The king of War - บทที่ 1918 ความลับของโลกโบราณ
ในขณะที่หยางเฉินกำลังเป็นห่วงหม่าชาวอยู่นั้น ทางตะวันออกของภูเขาวมาร สำนักมาร
ในชั้นสองของตึกเล็กๆ สไตล์โบราณแห่งหนึ่ง หม่าชาวกำลังนอนอย่างสงบอยู่บนเตียงหิน เตียงหินค่อนข้างเย็น ทำให้อุณหภูมิในห้องลดต่ำไปหลายองศาผู้นำแห่ง สำนักมารลี่เฉิน ยืนอยู่ข้างๆ โบกมือไปมาอยู่กลางอากาศอย่าง พลังผนึกอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งลงไปที่ตำแหน่งหัวใจของหม่าชาวอย่างต่อเนื่อง
เนี่ยชิวยืนอยู่ข้างๆ จ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น
แดนวิถีบู๊ของเขา ได้ก้าวถึงระดับสูงสุดรองจากแดนนภา เดิมทีก็ถนัดใช้การผนึกอยู่แล้ว แต่หลังจากที่เห็นวิธีการใช้ของลี่เฉินเขาเพิ่งได้รู้ว่า วิธีการใช้พลังผนึกของเขานั้นด้อยขนาดไหน
ทุกครั้งที่ลี่เฉินประสานอิน ต่างก็ทำเสร็จในชั่วพริบตา ส่วนทุกครั้งที่เนี่ยชิวประสานอิน อย่างน้อยก็ต้องสามวิ
แต่ในเวลาสามวิลี่เฉินสามารถประสานอินได้อย่างน้อยยี่สิบครั้ง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ลี่เฉินถึงหยุดใช้วิชาผนึกกับหม่าชาว และบนหน้าผากของเขา มีเหงื่อเม็ดเล็กๆ มากมายไหลออกมาแล้ว สีหน้าก็ดูซีดเซียวอย่างผิดธรรมชาติ
“คุณไม่เป็นอะไรนะครับ?”
เนี่ยชิวรีบก้าวมาข้างหน้า พร้อมกับสีหน้าที่เป็นกังวล
ลี่เฉินส่ายหน้าเบาๆ หันมองหม่าชาวที่นอนอยู่บนเตียงหิน แล้วพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า “ลูกแก้วดูดเลือดในตัวเขาแข็งแกร่งเกินไป ถ้าไม่ใช่เพราะผมบรรลุถึงแดนนภาแล้ว คงไม่มีทางสะกดได้แน่”
“ต่อให้เป็นผม ก็ทำได้แค่สะกดพลังของลูกแก้วดูดเลือดไว้ชั่วคราว แต่ถ้าคิดจะให้เขากำจัดปัญหาของลูกแก้วดูดเลือดออกอย่างถาวรนั้น ก็มีแต่ให้เขาฝึกวิชามารเท่านั้น”
“รอเขาตื่นขึ้นมาก่อน ผมตั้งใจจะถ่ายทอดตำราหัวใจมารให้กับเขา”
พอได้ฟังที่ลี่เฉินพูด เนี่ยชิวก็ทำหน้าตกใจ
ตำราหัวใจมารเป็นวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักมารและในสำนักมารมีเพียงคนเดียวที่มีสิทธิ์ฝึกวิชานี้ นั่นก็คือผู้นำแห่งสำนักมารนั่นเอง
ถึงลี่เฉินจะบรรลุถึงแดนนภาแล้ว แต่พันธมิตรพิทักษ์ยังไม่รู้ ขอแค่ไม่ให้ถูกรู้เข้า เขาก็ยังสามารถอยู่ที่สำนักมารต่อได้
แต่ว่าตอนนี้ ลี่เฉินกลับบอกว่าจะถ่ายทอดตำราหัวใจมารให้กับหม่าชาว มันไม่เท่ากับว่า ลี่เฉินตั้งใจจะให้หม่าชาวขึ้นเป็นผู้นำของสำนักมารแล้วเหรอ?
หม่าชาวเป็นแค่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าชั้นสุดยอด ถ้าต้องขึ้นเป็นผู้นำของสำนักมารจริง จะควบคุมสำนักมารที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นได้ยังไง?
ลี่เฉินๆ ไม่ได้สนใจอาการตกใจของเนี่ยชิว และพูดต่อว่า “ไม่ว่ากับใครก็ตาม ถ้าเอาลูกแก้วดูดเลือดใส่เข้าไปในร่างกายต่างก็ถือเป็นภัยทั้งนั้น ถึงลูกแก้วดูดเลือดจะทำให้พลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลชั่วขณะ แต่ในระยะยาว ลูกแก้วดูดเลือดจะค่อยๆ กลืนกินสติของอีกฝ่าย สุดท้าย คนคนนี้ก็จะกลายเป็นคนบ้าอย่างสมบูรณ์”
“แต่ตำราหัวใจมารนั้นสามารถควบคุมพลังของลูกแก้วดูดเลือดได้พอดี ขอแค่หม่าชาวได้ฝึกตำราหัวใจมาร ก็สามารถยืมพลังของลูกแก้วดูดเลือดมาใช้ในการต่อสู้ได้”
“ต่อไป ถึงเขาจะยังบรรลุไม่ถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอด รอเขาบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกได้เมื่อไหร่ ก็สามารถยืมพลังของลูกแก้วดูดเลือดจนปลดปล่อยพลังของแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดออกมาได้”
“ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสามารถใช้ตำราหัวใจมารมาดูดซับลูกแก้วดูดเลือดได้ หลังจากที่เขาดูซับลูกแก้วดูดเลือดจนสำเร็จแล้ว ลูกแก้วดูดเลือดก็จะกลายเป็นเทพศาสตราของเขา ที่สามารถเรียกใช้เมื่อไหร่ก็ได้”
“ถ้าเขาบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้า ต่อให้เป็นแค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น ก็ยังสามารถยืมพลังของลูกแก้วดูดเลือดกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานรองจากแดนนภาได้”
เนี่ยชิวรู้สึกตกใจมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องของลูกแก้วดูดเลือด นึกไม่ถึงว่าคนที่ได้ฝึกตำราหัวใจมาร จะสามารถยืมพลังของลูกแก้วดูดเลือดระเบิดพลังที่แข็งแกร่งแบบนี้ออกมาได้
เนี่ยชิวถามว่า “ท่านผู้นำ คุณตั้งใจจะไปจากสำนักมารแล้วเหรอครับ?”
ลี่เฉินพยักหน้า พร้อมกับสีหน้าที่อาลัยอาวอน เห็นได้ชัดว่าเป็นความอาลัยที่มีต่อโลกภายนอก
เขาพูดขึ้นว่า “ผมบรรลุถึงแดนนภาแล้ว ก็ถือว่าทำเพื่อคนบนโลก ผมก็ต้องไปจากโลกภายนอก คุณรู้มั้ยว่าทำไมต้องมีพันธมิตรพิทักษ์?”
เนี่ยชิวเดาว่า “เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้แข็งแกร่งวิถีบู๊ในโลกภายนอกเหรอครับ?”
ฝีมือของผู้แข็งแกร่งแดนนภานั้นน่ากลัวมาก ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งแดนนภาคนไหน ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาที่เพิ่งบรรลุก็ตาม ต่างสามารถกำราบกองกำลังระดับสูงใดๆ ก็ได้
แค่คิดก็รู้แล้วว่า ถ้าปล่อยให้ผู้แข็งแกร่งแดนนภาอยู่ที่โลกภายนอกอย่างตามใจชอบ มันจะก่อให้เกิดเรื่องที่น่ากลัวขนาดไหนขึ้น
ถึงตอนนั้น ใต้หล้านี้ ก็จะกลายเป็นของผู้แข็งแกร่งแดนนภาอย่างสมบูรณ์
สิ่งที่เนี่ยชิวคิด เป็นสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งในโลกภายนอกต่างให้การยอมรับ
แต่ลี่เฉินกลับขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “คุณคิดเหรอว่าการมีอยู่ของพันธมิตรพิทักษ์เพื่อปกป้องผู้แข็งแกร่งในโลกภายนอกจริงๆ? ผมจะบอกให้คุณรู้ มันไม่ใช่แบบนั้นเลย”
“พวกเขาแค่ถูกโลกบู๊โบราณส่งมาจับตาดูหมากในโลกภายนอกเท่านั้น”
เนี่ยชิวตกใจจนช็อก
ลี่เฉินพูดต่อ “เมื่อร้อยปีก่อน จิ่วโจวยังเป็นแผ่นเดียวกัน แต่ในตอนนั้น ได้มีผู้แข็งแกร่งแดนนภาปรากฏขึ้นหลายคน เมื่อผู้แข็งแกร่งแดนนภาคนหนึ่งบรรลุถึงแดนนภาแล้ว และอยากบรรลุอีกครั้ง มันต้องใช้ชี่ทิพย์อย่างมหาศาล”
“ถ้าไม่ควบคุมจำนวนของผู้แข็งแกร่งแดนนภา สุดท้ายจิ่วโจวก็จะกลายเป็นรกร้างที่ไร้ซึ่งชี่ทิพย์ ว่าแล้ว ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ผู้แข็งแกร่งแดนนภาทั้งหมดจึงได้ร่วมมือกันสร้างค่ายกลที่แข็งแกร่งขึ้น แยกจิ่วโจวออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งแยกเป็นโลกภายนอกของจิ่วโจว และอีกส่วนก็คือโลกบู๊โบราณของจิ่วโจว”
“ถึงโลกบู๊โบราณจะเล็กกว่าโลกภายนอก แต่โลกบู๊โบราณกลับใช้ค่ายกลทิพย์ ดึงชี่ทิพย์ทั้งหมดของโลกภายนอกเข้าไปไว้ในโลกบู๊โบราณ”
“โลกภายนอกในวันนี้ นักบู๊ตกต่ำ ไม่ได้รุ่งโรจน์ห่างไกลจากจิ่วโจวเมื่อร้อยปีก่อนมาก เพราะเหล่าผู้นำที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดเหล่านั้นได้ดึงชี่ทิพย์แทบทั้งหมดของจิ่วโจวไปไว้ในโลกทิพย์”
“โลกภายนอกในตอนนี้ การที่จะบรรลุถึงแดนนภานั้น ยากซะยิ่งกว่ายาก มีเพียงผู้มีพรสวรรค์ระดับสูงถึงสามารถบรรลุแดนนภาในโลกภายนอกได้”
“เมื่อบรรลุถึงแดนนภา แล้วอยากบรรลุไปอีกขั้น อยู่ที่โลกภายนอก ไม่มีทางทำได้ มีเพียงต้องไปที่โลกบู๊โบราณเท่านั้น”
“สาเหตุที่เหล่าผู้นำของโลกบู๊โบราณต้องส่งพันธมิตรพิทักษ์มาจับตาดูโลกภายนอก ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้แข็งแกร่งที่บรรลุถึงแดนนภาแล้วฝึกตนที่โลกภายนอกต่อ”
“เมื่อฝึกตนที่โลกภายนอกจนดูดซับชี่ทิพย์มากเกินไป มันจะทำให้เขตแดนระหว่างโลกบู๊โบราณกับโลกภายนอกพังทลาย ถึงตอนนั้น ชี่ทิพย์ทั่วทั้งจิ่วโจวกจะเพิ่มขึ้น ทั่วทั้งจิ่วโจว จะหลอมรวมเป็นหนึ่งอีกครั้ง วิถีบู๊ก็จะกลับไปรุ่งโรจน์เหมือนเมื่อร้อยปีก่อนอีกครั้ง”
พูดถึงตรงนี้ ลี่เฉินก็ได้หยุดพูด ส่วนเนี่ยชิวก็ช็อกไปนานแล้ว ได้พูดต่อจากลี่เฉินว่า “ดังนั้น เหล่าผู้นำที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกบู๊โบราณพวกนั้น จึงได้ก่อตั้งพันธมิตรพิทักษ์ขึ้นมาเพื่อจับตาดูโลกภายนอก เมื่อเห็นว่ามีผู้แข็งแกร่งบรรลุถึงแดนนภา ก็จะพาคนคนนั้นไปโลกบู๊โบราณทันที”
ลี่เฉินพยักหน้า ยิ้มเยาะ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า “ด้วยเหตุนี้ โลกบู๊โบราณไม่ใช่โลกบู๊โบราณของจิ่วโจวแต่เป็นโลกบู๊โบราณของเหล่าผู้นำที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดพวกนั้นต่างหาก”