The king of War - บทที่ 1915 ปกป้องเขา
ลี่เฉินขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ในถ้ำแห่งนี้ ฉันได้ทำการผนึกไว้แล้ว ต่อให้ฆ่าแก จะไม่มีพลังหลุดรอดออกไปแม้แต่น้อยแล้วจะมีใครรู้อีก แดนวิถีบู๊ของลี่เฉินคนนี้ ได้บรรลุถึงแดนนภาแล้ว?”
เนี่ยชิวถึงรู้ตัวว่า ถ้ำแห่งนี้ได้ถูกพลังอันน่าสะพรึงกลัวปกคลุมเอาไว้ สีหน้าของเขาซีดเซียวขึ้นมาทันที
ผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหนึ่งที่เข้าใจในพลังแห่งการผนึกอย่างเขา ย่อมรู้ดีว่า การผนึกที่สร้างจากผู้แข็งแกร่งนภาคนหนึ่งนั้นน่ากลัวแค่ไหน
ลี่เฉินได้ใช้พลังในการผนึกผนึกถ้ำนี้เอาไว้แล้ว เท่ากับในถ้ำแห่งนี้ กลายเป็นเขตแดนของลี่เฉินอย่างสมบูรณ์แล้ว ลี่เฉินอยากทำอะไรก็ได้
ลี่เฉินจ้องมองเนี่ยชิวแล้วพูดด้วยสีหน้าที่ภูมิใจว่า “ตอนนี้ แกยังมีอะไรสงสัยอีกมั้ย? ก่อนที่จะฆ่าแก ฉันจะตอบคำถามแกก็ได้”
เนี่ยชิวสีหน้าสิ้นหวัง เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งแดนนภา เขาไม่มีความกล้าที่จะต่อต้านด้วยซ้ำ
ความจริงแล้ว ในโลกบู๊ ไม่มีคำว่ากึ่งแดนแต่ในโลกภายนอก มีผู้แข็งแกร่งมากมาย เพื่อแสดงถึงความแข็งแกร่งในแดนใดแดนหนึ่ง จึงได้กำหนดแดนกึ่งแดนขึ้นมา
เขายังคงเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ กลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด และแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าก็คือขั้นเก้า แดนนภาก็คือแดนนภา ความแตกต่างของทั้งสองแดน มันมากเกินไป
ถ้าลี่เฉินจะฆ่าเขา ง่ายซะยิ่งกว่าง่าย
แค่จะทำลายผนึกของลี่เฉิน เขายังทำไม่ได้เลย
นอกจาก ลี่เฉินจะคลายผนึกเอง หรือไม่ก็ถูกฆ่า ไม่อย่างนั้นลำพังแค่เขาไม่สามารถทำลายนึกนี้ได้เลย
เห็นได้ชัดว่า มันจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ในเมื่อเขาไม่สามารถทำให้ลี่เฉินคลายผนึก และไม่สามารถฆ่าลี่เฉินได้ เมื่อเป็นแบบนั้น ก็มีแต่รอให้ถูกฆ่าเท่านั้น
หลังจากที่เนี่ยชิวเข้าใจทุกอย่าง ก็ได้ใจเย็นลง มองลี่เฉินด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแล้วถามไปว่า “ผมอยากรู้ว่าคุณที่เป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนนภา ทำไมถึงต้องช่วยเหลือมดปลวกที่อยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นสุดยอดด้วย?”
ลี่เฉินหันมองไปทางหม่าชาว สีหน้าดูค่อนข้างซับซ้อน
หลังจากที่เงียบไปพักหนึ่ง เขาก็ได้พูดออกมาว่า “เขามีลูกแก้วดูดเลือดอยู่ในตัว ภายใต้การกัดกินของลูกแก้วดูดเลือด ร่างเนื้อก็เข้าใกล้ร่างปีศาจเข้าไปทุกที ถ้าเขาสามารถดูดซับลูกแก้วดูดเลือดแล้วฝึกฝนทักษะของวิถีมาร อนาคตของเขายังไปได้อีกไกล การจะก้าวข้ามฉัน ก็อยู่ที่เวลาเท่านั้น แน่นอนว่า มันเป็นแค่เหตุผลแรก นอกจากนั้น……”
พูดถึงตรงนี้ จู่ๆลี่เฉินก็หยุดพูด
เนี่ยชิวรีบถาม “ยังมีเหตุผลอะไรอีก?”
ลี่เฉินมองไปที่เนี่ยชิว แล้วถามกลับว่า “แกเคยเห็นคนที่อายุแค่ยี่สิบแปดปีแล้วมีพรสวรรค์เก่งกาจ แดนวิถีบู๊กลับบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง และฝีมือในการต่อสู้ที่แท้จริง กลับเทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดรึเปล่า?”
เนี่ยชิวชะงักไปแปบหนึ่ง ไม่เข้าใจคำถามของลี่เฉิน
ทันใดนั้นเขาก็ได้ขำออกมา “จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าคนไหน มีใครบ้างที่อายุต่ำกว่าสามสิบ? อย่างหม่าชาว ที่อายุยี่สิบเจ็ดก็บรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นสุดยอดนั้น ก็ถือเป็นพวกเก่งกาจในเก่งกาจแล้ว”
“ส่วนคนที่อายุยี่สิบแปด ก็บรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง และมีฝีมือเทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดนั้นเป็นไปไม่ได้”
“แม้แต่ในกองกำลังโบราณระดับสูง ก็ไม่มีทางมีผู้มีพรสวรรค์ที่เก่งกาจแบบนี้อยู่แน่นอน”
ลี่เฉินพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยว่า “เมื่อก่อน ฉันเองก็รู้สึกแบบนั้น จนกระทั่ง ฉันได้พบกับเขา เขาสร้างปาฏิหาริย์ครั้งแล้วครั้งเล่า”
“แกไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขานั้นโดดเด่นแค่ไหน แกไม่มีทางคาดคิดว่าเมื่อหกปีก่อน เขายังเป็นแค่คนธรรมดาที่ยังไม่เคยสัมผัสกับการฝึกตน หรือก็คือ เขาใช้เวลาสั้นๆ เพียงหกปี จากคนธรรมดาคนหนึ่งกลายเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง มีฝีมือที่เทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอด”
เนี่ยชิวเบิกตาโตทันที “มันจะเป็นไปได้ยังไง?”
เขาคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็รู้ว่า ลี่เฉินไม่ได้โกหกเขา
ลี่เฉินพูดว่า “แถมคนคนนี้ ยังเป็นพี่น้องของหม่าชาว ชื่อว่าหยางเฉิน ผู้มีพรสวรรค์ที่เก่งกาจแบบนี้ จะเดินไปถึงจุดไหน ฉันละอยากรู้จริงๆ!”
“แต่สิ่งที่มั่นใจคือ ต่อไป แดนวิถีบู๊ของเขา ต้องอยู่เหนือฉันแน่นอน และความสัมพันธ์ของเขากับหม่าชาวก็ดีมาก ตอนนี้ ให้เขามาเป็นบุตรแห่งมารของสำนักมารนั้นเหมาะสมอย่างมาก”
“ประเด็นคือ ลำพังแค่ความสัมพันธ์ของเขากับหม่าชาว สำนักมารในอนาคต ต้องยิ่งใหญ่แน่นอน”
พอได้ฟังที่ลี่เฉินพูด เนี่ยชิวก็ได้เข้าใจว่าทำไมลี่เฉินถึงต้องตามฆ่าเขาเพราะชายหนุ่มที่อยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นสุดยอดแล้ว
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!”
เนี่ยชิวพยักหน้า แล้วพูดเยาะเย้ยตัวเองว่า “ก่อนหน้านี้ หม่าชาวก็เคยบอกผมแล้วว่า เขามีพี่น้องที่แข็งแกร่งมากๆ คนหนึ่ง ผมยังไม่ยอมเชื่อนึกไม่ถึงว่า พี่น้องของเขาคนนี้ จะโดดเด่นถึงขนาดนี้”
“ดวงของผมมันไม่ดีเอาซะเลย คิดจะฆ่าคนชิงทรัพย์ครั้งแรก นึกไม่ถึงว่า แค่ครั้งแรก ก็ดันมาเจอกับคนที่เก่งกาจแบบนี้แล้ว”
“ลงมือเลย! การได้ตายด้วยน้ำมือของผู้นำแห่งสำนักมารผู้เลื่องลือ แถมยังเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภา ผมก็ตายตาหลับแล้ว!”
ลี่เฉินไม่ได้รีบร้อนที่จะลงมือ แต่กลับพูดกับเนี่ยชิวว่า “แกเองก็รู้ ว่าฉันบรรลุถึงแดนนภาแล้ว การไปจากโลกภายนอก ก็อยู่ที่เวลาเท่านั้น”
“ในสำนักมารมีคนมากมายเล็งตำแหน่งบุตรแห่งมารไว้ เมื่อฉันจากไป ถ้ายังหาผู้สืบทอดที่เหมาะสมของสำนักมารไม่ได้ ต้องเกิดความวุ่นวายภายในสำนักมารขึ้นอย่างแน่นอน”
“และฉันก็ตัดสินใจแล้วว่า จะแต่งตั้งหม่าชาวเป็นบุตรแห่งมาร แต่ด้วยฝีมือขอเขาตอนนี้ ยังมีคุณสมบัติที่ด้อยเกินมาก อาจจะถูกฆ่าได้ทุกเมื่อ ดังนั้น ตอนนั้นฉันจำเป็นต้องหาผู้พิทักษ์ที่เหมาะสมสักคน”
“ถ้าแกยินดี ฉันสามารถไว้ชีวิตแกได้”
พอพูดอย่างนั้น เนี่ยชิวก็ถึงกับอึ้งทันที ชะงักไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเนี่ยชิวก็ตื่นเต้นขึ้นมา และรีบพูดไปว่า “ประมุขลี่ ผมยินดีกลายเป็นผู้พิทักษ์ให้หม่าชาว! คุณช่วยไว้ชีวิตผมสักครั้งด้วย!”
“ตุบ!”
พูดจบ เนี่ยชิวก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งให้ลี่เฉินอย่างแรง ก้มหน้าที่ภาคภูมิใจนั่นลง
เดิมทีเขาเตรียมใจที่จะถูกฆ่าแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่า ลี่เฉินจะยอมปล่อยเขาไป แถมยังให้เขาเป็นผู้พิทักษ์ของหม่าชาวด้วย
การที่เขาคิดจะลงมือกับหม่าชาว ก็เพื่อฆ่าชิงทรัพย์เท่านั้น แต่นึกไม่ถึงว่า หลังจากที่จับตัวหม่าชาวมา จะทำให้เกิดปัญหาตามมามากขนาดนี้
รู้อย่างนี้ เขาก็ไม่มีทางคิดไม่ซื่อเด็ดขาด
ตอนนี้ เขารู้แล้วว่าพี่น้องของหม่าชาวคนนั้นมีพรสวรรค์ที่เก่งกาจแค่ไหน และรู้ว่าลี่เฉินได้บรรลุถึงแดนนภาแล้ว เขาจึงไม่มีความคิดอะไรอีก
บนเส้นทางของวิถีบู๊ นอกจากฝึกฝนทรัพยากรแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมาก นั่นก็คือเส้นสาย