The king of War - บทที่ 1850 พลังสู้ศึกที่น่ากลัว
ไม่ว่าใครยังไงก็ไม่คิดว่า ติงเหวินจัวจะกล้าพูดแบบนี้ออกมาต่อหน้าธารกำนัน แม้กระทั่งนักบูโดประเทศซัน ก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ
ตู้จ้งโกรธเกรี้ยวขึ้นมาในทันที ดวงตาที่มีแต่แววฆ่า ฉับพลันนั้นพุ่งใส่ที่ตัวติงเหวินจัว ตวาดใส่ไปว่า “ติงเหวินจัว แกรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไรออกไป?”
นักบูโดจิ่วโจวผู้อื่น ๆ ล้วนแล้วแต่มีสีหน้าไม่เป็นมิตรด้วยกับติงเหวินจัว
ติงเหวินจัวดูเหมือนคิดห่วงใยนักบูโดในค่ายฝ่ายจิ่วโจว แต่ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจ ติงเหวินจัวมีบุญคุณความแค้นติดพันอยู่กับหยางเฉินและตู้จ้ง จึงตั้งใจพูดออกมาแบบนี้
ถึงแม้จะมีนักบูโดบางส่วนเห็นด้วยในใจกับสิ่งที่ติงเหวินจัวพูด แต่ก็เข้าใจถึงสภาพเบื้องหน้าในปัจจุบัน ต่างก็ไม่กล้าพูด แต่สำหรับติงเหวินจัว กลับยกปัญหาความรับผิดชอบทั้งปวง ทั้งหมดยกใส่หยางเฉินกับตู้จ้ง ช่างต่ำช้าน่าละอายอย่างที่สุด
สัมผัสได้ถึงกระแสฆ่าของตู้จ้ง แววตาติงเหวินจัวทอให้เห็นความหวาดกลัว แต่ก็ยังเถียงคอเป็นเอ็น พูดอย่างเกรี้ยวกราดต่อว่า “ข้าก็ว่าไปตามข้อเท็จจริงที่เป็นข้อเท็จจริง ทำไม? เฒ่าตู้รับไม่ได้แล้วหรือ เลยคิดจะฆ่าข้าแล้ว?”
ตู้จ้งพยายามระงับแรงใจที่จะฆ่าติงเหวินจัวลง เขาเข้าใจดีอยู่ แม้อยากลงมือจัดการติงเหวินจัว ก็ไม่ใช่เดี๋ยวนี้เด็ดขาด
ในโรงเทพบู๊ ไม่เพียงมีแต่นักบูโดจิ่วโจวกับนักบูโดประเทศซัน ยังมีนักข่าวจากทั่วทุกมุมโลก กำลังทำการถ่ายทอดสดอยู่ ถ้าเขาลงมือจัดการฆ่าติงเหวินจัว ถึงเวลานั้นข่าวก็จะแพร่ให้รู้กันไปทั่วโลก เขาคงไม่ได้กลัวบ้านตระกูลติง แต่กลัวว่าถ้าทำลงไป จะทำให้จิ่วโจวถูกสาดโคลนได้
เห็นตู้จ้งไม่พูดอะไร ติงเหวินจัวเลยได้ทีทำกร่างขึ้นมายิ่งขึ้น สายตากวาดมองไปนักบูโดทางค่ายฝ่ายจิ่วโจว พูดด้วยเสียงอันดัง “ทุกท่าน อย่ามัวโง่งมอยู่เลย หยางเฉินถึงยังไงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของยอดฝีมือประเทศซัน เขาต้องแพ้แน่นอน”
“ที่หยางเฉินปรากฏตัวออกมาล่าช้าขนาดนี้ แท้จริงแล้วเขามีข้อตกลงกันก่อนแล้วกับตู้จ้ง พวกเขาไม่ได้ใส่ใจกับการแพ้ชนะในการประลองยุทธกันในวันนี้หรอก พวกเขาสนใจแต่ตำแหน่งหัวหน้าของสมาพันธ์บูโด”
“ตู้จ้งก็ได้พูดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว วันนี้ใครได้ทำส่วนที่เป็นคุณประโยชน์กับนักบูโดฝ่ายจิ่วโจวมากที่สุด ผู้นั้นก็จะได้เป็นหัวหน้าสมาพันธ์บูโด ตัวเขาเองก็รู้แจ้งชัดอยู่ว่าค่ายฝ่ายจิ่วโจวต้องแพ้ในวันนี้ ยังแสแสร้งพูดแบบนี้ ยังทำเป็นดึงเวลารอหยางเฉินมา ตามลักษณะแบบนี้แล้ว ถึงแม้หยางเฉินจะแพ้ หยางเฉินก็ยังคงได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสมาพันธ์บูโด”
“เมื่อหยางเฉินแพ้แล้ว พวกเราชาวนักบูโดจิ่วโจวที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดในวันนี้ก็ต้องตามเขาคุกเข่าขออภัยจากนักบูโดประเทศซัน ถึงจะเป็นการขายหน้า ก็เป็นการขายหน้าของพวกเรานักบูโดจิ่วโจวทั้งหมดด้วยกัน ไม่ใช่หยางเฉินขายหน้าคนเดียว”
ได้ยินที่ติงเหวินจัวพูด นักบูโดหลายคนต่างมีแววตาส่อเห็นความตื่นตระหนก พวกเขาไม่เคยคิดเลย เรื่องอะไรมันจะซับซ้อนถึงเพียงนี้ แต่ว่า มันจะเป็นอย่างที่ติงเหวินจัวพูดจริง ๆ หรือ?
ตู้จ้งกัดฟันด้วยความโกรธจัด เขาเองก็กลัวในคำพูดของติงเหวินจัวจะครอบงำนักบูโดจิ่วโจว จึงพูดด้วยเสียงอันดังไปว่า “ทุกท่านวางใจได้อย่างเต็มที่ หยางเฉินจะต้องช่วยพวกเราชาวจิ่วโจวให้ประสบชัยชนะขั้นเด็ดขาดได้แน่นอน ถ้าเขาทำไม่ได้ ก็ไม่ใช่หัวหน้าสมาพันธ์บูโดสมัยที่หนึ่งของพวกเราแล้ว!”
ได้ยินตู้จ้งพูดแบบนี้ บรรดานักบูโดจิ่วโจวมีสีหน้าดีขึ้นเป็นอย่างมาก
ติงเหวินจัวกำลังคิดจะพูดอีก ตู้จ้งตวาดใส่ด้วยความโกรธ “ถ้าหากแกยังกล้าพูดส่งเดชอีกคำเดียว ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเดี๋ยวนี้แหละ!”
สิ้นเสียงพูด พลังบูโดเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลาย แผ่กระจายออกจากตัวตู้จ้ง กระแสกดดันบูโดอันน่าสะพรึงกลัว ครอบคลุมรอบตัวติงเหวินจัวไว้ในทันที
ติงเหวินจัวสั่นเทาไปทั้งตัว สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แม้เขาคิดจะพยายามหว่านล้อมนักบูโดจิ่วโจว แต่สัมผัสถึงความตั้งใจฆ่าของตู้จ้งแล้ว ด้วยความกลัวของเขา จึงไม่กล้าพูดมากอีก
ในขณะนั้นเอง ตรงใจกลางเวทีประลอง โยชิดะ โชยิ้มเหยียด ๆ มองหน้าหยางเฉินพูดว่า “เท่าที่ดูแล้ว ตัวแกที่อยู่ในใจของนักบูโดจิ่วโจว ไม่ได้มีน้ำหนักอะไรเลยนะ”
นัยะในคำพูดของเขา แท้จริงกำลังว่านักบูโดจิ่วโจวไม่มีความสมัครสมานใจกันเลย
หยางเฉินพูดกับโยชิดะ โชด้วยสีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก “เลิกพูดพล่อย ๆ ได้แล้ว ลงมือเถอะ!”
ไม่ต้องพูดถึงว่าขั้นแดนบูโดของเขาได้ทะลวงทะลุไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นแล้ว ถึงแม้ยังไม่ทะลุผ่าน เพียงทุ่มพลังฝีมือที่มีอยู่ไป เขาก็มีความมั่นใจอยู่ว่าเอาชนะโยชิดะ โชได้
มาถึงเวลานี้ ขั้นแดนพลังฝีมือของเขาได้ทะลวงทะลุขึ้นไปแล้ว โยชิดะ โชที่อยู่ข้างหน้านี้ ไหนจะมีอะไรที่ต้องกลัวอีก?
โยชิดะ โชก็รู้แล้ว การจะให้หยางเฉินคุกเข่าขอขมา ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน
เขาก็ไม่พูดพล่ามอะไรต่อไปอีก พลังแกร่งกล้าของบูโดกระแสหนึ่ง แผ่กระจายออกจากตัวของเขา
ช่วงสั้น ๆ ประมาณพริบตา พลังบูโดที่แผ่กระจายออกจากตัวของเขา ก็ขึ้นไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง พูดชัด ๆ คือ เป็นแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอด ซึ่งห่างจากแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายนั้นไม่ไกลแล้ว
สัมผัสถึงกระแสพลังบูโดที่แผ่ออกมาของโยชิดะ โช ทิคาโนะ ทาเคชิที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานของค่ายประเทศซัน แอบขมวดคิ้ว
โยชิดะ โชหยีตามองไปที่หยางเฉินพูดว่า “เจ้าหนู ตอนนี้คิดกลับได้ ยังพอทันอยู่นะ แน่ใจหรือว่า จะไม่คุกเข่าขอขมาแล้วยอมแพ้?”
“พูดพล่อยมากจริง!”
หยางเฉินพูดจบ ขยับขา พุ่งโถมเข้าใส่โยชิดะ โช
แค่เขาขยับตัว พลังบูโดก็แผ่กระจายออกจากตัวเขา ที่อยู่กันรอบบริเวณขณะนั้นล้วนเป็นนักบูโด รับรู้ได้ทันทีถึงพลังแท้จริงของหยางเฉิน แท้จริงชัดเจนว่าอยู่แค่เพียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น
นักบูโดแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น จะสู้กับนักบูโดแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางได้จริงหรือ?
ถึงแม้ก่อนหน้านี้หยางเฉินได้ใช้เพียงกระบวนท่าเดียวถล่มอาโอกิ ยามาโตะที่อยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นให้แพ้ไป แต่ในสายตานักบูโดที่อยู่ที่นี่ ถึงแม้เขาจะมีพลังฝีมือที่เก่งกาจ แต่ในระดับขั้นแดนบูโด ถึงยังไงก็ต่ำกว่าโยชิดะ โช คิดจะใช้พลังฝีมือแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นเอาชนะนักบูโดแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง ความคิดชนะนั้น ไม่มีเลยเด็ดขาด
แต่ทว่า นี่ก็เป็นเพียงความคิดในใจของพวกเขาเท่านั้น ในวินาทีถัดไป ภาพที่ทำให้ทุกคนต้องหวาดหวั่นสะท้านใจได้เกิดขึ้น
“ปึง!”
ทั้งสองกระแทกเข้าใส่กัน ที่ปรากฏให้เห็นตรงพื้นเวทีประลอง เกิดเป็นรอยแตกแยกเต็มไปทั่ว
“บรึม!”
ที่ตามมาติด ๆ เป็นเสียงดังสนั่นลั่น เวทีประลองพังทลายลง เศษหินที่แตกหัก กระเด็นกระจายว่อนไปทั่วบริเวณ
กระแทกใส่กันทีเดียว เวทีประลองถึงกับพังทลาย!
บรรดาเหล่านักบูโดที่อยู่ในพื้นที่ ทั้งหมดตะลึงกันตาโตค้าง สีหน้าแต่ละคนมีแต่ความเหลือเชื่อ เผ่าพันธุ์มนุษย์ มีหรือจะระเบิดพลังออกมาน่าสะพรึงกลัวได้ถึงขนาดนี้?
ฝ่ายทางด้านค่ายประเทศซัน ทิคาโนะ ทาเคชิตรงตำแหน่งประธาน แววตาส่อให้เห็นความสะท้านกลัวเล็กน้อย
ขั้นแดนบูโดของโยชิดะ โชใกล้จะทะลุขึ้นไปแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย ก็เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อสำหรับเขาแล้ว แต่ที่ทำให้เขาถึงจะคิดยังไงก็คิดไม่ถึงคือ นักบูโดที่มาจากจิ่วโจวนายหนึ่ง นักบูโดที่อยู่ในวัยหนุ่มมาก ๆ นายหนึ่ง อีกทั้งมีพลังฝีมือเพียงระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นเท่านั้น ก็สามารถใช้พลังระห่ำนั้นปะทะกับโยชิดะ โช
ถึงแม้หยางเฉินจะเซถอยไปเจ็แปดก้าว แต่โยชิดะ โชนั้น ก็เซถอยไปอยู่ห้าหกก้าว
เพียงการปะทะกันหนึ่งครั้งนี้ แต่ก็ให้เขาได้รับรู้เรื่องราวอยู่มากมาย
ความแข็งแกร่งทางสรีระของหยางเฉิน กับความแข็งแกร่งทางสรีระของโยชิดะ โช เท่ากัน
ประเด็นสำคัญสถานะนักบูโดของ โยชิดะ โชนั้น อยู่ในประเภทเหนือชั้นของคนที่มีความสามารถพิเศษ ฝีมือถึงขั้นตะลุยข้ามแดนสยบศัตรู
เวลานี้ หยางเฉินใช้พลังฝีมือที่ต่ำขั้นแดนกว่าโยชิดะ โช ต่อสู้กับโยชิดะ โชได้อย่างสูสี แล้วขีดขั้นความสามารถที่แท้จริงในการสู้ศึกของหยางเฉิน จะน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน?