The king of War - บทที่ 1904 สมัครใจเข้าร่วม
ตู้ป๋อพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เพียงแต่เจ้าสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกของสำนักบู๊ ในกลุ่มสมาชิกรุ่นเยาว์ เจ้าก็จะเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์บูโดดีที่สุด ก็ไม่ต้องเป็นรายชื่อในบัญชีที่ข้ากำหนดให้เข้าไปในศาลบรรพชน ก็จะได้เข้าไปตามรายชื่อในบัญชีของสำนักบู๊”
“ส่วนข้าก็ใช้สิทธิ์ได้กับรายชื่อที่มีในมือ เจาะจงชี้ให้ตู้จ้ง พวกเจ้าสองคนก็จะได้เข้าไปในศาลบรรพชนด้วยกันได้แล้ว”
ตู้หมิงเหวี่ยนก็รีบผงกหัว เอ่ยปากพูดว่า “พี่หยาง สมัครเข้าสำนักบู๊เถอะ!”
คราวนี้ หยางเฉินไม่รีบที่จะปฏิเสธ แต่มองไปที่ตู้จ้ง ตู้จ้งดูมีอาการสับสน มองไปที่หยางเฉินพูดว่า “ที่ข้าหวังให้ท่านสามารถเข้าไปในศาลบรรพชนสำนักบู๊ ด้วยแม้ว่าท่านจะมีพรสวรรค์บูโดที่โดดเด่น แต่หากได้รับถ่ายทอดจากเทพบู๊ การฝึกพลังฝีมือของท่านก็จะรุดหน้าได้เร็วมากยิ่งขึ้น”
“อีกอย่าง ท่านจริง ๆ แล้วอย่าได้มาคิดแทนตัวข้าเลย อายุข้ามากแล้ว เงื่อนไขทุกด้านในตัวยังไงก็สู้คนหนุ่มไม่ได้ ถึงแม้ข้าจะได้เข้าไปในศาลบรรพชน ก็เป็นการทิ้งโอกาสให้สูญเสียเปล่า และถึงแม้ท่านไม่ได้สมัครเข้าอยู่ในสำนักบู๊ ก็ยังมีสิทธิ์ของข้าในการเข้าไปในนามสำนักบู๊ได้”
ตู้ป๋อก็ได้พูดขึ้นมาในเวลานั้นว่า “ข้ายังพูดไม่จบ ที่ข้าอยากให้เจ้าเข้าไปในศาลบรรพชนพร้อมกับตู้จ้งนั้น ยังมีประเด็นสำคัญมากอีกประเด็นหนึ่ง ในข้อเท็จจริง ข้าก็มีส่วนเห็นแก่ตัวของข้า เพราะถ้าเจ้าได้ก้าวเข้าไปในศาลบรรพชนแล้ว ความหวังในการได้รับพลังเทพบู๊สูงมาก”
“เจ้าก็เห็นแล้ว ในสำนักบู๊ มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดมากมาย พวกนี้ ไม่มีผู้ถูกยกเว้น ทุกคนล้วนแต่เมื่อก้าวเข้าไปในศาลบรรพชนแล้ว มีบางคนได้รับถ่ายทอดจากเทพบู๊ และพวกเขาก็ได้ผ่านการชโลมกายจากพลังเทพ ถึงแม้ไม่ได้รับประโยชน์มากมายอย่างนักบูโดที่รับถ่ายทอด แต่ก็ยังคงได้ประโยชน์ ในการฝึกพลังฝีมือหลังจากนั้น ความเร็วรุดหน้ามากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว”
“หากว่าเจ้าได้รับการถ่ายทอดจากเทพบู๊ ถึงตู้จ้งเองไม่ได้รับ ก็ยังมีโอกาสได้รับการชโลมกายจากพลังเทพ ซึ่งจะทำให้การฝึกพลังฝีมือต่อไป จะได้รับพลังช่วยเพิ่มอย่างมาก”
“ที่ต้องพูดก็พูดหมดแล้ว เจ้าตอนนี้ก็ลองตรึกตรองดูอีกครั้ง คิดว่าจะยอมก้าวเข้าศาลบรรพชนพร้อมกับตู้จ้งไหม?”
ตู้จ้งเกิดบันดาลโทสะขึ้นมาในพลัน จ้องหน้าตู้ป๋อด้วยความโกรธพูดไปว่า “บัดซบ แกอย่าเอาลูกไม้แบบนี้มาใช้กับท่านหัวหน้าสมาพันธ์เลย ถึงแม้แกจะชี้กำหนดให้ข้าก้าวย่างเข้าศาลบรรพชน ข้าก็ไม่ขอรับ ส่วนรายชื่อตามสิทธิ์ของข้า ก็ยกให้หยางเฉินไป”
พูดจบ เขาก็มองไปที่หยางเฉินพูดว่า “ท่านไม่คิดจะสมัครเข้าสำนักบู๊ ก็ไม่ต้องไปสมัคร ชื่อตามสิทธิ์ของข้า ยกให้ท่านแล้ว ท่านก็อย่าได้ไปฟังที่เขาคุยโตให้มาก ถึงแม้ว่าข้าได้เข้าไปชโลมตัวด้วยพลังเทพ ก็ไม่ได้มีผลดีอะไรมากมาย”
“อายุข้าก็มากแล้ว การชโลมตัวจากพลังเทพ จะมีก็ได้ไม่มีก็ได้”
หยางเฉินไม่พูดอะไร ในใจขัดแย้งกันอย่างวุ่นวาย
เขาไม่ต้องการสมัครเข้าในสำนักบู๊ แต่อีกใจก็อยากช่วยตู้จ้ง ถ้าหากเขาเองไม่ยอมก้าวย่างเข้าศาลบรรพชน ตู้จ้งก็จะไม่ยอมเข้าแน่
สำหรับตู้จ้งแล้ว หากว่าได้รับการถ่ายทอดพลังเทพบู๊ หรือได้รับการชโลมตัวจากพลังเทพ ก็จะต้องได้ประโยชน์อย่างใหญ่หลวงแน่นอน
แล้วสรุปจะสมัครเข้าสำนักบู๊หรือไม่?
“พี่หยาง เจ้าอย่าได้ลังเลอีกเลย สมัครเข้าสำนักบู๊เถอะ!พวกเราขอรับรองว่า จะไม่ก้าวก่ายในอิสรเสรีส่วนตัวของท่านเป็นเด็ดขาด เพียงแต่เมื่อสำนักบู๊มีความจำเป็นจริง ๆ เจ้าค่อยเข้ามาก็พอ เวลาอื่นนอกจากนั้น ไม่มีอะไรใด ๆ ที่ต้องมาทำในสำนักบู๊”
ตู้หมิงเหวี่ยนรีบพูดหว่านล้อมขึ้นมา
ตู้ป๋อก็ผงกหัวพูดว่า “ที่หมิงเหวี่ยนพูดนั้นชัดเจน ถ้าหากยินยอมสมัครเข้าสำนักบู๊ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย แน่นอน หากว่ามีวันใด สำนักบู๊ต้องการเจ้า เจ้าแค่เข้ามาช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องเดือดร้อน ก็แค่นั้นเอง”
“และแน่นอนว่า หากถึงเวลานั้นเจ้าไม่อยากเข้ามาช่วยสำนักบู๊ พวกเราก็ไม่ไปฝืนใจเจ้า ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเจ้าเอง”
ก็พูดกันมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าหยางเฉินยังปฏิเสธอีก จะรู้สึกเกินไปไหมนี่?
ถ้าหากเพียงเพื่อรับถ่ายทอดจากเทพบู๊ เขาคงปฏิเสธไปแล้วอย่างไม่ลังเล แต่ถ้าเขาสมัครเข้าสำนักบู๊ ก็จะได้เข้าไปในศาลบรรพชนสำนักบู๊พร้อมกันกับตู้จ้ง ตู้จ้งก็จะได้รับประโยชน์อย่างมาก
หยางเฉินตัดสินใจลงไปในที่สุด “ตกลง ข้าสมัครเข้าสำนักบู๊!”
เห็นหยางเฉินตอบตกลง ตู้ป๋อกับตู้หมิงเหวี่ยนสองพ่อลูก ต่างตื่นเต้นกันออกนอกหน้า
ตู้หมิงเหวี่ยนพูดอย่างตื้นตันว่า “ยอดเยี่ยมเป็นที่สุดเลย!พี่หยางก็ตกลงสมัครเข้าสำนักบู๊แล้วในที่สุด ท่านวางใจได้ เข้ามาอยู่กับสำนักบู๊ จะไม่มีการต้องเสียใจแน่นอน!”
ตู้ป๋อก็พูดด้วยเสียงหัวเราะว่า “หยางเฉิน ยินดีต้อนรับสู่สำนักบู๊!”
ตู้จ้งตกตะลึงออกนอกหน้า แต่ในทีท่าตกตะลึงนั้น ยังมีแฝงด้วยความดีใจ
ถึงแม้เขาออกจากสำนักบู๊ไปหลายปีแล้ว แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นคนในสำนักบู๊มาแต่เดิม ใช้ชีวิตเติบโตมาที่นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะบุญคุณความแค้นย้อนแย้งกันในบางเรื่อง เขามีหรือจะออกจากสำนักบู๊ไป?
หยางเฉินเข้ามาสำนักบู๊ได้ สำหรับสำนักบู๊แล้ว เป็นผลประโยชน์ขนาดใหญ่คับฟ้าเลยที่ได้รับ
ยังอีกอย่างที่สำคัญที่สุด หยางเฉินสามารถก้าวย่างเข้าไปในศาลบรรพชนได้แล้ว เขามั่นใจว่า ด้วยพรสวรรค์บูโดของหยางเฉิน จะต้องรู้แจ้งที่เทพบู๊ถ่ายทอดให้เป็นแน่แท้
เขารู้สึกถึงเรื่องที่รอคอยขึ้นมาในฉับพลัน ผลสำเร็จของหยางเฉินที่กำลังจะได้ จะสูงมากไปถึงขนาดไหน?
หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยง ตู้หมิงเหวี่ยนก็ได้จัดการเรื่องที่พักให้หยางเฉินกับตู้จ้ง อีกสามวันข้างหน้า ก็จะเป็นวันกำหนดการเปิดศาลบรรพชนของทุก ๆ ห้าปี หยางเฉินจึงได้พักอยู่ที่นี่ก่อน รอให้ออกจากที่นี่ไปแล้ว ค่อยว่ากันในเรื่องอื่น
“คุณหยาง ข้ารู้นะ ความจริงท่านไม่ได้อยากสมัครเข้าสำนักบู๊ เพียงแต่ท่านคิดจะช่วยข้า จึงได้สมัครเข้าสำนักบู๊ ข้ารู้สึกเสียใจต่อท่านเป็นอย่างมากเลย!”
หลังจากตู้หมิงเหวี่ยนได้แยกตัวออกไปแล้ว ตู้จ้งมองมาที่หยางเฉิน พูดด้วยสีหน้าแสดงความจริงใจ
หยางเฉินส่ายหน้าเล็กน้อย “ผู้เฒ่าตู้พูดหนักหนาไปแล้ว ท่านทำเพื่อผม ถึงขนาดกลับมาในสถานที่ที่ท่านไม่ยอมเหยียบเข้ามานับสิบปีเพื่อขอยา ผมเพียงแค่สมัครเข้าสำนักบู๊เท่านั้น แถมยังมีโอกาสรับการถ่ายทอดจากเทพบู๊อีก สำหรับผมแล้ว การสมัครเข้าสำนักบู๊ มีแต่ได้ทั้งร้อยไม่มีเสีย แล้วท่านมีอะไรต้องมาเสียใจต่อผมอีก?”
ตู้จ้งไม่ใช่คนประเภทอ่อนไหวง่าย ประทับใจอยู่ในใจ แต่พูดไปด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าถึงจะมีความบาดหมางกันในใจเป็นส่วนตัวกับตู้ป๋อ แต่พูดอย่างเป็นกลางได้เลยว่า ในเมื่อเขารับปากกับท่าน จะไม่จำกัดสิทธิเสรีภาพของท่าน งั้นก็จะไม่มีการจำกัดความอิสระของท่านแน่นอน”
“เวลานี้ ขั้นแดนบูโดของท่านยิ่งวันยิ่งสูงขึ้น พลังฝีมือก็ยิ่งวันยิ่งแข็งแกร่ง โดยเฉพาะเมื่อท่านก้าวเข้าไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดแล้ว การรุกขึ้นหน้าจะเริ่มช้าลงไปมาก”
“ในสำนักบู๊ มีตำราด้านบูโดมากมาย และก็มีนักบูโดแดนนภาที่จากไปจากสำนักบู๊ พวกเขาต่างก็มีทิ้งบทความสรุปการรู้แจ้งของพวกเขาไว้ จะเป็นประโยชน์กับการที่ท่านจะทะลวงเข้าถึงแดนนภาได้อย่างมาก”
“ยังมีที่สำคัญมากที่สุดจุดหนึ่ง ในสำนักบู๊มีผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดมากมาย สามารถคอยดูแลปกป้องคนในครอบครัวของท่านกับเพื่อนฝูงของท่านได้ดีขึ้น”
หยางเฉินกลับไม่เคยคิด สำนักบู๊ยังมีบันทึกการรู้แจ้งของนักบูโดที่ทะลวงผ่านไปถึงแดนนภาทิ้งไว้อยู่ด้วย เรื่องนี้สำหรับหยางเฉินแล้ว เป็นสิ่งที่ต้องการอยู่เป็นอย่างมากที่สุด
หยางเฉินผงกหัวพร้อมหัวเราะ “ท่านพูดถูกต้อง การสมัครเข้ามาสำนักบู๊ สำหรับผมแล้ว มีประโยชน์มากจริง ๆ ”
ตู้จ้งก็ได้ถอนหายใจยาว แล้วพูดว่า “แต่ทว่า สมาพันธ์ขาดท่านไป กองกำลังจะพร่องไปอย่างใหญ่หลวง”
หยางเฉินจึงถามขึ้นมาในทันทีว่า “ท่านคิดดู ให้สมาพันธ์บูโดผนวกเข้ามาอยู่ในสำนักบู๊ ให้เป็นกลุ่มอิทธิพลสาขาอยู่ในจิ่วโจว เป็นยังไง?”
ตู้จ้งชะงักอึ้งไปสักพัก สงบใจตรึกตรองแล้ว ผงกหัวแล้วพูดว่า “นี่ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวนะ ด้วยกองกำลังของสำนักบู๊ ก็ไม่รู้มีสมาพันธ์บูโดไว้ทำอะไร ตรงกันข้าม ถ้าหากสมาพันธ์บูโดมีสำนักบู๊คุ้มหัวให้ ในจิ่วโจว กลุ่มอิทธิพลที่จะมาข่มสมาพันธ์บูโด ก็คงน้อยจนแทบจะไม่มีเอาเลย”