The king of War - บทที่ 1924 รองจากแดนนภา
พอได้ฟังที่ลี่เฉินพูด สีหน้าที่เป็นกังวลของหม่าชาว สองมือกำแน่น พอมองไปที่เนี่ยชิวอีกครั้ง สายตาที่อาฆาตของเขาก็รุนแรงยิ่งกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้เนี่ยชิวเกือบฆ่าเขา แต่ลี่เฉินให้เนี่ยชิวมาเป็นผู้พิทักษ์ของเขา เขาถึงยอมมองข้ามความแค้น
ลี่เฉินก็ค่อนข้างตกใจ การตอบสนองของหม่าชาว ได้เกินจากที่เขาคาดไว้เหมือนกัน
ตอนนี้ พลังจากสายเลือดของหยางเฉิน เกรี้ยวกราดขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แล้วกลางหว่างคิ้วของเขาปรากฏสัญญาลักษณ์เลือดที่ชัดเจนขึ้น มันเป็นสัญญาลักษณ์ของเผ่าของสายเลือดคลั่ง
สีหน้าของลี่เฉินเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม เมื่อกี้เขาก็สัมผัสถึงสายเลือดที่แข็งแกร่งของหยางเฉินแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้
“ใครก็ได้ช่วยบอกฉันที ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหยางเฉิน? ทำไมจู่ๆ เขาถึงแข็งแกร่งขึ้นอีก? นอกจากแดนนภายังจะมีใครสู้เขาได้อีกมั้ย?”
“เขาระเบิดพลังของสายเลือดออกมา ว่ากันว่า มีเพียงนักสู้ที่สายเลือดแข็งแกร่งมากๆ ถึงสามารถปลดปล่อยพลังของสายเลือดออกมาได้ ดูแล้ว เบื้องหลังของหมอนี่ต้องไม่ธรรมดาแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีพลังของสายเลือดที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้หรอก”
“ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ฉันคงไม่มีทางเชื่อว่าในโลกนี้ จะมีคนที่มีพรสวรรค์เก่งกาจขนาดนี้”
“เมื่อก่อนฉันยังคิดว่าพรสวรรค์ในวิถีบู๊ของตัวเองสูงส่งมาก แม้แต่ในโลกบู๊โบราณ ในหมู่รุ่นเยาว์ ก็ยังถือว่าโดดเด่น แต่หลังจากที่ได้เจอหยางเฉิน ฉันก็เพิ่งรู้ตัวว่า พรสวรรค์ของตัวเองนี่มันขยะชัดๆ”
……
เหล่าผู้แข็งแกร่งของสำนักมารต่างทำหน้าตกใจ ท่ามกลางความตกใจ ยังแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยา แน่นอนว่า ยังมีคนรุ่นหลังหลายคนที่แววตาเปี่ยมด้วยความนับถือ
สีหน้าของเนี่ยชิวเคร่งขรึมขึ้นมาก ด้วยฝีมือของเขา ต้องรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวหยางเฉินได้แน่
ตอนแรก เขานึกว่าหยางเฉินเป็นแค่นักสู้รุ่นหลังที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะลี่เฉินถูกใจหยางเฉินมาก เขาก็ไม่มีทางไปสนใจหยางเฉินแน่นอน
แต่ว่า หลังจากที่หยางเฉินระเบิดพลังออกมาต่อสู้กับเขาอย่างดุเดือดในลานประลองแล้ว เขาเพิ่งรู้ตัวว่าความแข็งแกร่งของหยางเฉิน ไม่สามารถใช้ระดับของแดนมาวัดได้
ในตอนนี้ ในสายตาของเขา ได้มองหยางเฉินว่าเป็นนักสู้ที่อยู่ระดับเดียวกับตัวเองแล้ว
ในตอนที่เขาคิดว่ากำลังจะเอาชนะหยางเฉิน ใครจะไปคิดว่าหยางเฉินจะแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง
ในที่แห่งนี้ หยางเฉินเป็นดั่งผู้บงการ ภายใน เขตแดนวิถีมาร ถึงขั้นทำให้เนี่ยชิวได้รับผลกระทบอย่างหนัก
เนี่ยชิวรู้สึกว่า เมื่ออยู่ในเขตแดนของหยางเฉิน ทุกอย่างของเขาจะอ่อนแอลง ถึงจะถูกบั่นทอนไปไม่มาก แต่ยอดฝีมือสู้กันความเป็นความตายตัดสินกันแค่ชั่วพริบตา ลำพังการถูกบั่นทอนเพียงเล็กน้อยนี้ มันก็สร้างความลำบากให้กับหยางเฉินไม่น้อยเลย
“ตาย!”
หยางเฉินตะโกนเสียงดังว่า เกิดเสียง “ปั้ง” ดังขึ้น พื้นที่เขาเคยยืนแตกเป็นรอยร้าว ส่วนร่างกายของเขา ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเนี่ยชิวแล้ว
เขายกมือแล้วชกออกไป ซัดใส่เนี่ยชิวอย่างแรง
ในช่วงเวลาน่าสิ่วน่าขวาน เนี่ยชิวได้หลบออกราวกับถูกสะท้อน แต่ว่า เมื่ออยู่ภายในเขตแดนวิถีมารของหยางเฉินทำให้ความเร็วของเนี่ยชิวได้รับผลกระทบ กลับกัน หยางเฉินที่อยู่ในเขตแดนวิถีมารของตัวเอง ความสามารถทุกด้านต่างก็เพิ่มสูงขึ้น ความเร็วสูงมาก แทบจะในชั่วพริบตาเดียว ก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเนี่ยชิวแล้วจากนั้นก็ซัดหมัดออกไป
“ตุบ!”
เกิดเสียงที่ดังอุดอู้ขึ้น ร่างกายของเนี่ยชิวถอยหลังไปเจ็ดแปดก้าว ยังไม่ทันทรงตัวได้ ก็กระอักเลือดออกมาแล้ว
แต่ทันใดนั้น หยางเฉินก็ได้โจมตีมาอีกครั้ง
เนี่ยชิวคาดไว้ตั้งนานแล้ว ในพริบตาที่ถูกโจมตีถอย หยางเฉินจะโจมตีอย่างรุนแรงอีกครั้ง เขาได้เตรียมตัวไว้แต่แรก ไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนแล้วเหวี่ยงฝ่ามือออกไป
“ตุบ!”
วินาทีต่อมา หมัดของหยางเฉินปะทะกับฝ่ามือของเนี่ยชิว พลังอันรุนแรง ระเบิดออกไปรอบทิศราวกับระเบิดนิวเคลียร์
ผู้แข็งแกร่งของสำนักมารที่ค่อนข้างอ่อนแอ ภายใต้การปะทะของรังสีที่รุนแรงนี้ ก็ได้กระเด็นออกไปราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัส
ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดสิบกว่าคนของสำนักมารไม่ลังเลแม้แต่น้อย ลงมือในทันที รังสีวิถีบู๊อันน่าสะพรึงกลัวมากมายปะทุขึ้น ป้องกันรังสีวิถีบู๊ที่หยางเฉินกับเนี่ยชิวระเบิดออกมาไว้ในลานประลอง
แต่ว่า พลังนี้แข็งแกร่งเกินไป ถึงจะมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดหลายสิบคนร่วมมือกันป้องกัน ก็ยังไม่สามารถต้านไว้ทั้งหมด ยังมีรังสีบางส่วนแผ่ซ่านไปทั่วทิศ
ผู้แข็งแกร่งที่สูงกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดยังดี แต่ผู้แข็งแกร่งที่ต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดนั้นไม่สามารถต้านรังสีนี้ได้เลย ร่างกายถอยไปข้างหลัง
ส่วนผู้แข็งแกร่งที่อ่อนแอกว่านั้น ต่างถูกรังสีนั้นโจมตีจนกระอักเลือดแล้ว
ทันใดนั้นเอง ลี่เฉินก็ได้ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ยกมือขึ้น พลังที่ไม่มีรูปร่างได้แยกลานประลองกับผู้แข็งแกร่งของสำนักมารออกจากกัน
เหล่าผู้แข็งแกร่งของสำนักมารถึงรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
ลี่เฉินกวาดตามองไปรอบๆ แล้วตะโกนไปว่า “นักสู้ที่ต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด ออกจากลานประลองให้หมด!”
หลังออกคำสั่ง ผู้แข็งแกร่งที่ต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดทุกคน ต่างออกจากลานประลอง ถึงพวกเขาจะอยากอยู่ดูการประลองของผู้แข็งแกร่งขั้นยอดทั้งสอง แต่ก็ต้องทำใจเพราะแข็งแกร่งไม่พอ
ถ้าเรื่องนี้เกิดเผยแพร่ออกไป ต้องสะเทือนไปทั้งโลกแน่
การต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขันเก้าชั้นกลางกับผู้แข็งแกร่ง กึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น ลำพังแค่รังสีวิถีบู๊ที่ทั้งสองปลดปล่อยออกมา ผู้แข็งแกร่งที่ต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดก็ทนไม่ไหวแล้ว
นี่ไม่สำคัญ ประเด็นคือ ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางคนนี้ กลับมีพลังในการต่อสู้ขั้นยอดที่รองจากแดนนภา
ภายในลานประลอง นักสู้ที่เหลือ นอกจากหม่าชาวที่ถูกลี่เฉินปกป้องไว้ ก็ไม่มีนักสู้ที่ต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดอีก
สีหน้าของนักสู้ทุกคน ต่างเต็มไปด้วยความตกใจ
หยางเฉินอายุแค่ยี่สิบแปดก็มีฝีมือสูงสุดรองจากแดนนภาแล้ว ถ้าเขาบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายล่ะ? ชั้นสุดยอดล่ะ?
ถึงตอนนั้น หยางเฉินจะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน?
“ท่านประมุข หยางเฉินที่อยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าขั้นกลาง ก็มีฝีอยู่ในจุดสูงสุดรองจากแดนนภาแล้ว ถ้าวิถีบู๊ของเขาบรรลุอีกครั้ง คงแข็งแกร่งที่จะต่อกรกับผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งแล้วมั้งครับ?”
ผู้อาวุโสของสำนักมารคนหนึ่ง ได้หันมาถามลี่เฉิน
ลี่เฉินส่ายหน้า แล้วตอบไปว่า “ระหว่างแดนนภากับแดนเหนือมนุษย์นั้นห่างชั้นกันมาก ในแดนเหนือมนุษย์ด้วยกัน มีโอกาสที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้มีแดนสูงกว่าได้ ในแดนนภา ก็มีเหมือนกัน แต่ถ้าแดนเหนือมนุษย์อยากข้ามขั้นไปเอาชนะแดนนภา ไม่มีทาง”
“หยางเฉินนั้นแข็งแกร่งมาก แต่เขาที่อยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางแล้วระเบิดพลังระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดออกมานั้น จะส่งผลเสียต่อร่างกายของเขาอย่างมาก นอกจากจะตกอยู่ในช่วงความเป็นความตาย ก็ไม่ควรทำแบบนี้”
พอได้ฟังที่ลี่เฉินพูด ผู้อาวุโสของสำนักมารคนนั้น ถึงแอบโล่งใจลงบ้าง ถ้าหยางเฉินในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางแล้วระเบิดพลังระดับสูงสุดที่รองจากแดนนภาได้ ถ้าบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายแล้วหรือชั้นสุดยอด ก็สามารถเอาชนะผู้แข็งแกร่งแดนนภาได้แล้ว แบบนั้นยังจะให้ผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดรองจากแดนนภาอย่างพวกเขามีชีวิตต่ออีกมั้ย?
“จะตัดสินแพ้ชนะแล้ว!”
ลี่เฉินมองไปทั้งคู่ที่กำลังต่อสู้กันบนลานประลอง พร้อมกับสีหน้าที่ค่อนข้างคาดหวัง