวล
หยางเฉินก็จนใจที่จะอธิบาย ก็เลยไม่อธิบายอะไรต่อไป ขับรถมุ่งตรงไปที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป
วันนี้ สถานที่ที่เซี่ยเหอจะถ่ายทำงานประชาสัมพันธ์ให้กับเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ก็อยู่ที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป
ลั่วปิงได้รับแจ้งข่าวมาก่อนแล้ว จึงได้มารอตั้งแต่ยังเช้ามืด เห็นเซี่ยเหอเข้ามา ก็ดีใจเป็นอย่างมาก
ในขณะเดียวกันนั้น โยชิดะ ยูอิก็ได้กลับไปถึงคฤหาสน์ที่ตระกูลโยชิดะซื้อไว้ในเยี่ยนตู
“ท่านครับ หยางเฉินนั่นแข็งแกร่งมากไหมครับ?”
ภายในคฤหาสน์ โยชิดะ ไทสะรีบรุดเข้ามา ยืนอยู่ข้าง ๆ โยชิดะ ยูอิท่าทางนอบน้อม ถามไปอย่างพินอบพิเทา
โยชิดะ ยูอิหัวเราะเสียงเยือก มองหน้าโยชิดะ ไทสะพูดด้วยสีหน้าออกอาการไม่พอใจ “เขาดูก็เก่งกาจอยู่ แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่พวกแกบรรยายจนเลอเลิศ ถ้าไม่ใช่ว่าใกล้ถึงเวลานัดของแชโบลของประเทศซันประลองยุทธกับผู้แข็งแกร่งของจิ่วโจวที่จะถึงแล้วนี้ เมื่อกี้นี้ข้าคงได้ฆ่าหยางเฉินไปแล้ว”
ได้ยินดังนั้น โยชิดะ ไทสะดีใจขึ้นมาทันที เป็นถึงผู้รับผิดชอบภารกิจในจิ่วโจวที่ตระกูลโยชิดะมอบหมายมา เขาได้มาเจอหยางเฉินเข้า โอกาสที่คิดว่าจะดีต้องเจอตอเข้าไปเต็ม ๆ
เวลานี้ตระกูลโยชิดะได้ส่งผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดมาอยู่ด้วย ในที่สุดเขาก็จะได้ลืมตาอ้าปากกันละ
“พรุ่งนี้ ท่านโยชิดะ โชหัวหน้าสมาคมจะมา เจ้าไปจัดเตรียมพิธีต้อนรับด้วย”
และในทันทีนั้น โยชิดะ ยูอิก็ได้เอ่ยขึ้นมา
ได้ยินที่พูดมา โยชิดะ ไทสะถึงกับสะดุ้ง “ท่านรองโยชิดะ โช จะมาด้วยตนเองเลยหรือ?”
โยชิดะ โชเป็นถึงรองประธานสมาคมบูโดประเทศซัน พลังฝีมือแข็งแกร่งมาก
บนใบหน้าโยชิดะ ยูอิแสดงออกถึงความเลื่อมใสศรัทธา พูดเสียงเคร่งขรึม “เห็นข่าวว่า พลังฝีมือของท่านรอง ได้ก้าวไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางแล้ว ที่มาจิ่วโจวครั้งนี้ ก็เพื่อมาเป็นเสาหลักให้กับแชโบล ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นจิ่วโจว ใครจะรับประกันได้ว่าจะไม่มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้า”
“มีท่านรองประธานมานั่งเป็นเสาหลัก คราวนี้พวกเรามีแต่ชนะแน่นอน”