The king of War - บทที่ 187 ผู้แข็งแกร่งมาโจมตี
“ผู้นำครับ อยากฆ่าเขา เกรงว่ายากมากครับ!”
ชายวัยกลางคนที่รายงานก่อนหน้านั้นเอ่ยปากบอกทันใด
“หมายความว่าอะไร?” จวงเจี้ยนเซ่อขมวดคิ้ว
ชายวัยกลางคนชื่อว่าจวงเซิ่ง เป็นลูกชายคนเล็กสุดของจวงเจี้ยนเซ่อ และเป็นลูกชายคนเดียวที่เขาไว้ใจที่สุด โดยพื้นฐานสามารถมั่นใจได้ว่าในอนาคตจวงเซิ่งจะต้องสืบทอดตำแหน่งของผู้นำเป็นแน่
จวงเซิ่งหยิบยูเอสบีอันหนึ่งออกมา พูดสั่งกับลูกน้องด้านข้าง “นายเอาคลิปในยูเอสบีนี้ไปเปิดให้ทุกคนได้ดู!”
ไม่นานนัก บนหน้าจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ คลิปวิดีโอส่วนหนึ่งถูกฉายออกมาแล้ว
“คุณหยาง คนก็ปล่อยไปแล้ว ท่านคิดว่าจะสามารถปล่อยคุณชายชวนไปได้หรือไม่?”
“ความจริงฉันไม่อยากเป็นศัตรูกับตระกูลเมิ่ง แต่เห็นกันอยู่ว่าพวกนายอยากหาเรื่องฉัน วันนี้ถือว่าให้บทเรียนพวกนายสักครั้ง ถ้ายังมีครั้งต่อไปอีก แบบนั้นจะไม่จบลงง่ายดายขนาดนี้แล้วนะ”
ไม่นานบนคลิปวิดีโอปรากฏภาพของงานประมูลของชั้นบนสุดที่คลับหลงเถิงออกมาแล้ว คือฉากนั้นที่หยางเฉินยกเมิ่งชวนขึ้นมาด้วยมือเดียว
พอมองเห็นฉากนี้เข้า ทุกคนในห้องโถงใหญ่ล้วนท่าทางตื่นตกใจ
เพราะคาดไม่ถึงว่าสายตรงของตระกูลเมิ่งเกือบโดนหยางเฉินเล่นงานจนเสียชีวิต
หยางเฉินพูดจบ หมุนตัวกำลังจะไป แต่ตอนที่เขาเดินมาถึงหน้าประตูงานประมูล ทันใดนั้นหยุดฝีเท้าลงมา ถือโอกาสหยิบปากกาเซ็นชื่อด้ามหนึ่งขึ้น
และขณะนี้จวงปี้ฝานยังมีชีวิตอยู่
แต่ว่าวินาทีต่อมา ฉากหนึ่งที่ทำให้ทุกคนตื่นตกใจได้เกิดขึ้นแล้ว
เห็นเพียงหยางเฉินถือโอกาสโบกมือ ชั่วพริบตาเดียวปากกาเซ็นชื่อก็หลุดออกจากมือ แวบหนึ่ง ร่างกายของจวงปี้ฝานล้มลงบนพื้นโดยตรง
“ซี้ด~”
ทุกคนต่างหน้าตาตกใจกลัว ถึงแม้ภาพที่มองเห็นไม่ได้ชัดเจนมาก แต่พวกเขามองเห็นหยางเฉินเขวี้ยงปากกาเซ็นชื่อด้านหนึ่งออกไปด้วยมือเปล่าจริงๆ จากนั้นจวงปี้ฝานก็ตายแล้ว
และความจริงได้ถูกพิสูจน์แล้ว สาเหตุการตายของจวงปี้ฝาน เป็นปากกาเซ็นชื่อด้ามหนึ่งจริงๆ
ทั้งห้องโถงใหญ่ล้วนเงียบกริบ ทุกคนรู้สึกได้ถึงกำลังอันเกรียงไกรของหยางเฉินกันหมด
ตั้งนาน รออารมณ์ของทุกคนค่อยๆ สงบมั่นคงลงมาบ้าง จวงเซิ่งจึงเอ่ยปากบอก “ชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา ผมเคยตรวจสอบเขามาเป็นพิเศษ”
“เดิมทีเขาเป็นหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเย็นตู ลูกนอกสมรสของตระกูลอวี๋เหวิน สิบกว่าปีก่อน เขากับแม่ของเขาโดนไล่ออกจากตระกูล จากนั้นห้าปีก่อน แม่ของเขาป่วยตาย ส่วนเขามีความสัมพันธ์กับสาวงามอันดับหนึ่งของตระกูลฉินขึ้น”
“และต่อมาอีก เขาก็ไปเป็นทหาร หายตัวไปห้าปีเต็มๆ จนเมื่อสามเดือนก่อน เขาถึงปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน”
“ผมตรวจสอบได้ถึงแค่เรื่องพวกนี้ ห้าปีนี้ สรุปว่าเขาเป็นทหารมากี่ปี และทำเรื่องอะไรมาบ้าง ล้วนแล้วแต่ไม่รู้เลยทั้งนั้น”
ฟังคำพูดของจวงเซิ่งจบ ทุกคนถึงค่อยๆ ได้สติกลับมาจากความตื่นตกใจเมื่อสักครู่นี้
จวงเจี้ยนเซ่อทำหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน เขาในฐานะผู้นำของตระกูลจวง ย่อมรู้จักผู้แข็งแกร่งที่ความสามารถยอดเยี่ยมคนหนึ่งดีเป็นธรรมดาว่ามีความน่ากลัวมากแค่ไหน
หยางเฉินอยู่ห่างไปยี่สิบกว่าเมตร จากนั้นใช้ปากกาเซ็นชื่อด้ามหนึ่งสังหารจวงปี้ฝาน นั่นพอจะอธิบายได้แล้วว่าความสามารถของเขาไม่ธรรมดา
“จวงเซิ่ง ฉันไม่สนใจว่าแกจะเสียเงินไปมากเท่าไร ภายในวันนี้ จำเป็นต้องคิดหาวิธีเอาหัวของมันกลับมาให้ฉัน!”
จวงเจี้ยนเซ่อเอ่ยปากบอกโดยกะทันหัน
ในเมื่อรู้ว่าความสามารถของหยางเฉินไม่ธรรมดา เขาจะไม่ยอมให้หลานชายของตนเองถูกฆ่าไปแบบไม่ชัดเจนหรอก
“ครับ คุณพ่อ!”
จวงเซิ่งรับปากเสียงทุ้ม
ที่ตระกูล คำพูดของจวงเจี้ยนเซ่อคือราชโองการ เดิมทีจวงเซิ่งไม่มีทางปฏิเสธได้
แต่ดีที่จวงเจี้ยนเซ่อพูดแล้วว่าไม่ว่าเสียเงินไปมากเท่าไรก็ได้หมด
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ทำได้เพียงจ่ายเงินจ้างผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดแล้ว
“ผู้นำครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้สามารถไปหาตระกูลเมิ่งให้สนับสนุนได้ โดยเฉพาะการตายของปี้ฝานเกิดอยู่ที่งานประมูลที่พวกเขาจัด”
เวลานี้ มีคนลุกขึ้นบอกทันใด
จวงเจี้ยนเซ่อขมวดคิ้ว มองทางคนที่พูด “แกมีความคิดอะไร พูดออกมา!”
“เมิ่งชวนและหงฝูในฐานะคนของตระกูลเมิ่ง และมองเห็นปี้ฝานถูกฆ่ากับตาตัวเอง พวกเขาผลักความรับผิดชอบไปไม่ได้ ส่วนชายหนุ่มที่ชื่อหยางเฉินคนนี้ ความสามารถไม่ธรรมดา มีเพียงยอดฝีมือของตระกูลร่ำรวยชั้นนำแห่งเมืองเอก ถึงมีความเป็นไปได้ว่าจะฆ่าเขาทิ้งสำเร็จ”
คนคนนั้นรู้สึกโมโหเจ็บแค้นมาก พูดต่อไปอีก “ตามที่พวกเราตรวจสอบมา สาเหตุที่ปี้ฝานบาดหมางกับหยางเฉิน เพราะการยุยงของเมิ่งชวน ตระกูลเมิ่งมีสิทธิ์อะไรมาทำให้พวกเราตระกูลจวงต้องเผชิญหน้ากับทุกอย่างด้วย?”
พอได้ยินดังนั้น ผู้คนมากมายต่างทำหน้าตาเห็นด้วย
โดนเฉพาะการกระทำนั้นของหยางเฉินเกินกว่าจินตนาการของพวกเขาไปมาก ได้แต่ใช้คำว่า‘แข็งแกร่ง’คำนี้มานิยาม
ถึงแม้ว่าตระกูลจวงสามารถจ้างยอดฝีมือได้ แต่ยังต้องจ่ายในราคาที่สูงมาก
แต่ถ้าตระกูลเมิ่งยอมลงมือ ไม่เพียงสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ก้อนหนึ่ง ยังสามารถแก้แค้นให้จวงปี้ฝานได้ด้วย
“ผู้นำครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรเป็นพวกเราตระกูลจวงแบกรับอยู่ฝ่ายเดียว อย่างน้อยตระกูลเมิ่งควรส่งผู้แข็งแกร่งออกมาเพื่อไปจัดการเจ้าหมอนั่นด้วย”
“ใช่ครับ ตระกูลเมิ่งจำเป็นต้องออกหน้า!”
……
เวลานี้ ญาติสายตรงของตระกูลจวงต่างเอ่ยปากเห็นพ้องต้องกัน
“ในเมื่อทุกคนหวังว่าตระกูลเมิ่งควรออกหน้า งั้นเรื่องนี้ปล่อยให้คุณรับผิดชอบไปติดต่อกับตระกูลเมิ่งแล้วกัน”
จวงเจี้ยนเซ่อเงียบงันไม่พูดจา ผ่านไปตั้งนานถึงมองจวงเซิ่งแล้วบอกว่า “ถ้าพวกเขาสามารถออกหน้าได้คงดีที่สุด ถ้าไม่ยินยอม ก็ไม่ต้องไปบังคับ โดยเฉพาะตระกูลเมิ่งคิดจะทำลายตระกูลจวง เป็นเรื่องง่ายดายอยู่แล้ว!”
“ครับ คุณพ่อ!”
จวงเซิ่งตอบรับ
ไม่นานการประชุมของตระกูลจวงเสร็จสิ้นลง จวงเซิ่งออกไปจากเมืองเจียงโจวทันที รีบไปยังตระกูลเมิ่งที่เมืองเอก
หยางเฉินไม่ได้รู้เรื่องด้วย คาดไม่ถึงตระกูลจวงจะมีจิตอาฆาตแค้นต่อเขา
แน่นอนว่าต่อให้รู้ เขาก็ไม่คิดว่าเป็นปัญหาอะไร ด้วยความสามารถของเขา ไม่ต้องพูดถึงผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของเมืองเอก แม้แต่ระดับทั่วทั้งจิ่วโจว จะมีใครสามารถเข้าตาเขาได้กัน?
สมญานามของเทพสงครามผู้ชนะที่น่าเกรงขาม ไม่เพียงเป็นแค่ชื่อเรียกหนึ่งเท่านั้น ยังรวมถึงตำแหน่งและความสามารถอีกด้วย
ช่วงเย็นห้าโมงครึ่ง หยางเฉินไปรับเสี้ยวเสี้ยวที่โรงเรียนอนุบาลหลานเทียนตรงเวลา จากนั้นไปรับฉินซีที่ซานเหอกรุ๊ป สามคนพ่อแม่ลูกมุ่งหน้ากลับบ้านที่ยอดเมฆา
ในทุกวัน ช่วงเวลาที่หยางเฉินรู้สึกมีความสุขที่สุด คือตอนที่ไปรับภรรยาและลูกสาว เพราะมีเพียงช่วงเวลานี้ เขาถึงสามารถมีความรู้สึกของครอบครัวขึ้นมาได้
เหมือนกับทุกๆ วัน ระหว่างทางเสี้ยวเสี้ยวจะพูดจาเจื้อยแจ้วไม่หยุด ล้วนเป็นเรื่องสนุกในโรงเรียนอนุบาลทั้งสิ้น ทำให้หยางเฉินและฉินซีส่งเสียงหัวเราะกันไม่หยุด
ยี่สิบนาทีต่อมา ที่ยอดเมฆา
เพิ่งเข้ามาในคฤหาสน์ ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าหยางเฉินก็อึมครึมลงมาแล้ว
คฤหาสน์มีคนอยู่
เขาเพิ่งเข้าประตูมา รู้สึกถึงแรงอาฆาตที่รุนแรงมาก
ผู้แข็งแกร่งที่ผ่านสมรภูมิรบมาโชกโชนแบบเขานี้ ย่อมรับรู้ต่อแรงอาฆาตได้ว่องไวมาก
โดยเฉพาะที่เมืองเจียงโจว เขายังไม่เคยเจอผู้แข็งแกร่งที่ครอบครองลักษณะพลังอำนาจเกรียงไกรเช่นนี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามมาเพื่อเอาชีวิตตนเอง
“เสี่ยวซี คุณพาเสี้ยวเสี้ยวขึ้นรถไปก่อน ผมจะพาพวกคุณไปกินข้าวข้างนอก”
หยางเฉินเอ่ยปากขึ้นทันใด
ฉินซีไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่มองหยางเฉินด้วยท่าทางสงสัย “อยู่ดีๆ ทำไมถึงต้องไปกินข้าวข้างนอกกะทันหันด้วย?”
“เชื่อผมก็พอ!”
หยางเฉินมีท่าทางไม่ยอมให้ใครโต้แย้งได้
ถึงแม้ฉินซีจะสงสัย แต่ยังพาเสี้ยวเสี้ยวขึ้นรถไปแบบเชื่อฟัง
รอให้ภรรยาและลูกสาวออกไปแล้ว หยางเฉินถึงโล่งอกไปทีหนึ่ง สายตาค่อยๆ เย็นชาลงไปถึงที่สุด
ทันใดนั้นร่างกายของเขากลายเป็นภาพวืด ชั่วพริบตาเดียวพุ่งเข้าไปยังประตูห้องนอนบานนั้น
“ปึง!”
เสียงดังสนั่นทีหนึ่ง ชั่วขณะหนึ่งประตูบานนั้นก็ลอยออกไปแล้ว
ในขณะเดียวกัน ภาพเงาคนคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาหยางเฉิน
เดิมทีฝ่ายตรงข้ามนึกไม่ถึงว่าหยางเฉินจะพบตนเองเข้าแล้ว
ชั่วขณะที่หยางเฉินต่อยเข้ามาที่ประตู เขาจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อยอีกต่อไป ในมือถือมีดคมกริบเล่มหนึ่ง แทงเข้าบริเวณหัวใจของหยางเฉินอย่างแรงทันที