The king of War - บทที่ 1886
รอนายครึ่งปี
เมื่อเห็นหยางเฉินที่กำลังโมโห หม่าชาวก็มองหยางเฉินอย่างใจเย็น ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ค่อยๆ เปิดปากพูด “พี่เฉิน ผมรู้ว่าพี่หวังดีกับผม แต่ว่า พี่ช่วยผมมามากเกินไปแล้ว จะให้ผมเอาแต่พึ่งพาพี่ในทุกเรื่องได้ยังไง?”
“ผมเองก็รู้ว่าให้พี่ช่วยผมค้นหาผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดที่มีพลังแห่งการผนึกนั้นง่ายกว่า แต่ว่าในภูเขาวมารแม้แต่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดก็อาจตายได้ทุกเมื่อเหมือนกัน”
“ผมมีภรรยาและลูก แต่พี่ก็มีนี่! จะให้พี่มาแบกรับทุกอย่างแทนผมก็คงไม่ได้หรอกใช่ไหม? แบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับพี่ และไม่ยุติธรรมกับพี่สะใภ้และเสี้ยวเสี้ยวด้วย”
“พี่เฉิน ผมหวังว่าต่อไปพี่จะคิดถึงตัวเองให้มากขึ้นอีกสักหน่อย”
คำพูดของหม่าชาว เหมือนกับอ่างน้ำเย็นที่ราดลงบนหัวของหยางเฉินและทำให้เขาได้สติขึ้นในทันที
ใช่!
เขามักจะต้องการปกป้องทุกคนรอบตัวเสมอ แม้จะต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม ก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ไปยังเมืองหวยเฉิง เขาถึงกับสร้างศัตรูกับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด หากไม่ใช่เพราะโชคดี เขาคงตายในเมืองหวยเฉิงไปแล้ว
แม้แต่เหล่าจิ่วที่ปกป้องตนเองก็เสียชีวิตในเมืองหวยเฉิง
สิ่งที่เขาถามหม่าชาวเมื่อครู่นี้ทำให้เขาอดถามตัวเองในใจไม่ได้ว่า ก่อนที่เขาจะทำเรื่องอันตรายพวกนี้ เขาเคยคิดว่าตนมีภรรยาและลูกหรือไม่?
ตอนนี้เขาไม่รู้ว่า ฉินซีและเสี้ยวเสี้ยวสบายดีไหม เขาเองก็ยังไม่รู้แน่ชัด
ยิ่งคิด หยางเฉินก็ยิ่งโทษตัวเอง
หม่าชาวอ้าปากพูด “พี่เฉิน ผมขอโทษ! ผมทำให้พี่ต้องรู้สึกแย่”
หยางเฉินส่ายหัว เขาไม่ต้องการที่จะพูดอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้และพูดอย่างใจเย็น “ไปกันเถอะ!”
ก่อนเที่ยงของวันพรุ่งนี้ หากพวกเขาไม่สามารถไปยังสนามรบนอกอาณาเขต สำนักบู๊แห่งภูเขาวมารก็จะสังหารตู้จ้ง
สนามรบนอกอาณาเขตนั้นใหญ่มาก และภูเขาวมารก็ใหญ่มากเช่นกัน หากพวกเขาต้องการไปถึงภูเขาวมารก่อนเที่ยวของวันพรุ่งนี้ ตอนนี้เวลาก็เร่งด่วนมาก
ในจิ่วโจว ที่ที่คุณอยากไป ก็สามารถนั่งเครื่องบินไปถึงที่หมายได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ในสนามรบนอกอาณาเขตนั้นมีสนามบินเพียงแห่งเดียว
หลังจากเดินทางถึงสนามบินในสนามรบนอกอาณาเขตแล้ว จะไปยังภูเขาวมารก็มีแค่ต้องนั่งรถออฟโรดข้ามภูเขาไปเท่านั้น หลังจากไปถึงภูเขาวมาร ก็ยังต้องใช้อีกเวลาหลายชั่วโมงในการขับรถไปยัง สำนักบู๊
เรียกได้ว่าเวลาเร่งด่วนอย่างมาก หากต้องการไปถึงที่สำนักบู๊ก่อนเที่ยววันพรุ่งนี้ เวลาก็จะพอดิบพอดี และระหว่างทางยังห้ามเจอกับอุบัติเหตุอื่น ๆ ด้วย มิฉะนั้น คุณจะไม่อยากไปถึงสำนักบู๊ได้ตรงเวลา
ในเวลาเดียวกัน สนามรบนอกอาณาเขต ภูเขาวมารสำนักบู๊
ชายชราผมขาวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายและจิบชาหอมกรุ่นอย่างสบายๆ
ในเวลานี้ มีชายวัยกลางคนเดินเข้ามา
“เจ้าสำนัก!”
ชายวัยกลางคนยืนอยู่ต่อหน้าชายชราด้วยความเคารพ
ชายชราวางถ้วยชาลง จากนั้นก็มองดูชายวัยกลางคนแล้วถามว่า “พร้อมหรือยัง?”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าและกล่าวว่า “ตอนนี้ หยางเฉินออกจากยอดเมฆาแล้ว นอกจากนี้ ผมยังได้เปิดเผยร่องรอยของเขาให้คนของประเทศซันแล้วด้วย”
ชายชราพยักหน้าและพูดว่า “ดี! คอยดูเขาต่อไป!”
ชายวัยกลางคนตอบอย่างรวดเร็ว: “ครับ!”
หยางเฉินไม่เคยคิดเลยว่าคนของ สำนักบู๊ ที่ต้องการให้เขาไปที่ สำนักบู๊ ก่อนเที่ยวในวันพรุ่งนี้ กลับเปิดเผยที่อยู่ของเขาให้คนของประเทศซัน
อีกด้านหนึ่ง ประเทศซัน สำนักงานใหญ่ของสมาคมนักบู๊ประเทศซัน
กลุ่มนักบู๊ชั้นนำของประเทศซันกำลังนั่งอยู่ด้วยกัน
ผู้ที่นั่งในตำแหน่งผู้นำ ก็คือชายชราสวมชุดบู๊คนหนึ่ง ขณะที่คามิชิโร กุนโตและอาโอกิ ยามาโตะนั่งอยู่ทางด้านซ้ายและด้านขวาของชายชราตามลำดับ
“หัวหน้าโยชิดะหยางเฉินฆ่าหัวหน้าทิคาโนะ ทาเคชิ แถมยังฆ่ารองหัวหน้าสมาพันธ์บูโดโยชิดะ นี่เป็นโทษตาย ในเมื่อตอนนี้เขาออกจากเยี่ยนตูไปแล้ว พวกเราจะต้องฉวยโอกาสนี้ ฆ่าเขาซะ! เพื่อล้างแค้นให้กับหัวหน้าทิคาโนะ ทาเคและรองหัวหน้าสมาพันธ์บูโดโยชิดะ!”
คามิชิโร กุนโตเอ่ยด้วยสีหน้าอย่างโกรธแค้น
อาโอกิ ยามาโตะก็กำหมัดของเขาแน่นเช่นกันและพูดด้วยสีหน้าเกลียดชังว่า “หยางเฉินลบหลู่นักบู๊ประเทศซันของเรา เขาจะต้องชดใช้ในเรื่องนี้! มีเพียงแค่ฆ่าเขาทิ้งเท่านั้นเราถึงจะสามารถขจัดความอัปยศนี้ได้!”
คนอื่นๆ ก็ตะโกนว่า “ฆ่าหยางเฉิน ขจัดความอัปยศ!”
ชั่วครู่หนึ่ง นักบู๊ประเทศซันทั้งหมดในห้องประชุมก็ตะโกนขึ้นมา ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความเกลียดชังและแทบจะอยากฆ่าหยางเฉินเสียตั้งแต่ตอนนี้
ชายชราที่นั่งอยู่ในตำแหน่งประธานมีสีหน้าเย็นชา จนกระทั่งทุกคนเงียบลงเขาจึงค่อยเผยเจตนาฆ่าบนใบหน้า และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกนายพูดถูก หยางเฉินต้องตาย! ฉันชินิจิ โยชิดะขอสาบานว่า จะต้องทำให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต!”
ชินิจิ โยชิดะเป็นผู้แข็งแกร่งที่ตระกูลโยชิดะ ตระกูลบู๊ของประเทศซันส่งมายังสมาคมนักบู๊ประเทศซัน เขาเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด
ในอดีต เหตุผลที่สามตระกูลขุนนางใหญ่เลือกทิคาโนะ ทาเคชิ ให้เป็นประธานสมาคมนักบู๊ประเทศซัน ก็เพราะตัวตนของทิคาโนะ ทาเคชินั้นบริสุทธิ์และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับตระกูลขุนนางใหญ่ทั้งสาม
แต่ตอนนี้ ทิคาโนะ ทาเคชิตายไปแล้ว และโยชิดะ โชที่ตระกูลโยชิดะส่งมายังสมาคมนักบู๊ประเทศซันก็ตายแล้วเช่นกัน กล่าวได้ว่าตระกูลโยชิดะประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ ดังนั้นจึงส่งผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดมาโดยตรง
เมื่อมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดดำรงอยู่ ตระกูลอาโอกิ และตระกูลยูอิจิ ย่อมไม่มีทางแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งประธานสมาคม
หยางเฉินไม่รู้ว่าก่อนเลยว่า ตัวเองยังไปไม่ถึงสนามรบนอกอาณาเขต นักบู๊ประเทศซันก็ได้มุ่งเป้าไปที่เขาแล้ว อีกทั้งยังจะเอาชีวิตของเขาด้วย
เวลาห้าทุ่มหยางเฉินและหม่าชาวก็ขึ้นเครื่องบินระหว่างประเทศไปยังสนามรบนอกอาณาเขต
จนกระทั่งเวลาตีสาม เครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินนานาชาติในสนามรบนอกอาณาเขต
หลังลงจากเครื่องบิน หม่าชาวก็มองไปที่หยางเฉินและพูดว่า “พี่เฉิน ตอนนี้เพิ่งตีสาม พวกเราพอจะมีเวลาใช่ไหม?”
หยางเฉินส่ายหัวและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “จากที่นี่ไปภูเขาวมาร ยังต้องขับรถอย่างน้อยอีกหกชั่วโมง และเมื่อไปถึงภูเขาวมาร และไปยังสำนักบู๊ก็ยังต้องขับรถอีกสองชั่วโมง แบบนี้เรายังมีเวลาว่างหนึ่งชั่วโมง แต่อย่าลืมว่านี่คือสนามรบนอกอาณาเขต”
“การต่อสู้อาจระเบิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เมื่อการเดินทางของเราถูกทำลายลงหรือเจอกับนักฆ่า เวลาว่างหนึ่งชั่วโมงก็ไม่เพียงพอ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หยางเฉินพูด ใบหน้าของหม่าชาวก็กังวลเล็กน้อย
หลังจากลังเลเล็กไปชั่วครู่ เขาก็เปิดปากพูดและพูดว่า “พี่เฉิน เมื่อพี่ไปถึงภูเขาวมาร แล้วก็อย่าได้สนใจผมแล้ว ผมจะฝึกฝนตัวเองในภูเขาวมาร”
ครั้งนี้ที่เขามายังภูเขาวมารก็เพื่อสั่งสมประสบการณ์
ทั้งที่เขารู้ดีเช่นกันว่าหยางเฉินไปยังสำนักบู๊นั้นอาจจะอันตราย แต่เขาก็รู้ดีว่าตนอ่อนแอเกินไป แม้ว่าเขาจะติดตามหยางเฉินไปก็จะกลายเป็นภาระของหยางเฉินเท่านั้น
หยางเฉินอยู่ตัวคนเดียว เคลื่อนไหวได้ง่ายกว่า เพื่อไม่ให้เป็นภาระของหยางเฉิน เขาจึงวางแผนที่จะแยกตัวจากหยางเฉินทันทีที่ไปถึงภูเขาวมาร
หยางเฉินมองมาที่หม่าชาวอย่างลึกซึ้งและถามว่า “นายพิจารณาดีแล้วใช่ไหม?”
หม่าชาวยิ้มและพยักหน้า “ผมคิดดีแล้ว พี่เฉินไม่ต้องกังวล ผมจะต้องรอดแน่นอน! รอผมอีกครึ่งปี ผมจะคอยติดตามคุณไปรอบๆ!”
นี่คือเป้าหมายที่เขาตั้งไว้ให้ตัวเอง ใช้เวลาครึ่งปีในการเปลี่ยนแปลงความแข็งแกร่งของตน
หยางเฉินพยักหน้า “ตกลง ฉันจะรอนายครึ่งปี!”