The king of War - บทที่ 1902 พลังแห่งเทพบู๊
หลังจากได้ฟังคำพูดของตู้หมิงเหวี่ยนแล้ว หยางเฉินก็ตระหนักได้ถึงว่า สภาพของตู้ป๋อไม่ปกติจริง ๆ
เขาได้รับสัมผัสแล้วชัด ๆ ถึงแรงกดดันอย่างหนักหน่วงจากตัวของตู้ป๋อ ด้วยพลังฝีมือของหยางเฉินในขณะนี้ ผู้ที่สามารถนำพามาซึ่งความกดดันรุนแรงให้เขารู้สึกได้ จะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นแน่นอน
แต่ทว่า พลังกดดันจากตัวของตู้ป๋อนั้น ไม่ได้เสถียร เดี๋ยวแกร่งเดี๋ยวอ่อน บางครั้ง ก็ไม่มีพลังกดดันออกมาแม้แต่น้อย
จวบจนถึงตู้หมิงเหวี่ยนได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ มากมายมานี้ หยางเฉินจึงได้เข้าใจว่าเป็นเรื่องอะไร
ตู้ป๋อพูดขึ้นมาในทันใดด้วยสีหน้าจริงจัง “หยางเฉิน ข้าอยากขอให้เจ้าไตร่ตรองสักหน่อย สำหรับเจ้าแล้ว การได้เป็นเจ้าสำนักของสำนักบู๊ มีแต่ผลได้เต็มร้อยโดยไม่มีเสียแม้แต่นิด”
ตู้หมิงเหวี่ยนก็มองหน้าหยางเฉินอย่างเฝ้ารอ หยางเฉินขรึมเงียบลงไปในพลัน
ผ่านไปสักพัก เขาจึงถามขึ้นว่า “ถึงแม้อาการบาดเจ็บของท่านลุงจะหนักมาก ไม่สามารถคงพลังการต่อสู้ในระดับยอดสุดได้ตลอด แต่ในสำนักบู๊ก็มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดมากมาย อีกยังมีพี่ตู้ ก็อยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด พลังฝีมือการต่อสู้ก็เก่งกาจขนาดนั้น ให้พี่ตู้รับสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก จะไม่เหมาะยิ่งกว่าหรือ?”
“ส่วนผม เป็นเพียงคนนอก ถึงแม้เมื่อครู่นี้ที่ชนะพี่ตู้มาด้วยจังหวะโชคช่วย และพี่ตู้ก็ไม่ได้ใช้พลังอย่างสุดฝีมือ ถ้าพี่ตู้สู้ด้วยพลังฝีมือเต็มที่ ผมไม่มีช่องโอกาสเลยแม้แต่นิด”
สีหน้าหยางเฉินเต็มไปด้วยความจริงจัง สิ่งที่เขาพูดออกมาทั้งหมด ก็เป็นส่วนที่เขามีความสงสัยอยู่ด้วย
พลังฝีมือของเขาเทียบตู้หมิงเหวี่ยนไม่ได้เลย และก็ยังไม่ใช่คนในสำนักบู๊ อีกทั้งกับตู้ป๋อ และตู้หมิงเหวี่ยนก็เพิ่งจะรู้จักกันไม่นาน พวกเขาจะใช้อะไรเป็นหลักการที่จะยกตำแหน่งเจ้าสำนักสำนักบู๊ให้กับตัวเขา?
ตู้ป๋อจ้องไปที่หยางเฉิน พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ที่เจ้าพูดนั้นไม่ผิด พลังฝีมือของหมิงเหวี่ยนนั้นสูงกว่าเจ้าก็จริงอยู่ แต่ช่วงห่างของพวกเจ้าไม่ได้มากมาย”
“แต่ว่า เจ้าอายุยังน้อย ถ้าเจ้าได้เข้ามาอยู่กับสำนักบู๊ ใช้เวลาไม่ต้องมาก พลังฝีมือต้องก้าวข้ามหมิงเหวี่ยนเป็นแน่”
“ข้าก็รู้ เจ้ามีข้อสงสัยกับเรื่องนี้อยู่ แต่ข้าขอบอกเจ้าด้วยความตั้งใจจริง ข้าจริงใจอยากให้เจ้าเป็นผู้รับช่วงเจ้าสำนัก มีแต่เจ้าเท่านั้น จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดในการเป็นเจ้าสำนัก!”
ตู้หมิงเหวี่ยนก็รีบพูดเสริม “ใช่ เจ้านี่แหละตัวเลือกที่ฟ้าส่งมาให้สำนักบู๊ พวกเราได้รู้จักเจ้าในนาทีที่วิกฤติที่สุด นี่เป็นมติสวรรค์ พี่หยาง เจ้าทำตามมติสวรรค์เถอะ รับสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักด้วยเถอะ!”
สองพ่อลูก ต่างก็มองหยางเฉินด้วยสีหน้าเฝ้ารอ
หยางเฉินขรึมเงียบไปครู่หนึ่ง ส่ายหน้า พูดกับตู้ป๋อด้วยสีหน้าวอนขออภัยว่า “ท่านลุง ผมเสียใจจริง ๆ!ตำแหน่งเจ้าสำนักสำนักบู๊นี้ ผมไม่อาจเอื้อมที่จะรับได้”
สองพ่อลูกนี้ แม้จะแสดงความจริงใจมากแล้ว แต่หยางเฉินก็ยังอยู่ในความรู้สึกเลื่อนลอยของการฝัน เขามาสำนักบู๊ ตั้งแต่เดิมก็เพื่อมาช่วยตู้จ้ง สุดท้ายยังไม่ได้พบตัวตู้จ้ง กลับมาพบกับตู้ป๋อและตู้หมิงเหวี่ยน ทั้งสองยังคิดจะให้เขามารับสืบตำแหน่งเจ้าสำนักของสำนักบู๊
ตัวเขาเองไม่มีความพึงใจในเรื่องอำนาจบารมี เมื่อครู่ที่ผ่านมาที่มีช่วงลังเลไปสั้น ๆ นั้น ไม่ใช่เพราะเขาเกิดโลภในอำนาจบารมี แต่เพราะถ้าหากได้สืบทอดเป็นเจ้าสำนัก ก็จะได้ปกป้องญาติสนิทมิตรสหายได้ดีมากขึ้น
แต่ทว่า แม้เขาได้ขึ้นมาเป็นเจ้าสำนักของสำนักบู๊แล้ว รอบข้างก็จะปลอดจากอันตรายหรือ?
อันตรายไม่เพียงจะไม่หายไป แต่กลับจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นให้อีก
ขณะนี้ อันตรายที่ล้อมรอบเขาอยู่ ก็เหลืออยู่ไม่เท่าไหร่แล้ว แต่ถ้ารับเป็นเจ้าสำนักของสำนักบู๊ขึ้นมา ศัตรูที่จะเกิดเพิ่มขึ้นมาในเวลานั้น ก็คือเหล่าบรรดากลุ่มอิทธิพลระดับสุดยอดในภูเขามารที่จ้องจะฮุบสำนักบู๊ทั้งหลาย
ที่สำคัญที่สุดประเด็นหนึ่งคือ เขาไม่อยากที่จะเป็นเจ้าสำนักสำนักบู๊จริง ๆ ให้แม้แต่ตำแหน่งหัวหน้าสมาพันธ์บูโดในโลกสามัญ ก็รับมาเป็นการชั่วคราวเท่านั้น เดิมก็ตั้งใจอยู่แล้วว่ามาครั้งนี้ก็เพื่อรับตู้จ้งกลับไปอย่างปลอดภัย แล้วก็จะยกตำแหน่งหัวหน้านี้ให้กับตู้จ้ง
เวลานี้ที่เขาคิดมีแต่ว่าจะรีบรับลูกเมียกลับมาอยู่ข้างตัว รอให้หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดในมือให้เสร็จสิ้น เขาก็จะหาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักเขา หรือไปตามท้องทุ่งไร่นาบ้านนอกที่ห่างไกลมาก ๆ ซื้อคฤหาสน์เกษตรกรขนาดใหญ่หน่อย สร้างบ้านทรงจีนสี่ประสานสักหลัง บริเวณคฤหาสน์ ปลูกผลหมากรากไม้ทำสวนผัก และพันธุ์ไม้ดอกต่าง ๆ ใช้ชีวิตปลีกวิเวกอยู่กับลูกเมียอย่างสงบสุข
ส่วนเรื่องราวต่าง ๆ ทางโลกและในวงการบูโด เขาก็จะไม่เข้าไปข้องแวะอีกต่อไป
เห็นหยางเฉินปฏิเสธ ตู้ป๋อกับตู้หมิงเหวี่ยนสองพ่อลูก ให้รู้สึกผิดหวังส่อในแววตาอย่างเข้มข้น
ตู้หมิงเหวี่ยนยังไม่ยอมละพยายาม พูดย้ำต่ออีกว่า “พี่หยาง เจ้าจะไม่ใคร่ครวญตรึกตรองอีกจริง ๆ หรือ?ข้าขอให้สัญญาต่อเจ้าได้ ขอเพียงเจ้ารับตำแหน่งเจ้าสำนักของสำนักบู๊ พวกเราจะปกป้องญาติของเจ้าให้เป็นอย่างดี”
หยางเฉินส่ายหน้าด้วยสีหน้าลำบากใจอย่างหนัก “พี่ตู้ เสียใจมาก ๆ จริง ๆ!”
ตู้หมิงเหวี่ยนกำลังจะพูดขอร้องต่อ ตู้ป๋อได้ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วพูดออกไปว่า “เอาเถอะ ๆ!ในเมื่อเจ้าไม่มีใจใฝ่ทางด้านนี้ ข้าก็ไม่ฝืนใจเจ้าละ”
หยางเฉินจึงได้แอบรู้สีกโล่งใจเงียบ ๆ
เขาก็เอ่ยปากพูดว่า “ท่านลุง แล้วตอนนี้ตู้จ้งอยู่ที่ไหน?สบายดีไหม?”
ตู้ป๋อผงกหัว หัวเราะแล้วพูดว่า “ข้าสั่งให้เตรียมอาหารเลี้ยงรับรองไว้พร้อมแล้ว พวกเราไปกินกันเถอะ”
ไม่นานต่อมา ทั้งสาม ก็มาถึงที่อาคารบรรยากาศโบราณหลังหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในสำนักบู๊
“ท่านหัวหน้า!”
เพิ่งย่างก้าวเข้าในอาคารสไตล์โบราณ หยางเฉินก็ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นชิน ตามมาติด ๆ ก็ได้เห็นตู้จ้งที่กำลังมองหยางเฉินด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น พูดออกมาอย่างดีใจว่า “ท่านหัวหน้า ท่านสบายดีแล้วหรือ?”
ตู้จ้งไม่มีอาการบาดเจ็บใด ๆ ดูอยู่ในสภาพที่ดีเอามาก ๆ เห็นชัดได้ว่าความเป็นอยู่ในสำนักบู๊ดีเอามาก ๆ
ความห่วงกังวลที่แขวนในใจหยางเฉินมาตลอด ก็ได้ปลดทิ้งในที่สุด พูดด้วยเสียงหัวเราะว่า “ข้าหายดีเรียบร้อยแล้ว!”
“ฮ่า ๆ เยี่ยมเลย!”
ตู้จ้งพูดอย่างตื้นตันในอารมณ์ว่า “ท่านหัวหน้าหายดีแล้วในที่สุด ข้ามั่นใจว่า ใช้เวลาอีกไม่เท่าไหร่ สมาพันธ์บูโดก็จะก้าวขึ้นเป็นกลุ่มอิทธิพลอันดับหนึ่งในโลกสามัญของจิ่วโจว”
ตู้ป๋อก็ได้พูดขึ้นมาในเวลานี้ว่า “ถึงจะให้สมาพันธ์บูโดขึ้นเป็นกลุ่มอิทธิพลอันดับหนึ่งในโลกสามัญของจิ่วโจว แล้วเป็นยังไง?ถึงยังไงแกก็เชื่อข้าเถอะ กลับมาช่วยข้า”
ตู้จ้งมองไปที่ตู้ป๋ออย่างชาเย็น พูดเสียงเย็นชาไปว่า “ต่อให้ข้าต้องตายอยู่ข้างนอก ก็ไม่มาช่วยเจ้า”
ตู้ป๋อมีท่าทีดูสลดลงไปในพลัน ไม่มีอะไรพูด
ตู้หมิงเหวี่ยนพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “อาสอง ไม่ว่าจะเป็นยังไง พวกเราก็คนในตระกูลเดียวกัน ท่านโปรดได้เห็นแก่ผม อย่าได้ไปติดใจอะไรกับคุณพ่อของผมอีกเลย กลับมาเถอะ สำนักบู๊ต้องการท่าน!”
ได้ยินคำพูดของตู้หมิงเหวี่ยน ตู้จ้งดูมีสีหน้าอ่อนโยนลงมาอย่างมาก เอ่ยปากพูดว่า “หมิงเหวี่ยนเอ๋ย ไม่ใช่อาสองจะไม่ให้หน้าเจ้านะ เพียงว่าพลังฝีมืออาสองนั้นอ่อนมาก ขนาดว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้ายังเข้าไม่ถึงเลย ถึงข้ากลับมา แล้วจะทำอะไรได้?ข้าก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้มาก”
เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ตู้ป๋อกับตู้จ้งมีความสัมพันธ์ที่เป็นพี่น้องกัน
เพียงแต่ว่า ระหว่างพี่น้องสองคนนี้มีเรื่องขัดแย้งกันอย่างรุนแรง จากน้ำเสียงคุยของตู้ป๋อกับตู้จ้งก็มองออกได้ ยังดีที่ว่าตู้จ้งไม่ได้เอาบุญคุณความแค้นในรุ่นตัวเอง ไปใส่ลงกับเด็กรุ่นหลัง กับตู้หมิงเหวี่ยนยังให้เกียรติกันอย่างดี
ตู้หมิงเหวี่ยนรีบพูดขึ้นว่า “อาสอง ดูตามที่ท่านพูด อย่าพูดถึงว่าพลังฝีมือบูโดของท่านยังก้าวไม่ถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้านะ ต่อให้เป็นคนระดับขยะบูโด แล้วจะเป็นรัย?ใครว่ามีแต่ผู้แข็งแกร่งบูโดสุดยอดเท่านั้น ถึงจะช่วยสำนักบู๊ได้?ด้วยปัญญาอันชาญฉลาดของท่าน ถ้าหากได้อยู่กับสำนักบู๊ ในส่วนของสำนักบู๊นั้น เป็นเรื่องน่ายินดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”
“อีกอย่าง ถ้าไม่ใช่เพราะท่านไม่ยอมเหยียบเข้าศาลบรรพชน ด้วยอัจฉริยะบูโดของท่าน น่ากลัวป่านนี้คงรู้แจ้งถึงพลังเทพบู๊ไปแล้ว”