The king of War - บทที่ 1827 บอกลาทุกคน
บทที่ 1827 บอกลาทุกคน
พอได้ยินว่าหยางเฉินจะให้ทุกคนจากไป สีหน้าของหม่าชาวและคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปทันที
หม่าชาวพูดอย่างไม่ลังเลทันทีว่า “พี่เฉิน ผมจะอยู่ช่วยพี่!”
สองพี่น้องตระกูลซ่งก็พูดออกมาเหมือนกัน “คุณหยาง ถึงฝีมือของพวกเราพี่น้องจะไม่ได้สูงส่ง แต่ถ้าอย่างข้างกายคุณ ก็พอจะช่วยคุณจัดการเรื่องเล็กๆได้ พวกเราสองคนยินดีที่จะอยู่ต่อครับ!
เฝิงเสียวหว่างก็รีบพูดออกมาเหมือนกัน “พี่หยางคะ ฉันก็จะอยู่ด้วย ถึงฉันจะไม่มีพลัง แต่เรื่องการรักษาก็พอไปได้ ถ้าอยู่ต่อก็น่าจะช่วยพี่ได้”
แม้แต่เฝิงเจียหยีก็ยังพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยว่า “ฉันก็จะอยู่ด้วย!”
พอเห็นอย่างนั้น หยางเฉินก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาทันที แต่เขารู้ดี การที่คนเหล่านี้อยู่ต่อกับเขา ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้
โดยเฉพาะเสี่ยวจิ้งอานลูกของหม่าชาวกับอ้ายหลิน อายุยังไม่ครบปีเลย
หยางเฉินกวาดตามองทุกคน แล้วพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “ผมรู้ว่าทุกคนอยากช่วยผม แต่ในครั้งนี้ ศัตรูที่ผมต้องเจอนั้นแข็งแกร่งเกินไป เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าจากตระกูลบูโดแห่งประเทศซัน”
“การที่พวกคุณจะอยู่ต่อก็ไม่สามารถช่วยอะไรผมได้ ถ้าพวกคุณอยากช่วยผมจริงๆ ก็ออกจากเยี่ยนตูไปก่อน หลังจากที่ผมจัดการกับพวกนักสู้ของประเทศซันได้แล้ว เราค่อยกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง”
พอได้ฟังเขาพูดอย่างนั้น ทุกคนต่างทำหน้าไม่เต็มใจ
หม่าชาวกำหมัดทั้งสองข้าง เขาเกลียดตัวเองที่หมดสติไปครึ่งปีเต็มๆ พลาดโอกาสที่จะได้ฝึกฝนไปนานมาก ตอนนี้เป็นได้แค่ตัวถ่วงของหยางเฉินเท่านั้น
หวยหลันก็ได้พูดออกมาเหมือนกัน “พี่หยางพูดถูกแล้ว ศัตรูที่เจอในครั้งนี้แข็งแกร่งเกินไป การที่ทุกคนอยู่ที่นี่ มันไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ แต่กลับจะกลายเป็นตัวถ่วงของเขาด้วยซ้ำ”
พูดจบ เธอก็หันมองไปที่หม่าชาว แล้วพูดไปว่า “โดยเฉพาะพี่หม่า พวกคนจากประเทศซันต้องรู้ข้อมูลของคุณกับพี่หยางแล้วแน่นอน รู้ว่าสายสัมพันธ์พี่น้องของพวกคุณนั้นลึกซึ้งมาก ถ้าฉันเป็นคนซันแล้วคิดจะลงมือจริงๆ จะต้องเริ่มจากตัวคุณแน่นอน พี่อ้ายก็ดี เสี่ยวจิ้งอานก็ดี ต่างก็เป็นจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของคุณ”
หวยหลันไม่ได้พูดชัดเจนขนาดนั้น แต่พอเธอพูดอย่างนั้นออกมา หม่าชาวก็ตกใจจนเหงื่อตก
ครั้งนี้ ตระกูลบูโดที่อยู่เบื้องหลังแชโบลทั้งสามของประเทศซันต่างส่งผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้ามาทั้งนั้น ตอนที่หยางเฉินขึ้นไปประลอง ไม่ต้องพูดถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าเลย ต่อให้เป็นแค่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดก็สามารถชิงตัวอ้ายหลินกับเสี่ยวจิ้งอานไปจากพวกเขาได้อย่างง่ายดายเลย
เมื่อไหร่ที่อ้ายหลินกับเสี่ยวจิ้งอานถูกจับ ไม่ต้องถึงขั้นใช้หม่าชาวมาข่มขู่หยางเฉิน หยางเฉินก็คงยอมแพ้เพื่ออ้ายหลินกับเสี่ยวจิ้งอานแล้ว
จิ่วโจวในตอนนี้ ถ้าผู้แข็งแกร่งของตระกูลบูโดไม่ออกมา เกรงว่าจะมีแค่หยางเฉินคนเดียว ที่สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งของตระกูลบูโดแห่งประเทศซันถอยกลับไปได้
ขอแค่หยางเฉินยอมแพ้ แชโบลของประเทศซัน น่าจะเข้ามาในจิ่วโจวแล้วขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนเส้นทางการเงินทั้งหมดของจิ่วโจวตกไปอยู่ในการควบคุมของแชโบลแห่งประเทศซัน
หวยหลันหันมองไปที่เฝิงเสียวหว่าง แล้วพูดขึ้นมาว่า “เธอก็อีกคนเสียวหว่าง ความสามารถในการแพทย์ของเธอดีมาก จนอาจจะถูกใครบางคนหมายตาเข้าแล้ว สถานการณ์ของเธอต่างหากที่อันตรายที่สุด ทางที่ดีคือควรไปซ่อนตัว อย่างน้อยก็หลังจากที่พี่หยางจัดการปัญหาตรงหน้าสำเร็จ”
“แน่นอนว่า แค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะคนที่หมายตาเธอไม่น่าจะมีแค่ตระกูลบูโดของประเทศซันเท่านั้น แม้แต่พวกตระกูลบู๊โบราณดั้งเดิมของจิ่วโจวเองก็ด้วย
“วิชาการแพทย์ของเธอนั้นดีมาก คนระดับเธอ ไม่ว่าองค์กรบูโดไหนก็มีความต้องการที่สูงมาก”
พอได้ฟังที่หวยหลันพูด แม้แต่หยางเฉินยังตกใจจนเหงื่อตก
ตอนแรกเขาแค่เป็นห่วงว่าคนรอบตัวจะถูกคนของประเทศซันจับตัว แล้วบังคับให้เขายอมแพ้
ตอนนี้เขาเพิ่งได้เข้าใจว่า สถานการณ์ของเฝิงเสียวหว่างนั้นอันตรายมากแค่ไหน
เฝิงเสียวหว่างที่กำลังจะพูดอะไรก็ถึงกับเงียบ เธอรู้ดีว่าหวยหลันไม่ได้พูดให้น่ากลัวเพื่อหลอกเธอ แต่ความจริงมันก็เป็นแบบนั้น
เพราะคำพูดประมาณนี้ ตอนที่ปู่ของเธอยังมีชีวิตก็เคยพูดแล้ว เมื่อไหร่ที่เธอออกสู่โลกภายนอก ก็จำเป็นต้องระวังตัวให้มากๆ ห้ามเปิดเผยวิชาทางการแพทย์ให้คนอื่นรู้เด็ดขาด
ต่อให้ถูกเปิดเผย ก็ต้องปิดบังเอาไว้
แต่หลังจากที่ได้มาอยู่กับหยางเฉิน เหมือนเธอจะลืมเรื่องนี้ไป ก็ไม่ใช่ว่าเธอลืม แต่เธอมีหยางเฉินคอยปกป้องตลอด ไม่เคยได้พบกับผู้แข็งแกร่งที่ต้องการเธอมากๆ ด้วยเหตุนี้เธอถึงได้ชะล่าใจ
ยิ่งเธอออกสู่โลกภายนอกนานเท่าไหร่ เธอก็เข้าใจสถานการณ์ของโลกภายนอกมากขึ้น จากวิชาทางการแพทย์ของเธอในตอนนี้ มันก็เก่งจริงๆ นั่นแหละ โดยเฉพาะความสามารถในการปรุงยาของเธอ ว่ากันว่าแม้แต่ตระกูลบู๊โบราณยังไม่มีนักปรุงยาเลย
แต่สำหรับนักสู้คนหนึ่ง ยาลูกกลอนนั้นถือเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก ถ้าให้พวกตระกูลบูโบราณพวกนั้นรู้ว่าเธอสามารถปรุงยาได้ ผลที่ตามมาแค่คิดก็รู้แล้ว
“ฉันจะยอมไปค่ะ!”
ผ่านไปพักใหญ่ เฝิงเสียวหว่างก็พูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
เธออยากอยู่เคียงข้างหยางเฉิน แต่เธอก็ไม่อยากเป็นตัวถ่วงของหยางเฉิน
หยางเฉินเดินมาข้างหน้า ลูบหัวของเฝิงเสียวหว่าง ยิ้มออกมา แล้วพูดไปว่า “ไม่ต้องห่วง พี่หยางของเธอคนนี้ผ่านอะไรมาตั้งมากมาย แม้แต่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดก็เคยสู้มาแล้ว นับประสาอะไรกับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางของประเทศซัน”
“เธอไปอย่างสบายใจสักพักหนึ่ง หลังจากที่ฉันจัดการเรื่องทางนี้เสร็จแล้ว เธอค่อยกลับมาช่วยฉันก็ได้ ตอนนี้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปมีครีมยั้งอายุแค่สูตรเดียว ฉันยังต้องการให้เธอวิจัยผลิตภัณฑ์ให้ฉันอีกมาก ช่วยเยี่ยนเฉินกรุ๊ปให้ไปถึงจุดสูงสุดของโลก!”
ในสายตาของหยางเฉิน เฝิงเสียวหว่างก็เป็นเหมือนน้องสาว เขาไม่อยากทำร้ายน้องสาวของตัวเอง
เฝิงเสียวหว่างดวงตาแดงก่ำ และพยักหน้าอย่างแรง “พี่หยางไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะสร้างผลิตภัณฑ์ให้พี่มากกว่านี้แน่นอนค่ะ!”
หยางเฉินพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็มองไปที่หม่าชาว “นายต้องจำให้ขึ้นใจ ตอนนี้นายไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว นายยังมีภรรยากับลูกชาย ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็ควรเอาภรรยากับลูกชายเป็นที่ตั้ง”
“ตอนนั้นที่พี่อ้ายต้องคลอดเสี่ยวจิ้งอานตามลำพัง นายก็ไม่ได้อยู่ด้วย นายได้ทำผิดต่อพี่อ้ายกับเสี่ยวจิ้งอานมามากพอแล้ว แล้วนายยังอยากทำผิดต่อพวกเขาอีกเหรอ?”
อ้ายหลินหันมาหม่าชาวด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
พอหม่าชาวได้ฟังที่หยางเฉินพูด เขาถึงกับสะดุ้ง แล้วเขาก็เพิ่งนึกได้ เขาไม่ได้เป็นสามีกับพ่อที่สมบูรณ์แบบสักเท่าไหร่
หม่าชาวพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำว่า “พี่หยาง ผมจะทำตามที่พี่บอก ผมจะไป!”
เขารู้สึกไม่เต็มใจเป็นอย่างมาก เกลียดที่ตอนนี้ตัวเองอ่อนแอเกินไป ไม่มีทางที่จะช่วยพี่ใหญ่ของตัวเองได้เลย
พอเห็นหม่าชาวรับปากว่าจะไป หยางเฉินก็ได้ยิ้มออกมา ตบไปที่ไหล่ของหม่าชาวอย่างแรง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องห่วง พี่เฉินของนายคนนี้ไม่มีทางแพ้ให้กับนักสู้ชาวซันเด็ดขาด”
ภายใต้การเร่งเร้าของหยางเฉิน ทุกคนก็ได้อกจากเยี่ยนตูในคืนนั้นเลย ทุกคนต่างรู้ดี ตอนนี้มีแต่ต้องจากไปถึงจะเป็นการช่วยหยางเฉินได้มากที่สุด