The king of War - บทที่ 1916 ความผูกพันของสำนักบู๊
ในเวลาเดียวกัน สำนักบู๊
หลังเกิดเรื่องกับหม่าชาว ก็ผ่านไปสองชั่วโมงเต็มแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมา คนของสำนักบู๊กับกามิ กาโสะต่างตามหาหม่าชาวสุดกำลัง แต่กลับไม่เจอวี่แววอะไรเลย
ไม่ใช่แค่สำนักบู๊กับกามิ กาโสะ ยังมีผู้แข็งแกร่งอีกมากมายของภูเขาวมาร ต่างออกตามหาหม่าชาวด้วย เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนที่มากมายของทั้งสองกองกำลัง
สำนักบู๊ ในคฤหาสน์ที่หรูหราหลังหนึ่ง หยางเฉินยืนอยู่ข้างหน้าต่าง สองตาจ้องมองไปด้านนอก สีหน้าเคร่งขรึม
จนถึงตอนนี้ เขายังไม่รู้ข้อมูลอะไรของหม่าชาวเลย รู้แค่ว่าหม่าชาวอยู่กับผู้แข็งแกร่งที่ชื่อเนี่ยชิว เป็นหรือตาย ยังไม่รู้
ในตอนที่เขากำลังร้อนใจอยู่นั้นเอง ตู้จ้งก็เข้ามาอย่างเร่งรีบ
“มีเบาะแสแล้วเหรอครับ?”
หยางเฉินรีบเดินมาข้างหน้า มองหน้าตู้จ้งแล้วถามออกมา
พอเห็นท่าทางที่ร้อนรนของหยางเฉิน ตู้จ้งก็รู้สึกผิดมาก แล้วส่ายหน้า “ยังไม่ได้เบาะแสของคุณหม่าเลยครับ แต่คุณไม่ต้องห่วง สำนักบู๊ได้ส่งผู้แข็งแกร่งทั้งหมดออกไปตามหาคุณหม่าแล้ว ยังมีทางกามิ กาโสะก็กำลังตามหาอย่างเต็มที่อีกไม่นานต้องตามหาคุณหม่าเจอแน่ครับ”
ยังไม่มีเบาะแสของหม่าชาว มันทำให้หยางเฉินรู้สึกโมโหอย่างบอกไม่ถูก อยากที่จะระเบิดออกมา
เขาอดกลั้นความโกรธที่แทบระเบิดออกมาเอาไว้ แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ตำแหน่งสุดท้ายที่หม่าชาวหายตัวไปอยู่ที่ไหน? น่าจะหาข้อมูลได้ใช่มั้ย?”
ตู้จ้งรีบพยักหน้า “ทางกามิ กาโสะได้บอกมาแล้วว่าก่อนที่คุณหม่าจะหายตัวไป อยู่ที่ผาลุกไหม้ทางตะวันออกของภูเขาวมารครับ เพียงแต่ คนของสำนักบู๊กับกามิ กาโสะได้ค้นหาไปทั่วผาลุกไหม้แล้ว แต่ก็ไม่ได้เบาะแสอะไรของคุณหม่าเลย”
หยางเฉินหายใจเข้าลึกๆ พยายามควบคุมความโกรธของตัวเองอย่างเต็มที่ ผ่านไปพักหนึ่งถึงกดความโกรธในใจลงไปได้
เขาหันมองตู้จ้งแล้วพูดไปว่า “ช่วยเตรียมรถออฟโรดแรงๆ ให้ผมคันหนึ่ง ผมจะไปผาลุกไหม้”
ตู้จ้งตกใจทันที แล้วรีบเกลี้ยกล่อมไปว่า “คุณหยาง สำนักบู๊กับกามิ กาโสะกำลังค้นหาคุณหม่าอย่างเต็มที่แล้ว ภูเขาวมารใหญ่มาก ถึงคุณจะไปที่ผาลุกไหม้ ก็ไม่มีประโยชน์ สู้รออยู่ที่นี่ดีกว่า ถ้าได้ข้อมูลอะไร พวกเราจะมาบอกคุณทันทีเลย”
หยางเฉินตะคอกไปว่า “ผมไม่รอแล้ว เตรียมรถ!”
พอเห็นหยางเฉินโมโห ตู้จ้งก็ไม่กล้าเกลี้ยกล่อมอีก จึงรีบออกไป
ไม่ถึงห้านาที ยูนิม็อกสีคำคันใหม่คันหนึ่งได้มาจอดอยู่ตรงหน้าคฤหาสน์ที่หยางเฉินอยู่ ข้างรถยังมีคนขับรถที่เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดคนหนึ่ง ยืนอย่างนอบน้อมอยู่ตรงนั้น
“คุณหยาง นี่คือหนึ่งในสมาคมผู้อาวุโสของสำนักบู๊ ชื่อเฉินอู่ มีเขาไปกับคุณ น่าจะพอช่วยจัดการปัญหาที่ไม่จำเป็นได้บ้าง”
ผู้นำแห่งสำนักบู๊ ตู้ป๋อมาส่งถึงรถด้วยตนเอง มองหยางเฉินแล้วพูดออกมา
หยางเฉินพยักหน้า กล่าวขอบคุณแล้วขึ้นไปบนที่นั่งข้างคนขับ
เฉินอู่ขับรถ ขับรถพาหยางเฉินมุ่งหน้าไปยังผาลุกไหม้ที่อยู่ทางตะวันออกของภูเขาวมาร
พอเห็นทิศทางที่รถวิ่งไป แววตาของตู้ป๋อมีแต่ความประทับใจ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพจริงๆ การที่เขาเข้าร่วมกับสำนักบู๊ สำหรับสำนักบู๊ของเราแล้ว ถือเป็นผลประกอบการที่ดีที่สุดในรอบรอยปีแน่นอน”
พอได้ฟังที่ ตู้ป๋อพูด ตู้จ้งก็รู้สึกตกใจ นึกไม่ถึงว่าตู้ป๋อประเมินหยางเฉินไว้สูงขนาดนี้
ต้องรู้ก่อนว่า สำนักบู๊ก่อตั้งมาไม่ใช่แค่ร้อยปี ร้อยปีมานี้ ผู้แข็งแกร่งจากสำนักบู๊ที่บรรลุถึงแดนนภาก็มีไม่น้อย
ตู้ป๋อไม่เคยพูดมาก่อนว่าผู้แข็งแกร่งที่บรรลุถึงแดนนภาเหล่านั้นโดดเด่นแค่ไหน ตอนนี้กลับเอาคำยกย่องที่สูงส่งแบบนั้น ยกให้หยางเฉิน
แต่ว่าไม่นาน ตู้จ้งก็เข้าใจ ก่อนหน้านี้ผู้แข็งแกร่งของสำนักบู๊ที่บรรลุถึงแดนนภา มีคนไหนบ้างที่ไม่ใช่ตาแก่อายุเจ็ดแปดสิบที่ฝึกมานานบ้าง?
แต่หยางเฉินอายุเพิ่งยี่สิบแปด ฝีมือก็เทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดแล้ว การจะบรรลุถึงแดนนภา ก็อยู่ที่เวลาเท่านั้น
และเขาก็มั่นใจว่า วันมะรืนหลังจากที่หยางเฉินได้เข้าสู่หอบรรพบุรุษแล้ว ต้องได้รับการสืบทอดจากเทพนักบู๊แน่นอน
หลังจากที่หยางเฉินได้รับการสืบทอดจากเทพนักบู๊แล้ว ฝีมือของเขาต้องมีการเปลี่ยนแปลงอีกแน่
ถึงตอนนั้น หยางเฉินกจะเข้าใกล้แดนนภาไปอีกขั้น
พอนึกถึงหยางเฉินที่มีโอกาสบรรลุถึงแดนนภาก่อนอายุสามสิบ ตู้จ้งก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ตู้จ้งทนไม่ไหวจนต้องถามไปว่า “พี่ว่า คุณหยางจะสามารถบรรลุถึงแดนนภาก่อนอายุสามสิบได้มั้ย?”
ตู้ป๋อยิ้มๆ จากนั้นก็พยักหน้า “ได้อยู่แล้ว!”
เพียงสามคำ แต่กลับบ่งบอกถึงความมั่นใจที่เขามีต่อการบรรลุถึงแดนนภาของหยางเฉิน
แม้แต่ตู้จ้งยังรู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นไม่ได้เลย
ตู้ป๋อหันมองไปที่ตู้หมิงหยวน แล้วสั่งไปว่า “ถ่ายทอดคำสั่งของผู้นำคนนี้ออกไป ให้หน่วยลับหน่วยนั้นของสำนักบู๊ใช้อำนาจและพลังทั้งหมดที่มีตามหาหม่าชาวให้เจอ!”
พอได้ยินที่ ตู้ป๋อพูด ตู้หมิงหยวนก็ถึงกับตะลึง แล้วพูดด้วยความตกใจว่า “พ่อครับ หน่วยลับเป็นถึงพลังที่เราเก็บซ่อนไว้ลึกที่สุดเลยนะครับ เพื่อตามหาคนคนหนึ่งจำเป็นต้องสั่งให้ออกมาเลยเหรอครับ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ตู้จ้งได้ยินเรื่องของหน่วยลับ ฟังจากที่ตู้หมิงหยวนพูดแล้ว เขาเองก็แอบตกใจอยู่เหมือนกัน
เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่า เพื่อตามหาหม่าชาว ตู้ป๋อจะยอมใช้งานหน่วยลับที่เก็บเป็นความลับนี่
ในภูเขาวมาร ไม่ว่ากองกำลังระดับสูงไหนๆ ก็ต้องมีพลังที่เก็บเป็นความลับ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าพลังลับเหล่านี้แข็งแกร่งแค่ไหน ทำให้ทั้งห้ากองกำลังไม่ปะทะกันง่ายๆ
ตอนนี้ ตู้ป๋อคิดจะเปิดเผยพลังลับนี่ แค่คิดก็รู้แล้วว่าลงทุนแค่ไหน
แต่ตู้ป๋อกลับทำหน้าไม่ใส่ใจ พูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “ให้แกไปถ่ายทอดคำสั่งของผู้นำตระกูล แกแค่ไม่ทำก็พอยังจะมาพูดมากอีก?”
“ครับ พ่อ!”
ตู้หมิงหยวนไม่กล้าถามต่อ รีบหันหลังแล้วเดินจากไป
พอตู้หมิงหยวนไปแล้ว ตู้ป๋อถึงอธิบายกับตู้จ้งว่า “หน่วยลับของสำนักบู๊นั้นแข็งแกร่งมาก ถ้าให้กองกำลังอื่นรู้ถึงความแข็งแกร่งของหน่วยลับนี้ มันจะทำให้สำนักบู๊เสียหายอย่างหนักจริงๆ”
“แต่ว่า เพื่อดึงผู้มีพรสวรรค์ที่เก่งกาจอย่างหยางเฉินมาเป็นพวก ฉันจำเป็นต้องทำแบบนี้!”
“ฉันสามารถรับรู้ได้ถึงหยางเฉินจะรับปากว่าเข้าร่วมสำนักบู๊แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกกับสำนักบู๊อะไรมากมาย ตอนนี้มีเพียงช่วยเขาตามหาน้องชายของเขาให้เจอ ถึงสามารทำให้เขารู้สึกผูกพันกับสำนักบู๊ขึ้นมาบ้าง”
ตู้จ้งนิ่งเงียบ ไม่พูดไม่จา
ตู้ป๋อยังเป็นตู้ป๋อคนเดิม เพื่อสำนักบู๊ ยอมเสียได้ทุกอย่าง
ถ้าสามารถใช้ชีวิตของเขาทำให้สำนักบู๊ยิ่งใหญ่ขึ้น ตู้ป๋อก็ไม่มีทางลังเลแน่นอน
คนคนนี้ เป็นคนบ้า เพื่อผลประโยชน์ของสำนักบู๊แล้ว ก็พร้อมเป็นคนบ้าที่ทำเรื่องบ้าคลั่งทุกอย่าง
“ขอเตือนพี่ด้วยความหวังดีนะ คุณหยางเป็นคนที่ให้ความสำคัญต่อมิตรภาพมาก เขาเกลียดการโกหก ถ้าพี่อยากให้เขาเข้าร่วมสำนักบู๊จากใจจริง ให้ความสำคัญกับสำนักบู๊จากใจจริง พี่ก็ต้องจริงใจกับเขา ไม่ใช่การใช้แผน”
ตู้จ้งพูดจบ ก็เดินจากไปทันที
ตู้ป๋อจ้องมองแผ่นหลังของตู้จ้งที่ค่อยๆ จากไป แล้วพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “แกไม่ต้องห่วง เขาต้องรู้สึกผูกพันกับสำนักบู๊แน่นอน!”