The king of War - บทที่ 1828 ใช้ยาลูกกลอน
บทที่ 1828 ใช้ยาลูกกลอน
หม่าชาวและคนอื่นๆ ไปจากเยี่ยนตูภายในคืนนั้นแบบไม่เต็มใจ
ทันใดนั้น บนยอดเมฆาก็เหลือหยางเฉินเพียงแค่คนเดียว
เขายืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่างที่ยาวถึงพื้นบานใหญ่ เหม่อมองทิวทัศน์ด้านนอก
ดวงจันทร์ในคืนนี้กลมมาก แต่เขากลับไม่สามารถอยู่อย่างกลมเกลียวกับคนในครอบครัวได้ถ้าฉินซีกับเสี้ยวเสี้ยว รวมถึงฉินยีและฉินต้าหย่งที่เป็นพ่อตา ก็ถูกเขาส่งออกจากเยี่ยนตูไปเกือบหนึ่งปีแล้ว
และไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเป็นยังไงบ้าง
เขารู้แค่ว่า ตอนนี้ฉินยีได้กลายเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งเซิ่งกงไปแล้ว มีฝีมือระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น และเหมือนจะลืมเขาไปแล้วด้วย มันจึงทำให้เขารู้สึกกังวลกับเรื่องนี้มาก
หยางเฉินกำหมัดขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “การต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นพรุ่งนี้ ฉันต้องจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมด! ถึงเวลาที่ต้องไปหาเสี่ยวซีกับเสี้ยวเสี้ยวแล้ว”
ตอนนี้เขาคิดถึงคนรักและลูกสาวมาก และไม่อยากแยกกับพวกเธออีกแล้ว
อีกด้านหนึ่ง หม่าชาวพาอ้ายหลินกับเสี้ยวจิ้งอาน และยังมีมีเฝิงเสียวหว่างกับหวยหลัน รวมถึงพี่น้องตระกูลซ่งสุดท้ายก็เฝิงเจีย
ทุกคนกำลังเดินทางออกห่างจากเยี่ยนตู
อ้ายหลินอุ้มเสี่ยวจิ้งอาน เสี่ยวจิ้งอานได้หลับไปแล้ว ตอนกลางวันหนูน้อยค่อนข้างเสียงดัง ตกกลางคืนก็หลับค่อนข้างเร็ว
หม่าชาวจ้องมองไปยังเสี่ยงจิ้งอานที่อยู่ในอ้อมกอดของอ้ายหลิน บนใบหน้ามีแต่ความกังวล
อ้ายหลินหันมองหม่าชา เธอรู้ว่าหม่าชาวกำลังกังวลอะไร และรู้ว่าหม่าชาวกำลังคิดอะไรอยู่
หม่าชาวเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายที่ออกมาจากสนามรบพร้อมกับหยางเฉิน ตอนนี้พี่น้องของตัวเองอยู่ที่เยี่ยนตู กำลังจะเผชิญหน้ากับศัตรูเพียงลำพัง แต่เขากลับจะพาลูกเมียหนี เขาไม่เต็มใจ ไม่เต็มใจเลยสักนิด
เฝิงเสียวหว่างก็ทำหน้ากังวลเหมือนกัน ตั้งแต่ที่ปู่เสียไป เขาก็นับถือหยางเฉินเป็นคนในครอบครัวแล้ว ถ้าหยางเฉินเกิดเป็นอะไรขึ้นมา เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำใจยอมรับได้มั้ย
“ที่รัก!”
ทันใดนั้น อ้ายหลินก็ได้พูดขึ้น จนทำลายความเงียบลง
หม่าชาวถึงดึงสติกลับมาได้ แล้วพยายามเค้นรอยยิ้มออกมา มองมาที่อ้ายหลินแล้วพูดว่า “ที่รัก มีอะไร?”
ทุกคนต่างมองไปที่อ้ายหลิน
อ้ายหลินดวงตาแดงก่ำ แล้วพูดกับหม่าชาวว่า “ฉันรู้ว่าการที่คุณทิ้งพี่เฉินไว้แบบนี้มันทำให้คุณรู้สึกแย่แต่คุณก็ไม่อยากทิ้งฉันกับลูก”
“ฉันรู้ว่าความสัมพันธ์ของคุณพี่เฉินนั้นลึกซึ้งมาก สำหรับคุณแล้ว ต่อให้ต้องตายก็ไม่อยากทิ้งพี่เฉินไว้ แต่ว่าตอนนี้ เพื่อฉันกับลูก คุณต้องทนต่อความรู้สึกที่ทรมานซะยิ่งกว่าตาย”
ร่างกายของหม่าชาวสะดุ้ง พอเห็นน้ำตาของอ้ายหลินที่ไหลออกมา เขาก็แตกตื่นขึ้นมาทันที จึงพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำว่า“ที่รัก คุณไม่ต้องพูดแล้ว ผมเข้าใจที่คุณจะสื่อ ตอนนี้ผมแค่เกลียดตัวเองที่อ่อนแอเกินไป อ่อนแอจนไม่สามารถช่วยอะไรพี่เฉินได้”
“ต่อให้ผมจะกลับไปตอนนี้ ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี แต่กลับจะกลายเป็นตัวถ่วงของพี่เฉินด้วยซ้ำ”
“และผมก็เชื่อ พี่เฉินต้องไม่เป็นอะไร เขาต้องจัดการกับศัตรูพวกนั้นได้แน่ ต้องทำได้แน่!”
พูดจบเขาก็ดึงอ้ายหลินมากอด
พอเห็นแบบนั้น พี่น้องตระกูลซ่งก็รู้สึกซึ้งใจ ถึงพวกเขาเองก็อยากอยู่ข้างกายหยางเฉิน แต่ศัตรูในครั้งนี้แข็งแกร่งเกินไป พวกเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ และจะกลายเป็นตัวถ่วงด้วย
ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็มีแต่ต้องจากไปเท่านั้น
ในเวลาเดียวกัน บนยอดเมฆา
หยางเฉินหยิบขวดสีขาวออกมาขวดหนึ่ง หยิบยาลูกกลอนสีดำออกมาจากในขวดเม็ดหนึ่ง ซึ่งมันก็คือ ยาเม็ดเลือดเดือดที่ได้มาจากไป๋หลี่ฉางคงตอนอยู่ในการประชุมสมาพันธ์บูโดของวันนี้นั่นเอง
ยาเลือดเดือด สามารถเพิ่มพลังให้ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าในช่วงเวลาสั้นๆ นอกจากนั้น ผลจากยาเม็ดเลือดเดือดยังมีความเป็นไปได้ระดับหนึ่ง ที่จะทำให้ผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางได้
ตอนนี้หยางเฉินอยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอดเท่านั้น แต่ก็อยู่ห่างจากแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นไม่ไกล ถ้าใช้ยาตอนนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น
ถ้าเขาบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น ฝีมือของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ต่อให้เป็นแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางเขาก็ไม่กลัว
แต่การใช้ยาเม็ดเลือดเดือดในตอนนี้ก็แค่เพิ่มโอกาสในการบรรลุของเขาเท่านั้น แล้วถ้าไม่บรรลุล่ะ?
มันไม่เท่ากับเสียยาเม็ดเลือดเดือดไปเปล่าๆ อย่างนั้นเหรอ
ถ้าไปใช้ยาเม็ดเลือดเดือดระหว่างการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ พลังของหยางเฉินก็จะเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ด้วยความที่เขาต้องต่อสู้ จึงไม่สามารถดูดซับพลังอันมหาศาลที่อยู่ภายในของยาเม็ดเลือดเดือดได้ ต่อให้สามารถล้มศัตรูได้ แต่เขาก็ยังเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอดอยู่ดี
ยาทุกอย่างที่สามารถเพิ่มพลังได้อย่างฉับพลัน ต่อให้ไม่มีผลข้างเคียงอะไร ก็ต้องมีผลต่อการบรรลุของแดนแน่นอน
หยางเฉินเองก็กังวล ถ้าเขาใช้ยาเม็ดเลือดเดือดระหว่างการต่อสู้ สิ่งที่ยาเม็ดเลือดเดือดแสดงออกมาคือการเพิ่มพลังในการต่อสู้ แต่ไม่รู้ว่ามันจะสร้างผลกระทบต่อรากฐานในวิถีบู๊ของเขามั้ย?
ตอนนี้เขาจะกินยาเม็ดเลือดเดือดนี้เพื่อหวังพึ่งโอกาสที่จะบรรลุนั่น หรือเก็บมันไว้ใช้ในระหว่างการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ดี ควรทำยังไงดีนะ?
เวลาค่อยๆ ดำเนินผ่านไป หยางเฉินก็ยังตัดสินใจไม่ได้
เขาอยากใช้การฝึกของตัวเอง เขาอยากสร้างรากฐานในการฝึกตนของตัวเองให้มั่นคง แล้วบรรลุอย่างมั่นคง แต่ว่าตอนนี้วิกฤตที่เขาต้องพบเจอมันเยอะมาก แถมยังต้องการพลังที่บรรลุไปอีกขั้น
หลังจากที่เขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ยังต้องการไปช่วยฉินยีกลับจากสำนักเซิ่งกง แล้วยังต้องไปรับฉินซีกับเสี้ยวเสี้ยวกลับมาด้วย
ยังต้องไปที่ราชวงศ์เฝิงกับเฝิงเจียรอบหนึ่ง ยังต้องช่วยแก้แค้นให้พี่น้องตระกูลซ่ง ไหนยังต้องช่วยหม่าชาวไปชำระแค้นที่ตระกูลไป๋หลี่อีก
พอนึกถึงเรื่องพวกนี้ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ หยิบยาเม็ดเลือดเดือดขึ้นมา แล้วกินมันเข้าไปอย่างไม่มีความลังเลใดๆ
ยาเม็ดเลือดเดือดเข้าปากมันก็ละลาย เปลี่ยนไปของเหลวอุ่นๆ ไหลเข้าสู่ปอด
สมแล้วที่เป็นยาลูกกลอนระดับสูง ทันทีที่ยาเม็ดเลือดเดือดเข้าปาก พลังงานอันน่าสะพรึงกลัวก็ปะทุอยู่ภายในร่างของหยางเฉิน
พลังอันนี้มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน มันได้แล่นไปยังอวัยวะต่างๆ รวมถึงเส้นเลือดและกระดูกที่อยู่ทั่วร่างร่างกายของหยางเฉินเป็นเหมือนฟองน้ำแห้งๆ ที่ดูดซับพลังที่ไหลมาราวกับน้ำอย่างบ้าคลั่ง
ความเจ็บปวดอันทรมานเอ่อล้นออกจากภายใน แล่นไปยังทุกส่วนของร่างกาย
ในตอนนี้ หยางเฉินรู้สึกว่าอยากจะต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง ตำราเทพสงครามไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง เพื่อกลั่นกรองพลังที่ถูกปล่อยออกมาจากยาเม็ดเลือดเดือด
แม้แต่สายเลือดคลั่งก็ยังถูกเขาปลุกขึ้น
ยังต้องไปที่ราชวงศ์เฝิงกับเฝิงเจียรอบหนึ่ง ยังต้องช่วยแก้แค้นให้พี่น้องตระกูลซ่ง ไหนยังต้องช่วยหม่าชาวไปชำระแค้นที่ตระกูลไป๋หลี่อีก
ยาเม็ดเลือดเดือด เดิมทีก็ยาที่มีเพียงผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นกับแดนเหนือมนุษย์จึงจะใช้ได้ การที่หยางเฉินใช้แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นสุดยอดฝืนกลั่นกรองยาเม็ดเลือดเดือดนั้น ฤทธิ์ยามันก็ค่อนข้างรุนแรงทีเดียว
ทั่วทั้งยอดเมฆาเอ่อล้นไปด้วยรังสีอันน่าสะพรึงกลัว ราวกับจะทำลายโลกใบนี้ยังไงอย่างนั้น
เยี่ยนตู คฤหาสน์แห่งหนึ่ง
ชายชาวซันคนหนึ่งที่ใส่ชุดกิโมโน เดินออกจากห้อง เงยหน้ามองไปทางยอดเมฆา พร้อมกับสีหน้าที่เคร่งขรึม
เขาไม่อยากจะเชื่อว่าในโลกภายนอกของจิ่วโจวจะมีผู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ สองตาหรี่ลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ผู้แข็งแกร่งจากตระกูลบู๊โบราณของจิ่วโจวคิดจะเข้ามายุ่งเรื่องโลกภายนอกของจิ่วโจวอย่างนั้นเหรอ?