The king of War - บทที่ 1937 การตกตะลึงของเกาสง
เกาสงยังคงไม่ได้ตระหนักถึงความแข็งแกร่งของหยางเฉิน เพียงคิดว่าหยางเฉินเป็นรุ่นน้องที่มีพรสวรรค์เก่งกาจในด้านบูโด
เมื่อกี้ เขาก็แค่ประมาทและประเมินศัตรูต่ำเกินไปเท่านั้น ดังนั้นจึงถูกหมัดของหยางเฉินชกจนถอยไปหนึ่งก้าวเล็กๆ
ถ้าเขาจริงจัง แม้ว่าหยางเฉินจะแข็งแกร่งเพียงใด แล้วไงล่ะ?
หรือผู้แข็งแกร่งที่เป็นแค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย จะสามารถระเบิดความแข็งแกร่งเทียบได้กับกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น?
“ผมขอเตือนให้คุณเลิกดูถูกผมเสียดีกว่า ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน”
ทันใดนั้นหยางเฉินก็เอ่ยปากพูด ในคำพูดของเขายังปนความเย้ยหยันอยู่บ้าง
เกาสงพ่นเสียงอย่างเย็นชา และพูดด้วยใบหน้าที่ดูถูก“ผมยอมรับว่าพรสวรรค์ในด้านบูโดของคุณแข็งแกร่งมาก แต่ถ้ามีความแข็งแกร่งแค่นี้ ก็คิดว่าในโลกนี้ไม่มีใครสู้คุณได้แล้วก็ ผมขอแนะนำให้คุณไสหัวกลับไปที่ตระกูลของคุณจะดีกว่านะ เป็นคุณชายที่ไม่ได้เรื่องอะดีแล้ว จะได้ไม่ถูกคนอื่นทุบตีตายเพราะหยิ่งผยองเกินไป”
หยางเฉินขี้เกียจเปลืองน้ำลายกับเขาอีก ออร่าบู๊ในร่างกายของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นในทันที
ในพริบตา ก็พุ่งไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด และอยู่ไม่ไกลจากกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นแล้ว
เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวเขา การดูถูกบนใบหน้าของเกาสงก็หายไปอย่างสมบูรณ์ และในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
นี่เป็นผู้แข็งแกร่งที่เพิ่งจะเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายจริงหรือ?
หลังจากที่แดนบูโดไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นปลายแล้ว ถ้าอยากจะข้ามแดนในการเอาชนะศัตรู เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
แต่ตอนนี้ ออร่าบู๊บนตัวของหยางเฉินได้มาถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดแล้ว และยังใกล้เข้าไปกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นทุกที
รู้ได้เลยว่าในใจของเกาสงนั้นตกตะลึงมากเพียงใด
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ สิ่งนี้เป็นเพียงหยางเฉินต้องการใช้มือของเขาเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งดั้งเดิมของเขาว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหน
หากหยางเฉินปลุกสายเลือดคลั่งของเขา ความแข็งแกร่งก็จะทะยานสู่กึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นในทันที
“ปัง!”
เท้าของหยางเฉินเหยียบลงไปอย่างแรง พื้นดินก็ทรุดตัวลงในทันใด และร่างกายของเขาก็หายไปกับที่
ขณะที่เขาเคลื่อนไหว เกาสงก็เคลื่อนไหวเช่นกัน
ตอนนี้ เกาสงตระหนักได้ว่าเขาดูหมิ่นหยางเฉินมากเกินไปแล้ว และตอนนี้เขาต้องทุ่มสุดแรง จึงจะสามารถทำให้หยางเฉินสูญเสียความสามารถในการต่อสู้อีกครั้งภายในสามกระบวนท่า
“ปัง!”
วินาทีถัดมา ทั้งสองปะทะกัน และพลังอันรุนแรงก็กวาดไปทุกทิศทุกทาง โดยมีทั้งสองเป็นจุดศูนย์กลาง
ดูเหมือนว่า ทั้งสำนักมารจะถูกโอบล้อมด้วยโมเมนตัมนี้ นักบูโดที่มีความแข็งแกร่งต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์เหล่านั้น แต่ละคนเหมือนถูกโจมตีอย่างหนัก และพวกเขาก็รีบถอยกลับไปหลายร้อยเมตร จึงจะรู้สึกดีขึ้น
“เป็นถึงหนึ่งในสี่แม่ทัพมารของสำนักมาร มีความแข็งแกร่งแค่นี้หรือ?”
หยางเฉินถอยหลังไปสองสามก้าว มองไปที่เกาสงแล้วพูดด้วยใบหน้าที่หยิ่งผยอง”ถ้าคุณมีความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้ ก็ต้องการเอาชนะผมภายในสามกระบวนท่านั้น ฝันกลางวันชัดๆ!”
เกาสงเริ่มโมโห และตะโกนว่า”หาที่ตายชัดๆ!”
“บูม!”
เมื่อเสียงของเขาลดลง เขาก็โจมตีหยางเฉินอีกครั้ง
“ปังปังปัง!”
ทั้งสองปะทะกันอย่างดุเดือด และในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ทั้งสองก็ได้สู้กันหลายกระบวนท่าแล้ว
อย่างไรก็ตาม หยางเฉินยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แค่ความแข็งแกร่งพื้นฐานของเขา จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะเกาสงซึ่งอยู่ในกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น
ในเวลานี้ หยางเฉินพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง และร่างกายของเขาก็ได้รับบาดเจ็บหลายครั้งจากเกาสง ถ้าไม่ใช่เพราะแดนบูโดของหยางเฉินได้ทะลวงไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายแล้ว เกรงว่า เพราะร่างกายทนบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ไม่ได้ จึงพังทลายไปนานแล้ว
ถึงอย่างนั้น ภายนอก หยางเฉินยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัส ดูจากภายนอกแล้ว ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด
แต่ว่า เขาไม่มีท่าทีจะหยุดต่อสู้เลย ตรงกันข้าม ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งกล้าหาญมากขึ้น และแววตาของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
“เกาสง คุณแพ้แล้ว!”
มารแดงตะโกนเสียงดัง“พวกคุณได้ต่อสู้มาแล้ว 20 กระบวนท่าแล้ว ตามข้อตกลง คุณแพ้!”
เกาสงในตอนนี้ ถูกความโกรธครอบงำไปแล้ว และเขาไม่สนใจเสียงต่างๆของโลกภายนอกเลย ในสายตามีเพียงเจตนาฆ่าอย่างแรงกล้าเท่านั้น
หม่าชาวที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล กำหมัดแน่น กัดฟันและพูดว่า“ถ้าพี่เฉินเป็นอะไรไป เกาสง ผมไม่ปล่อยคุณไปแน่!”
การต่อสู้ระหว่างเกาสงและหยางเฉิน ตอนนี้คงไม่มีใครสามารถแยกพวกเขาออกจากกันได้แล้ว นอกจากลี่เฉิน
“แข็งแกร่งมาก!”
เหล่าผู้แข็งแกร่งสำนักมารอึ้งไปหมด และใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
“ชายผู้นี้เก่งกาจจริงๆ ก่อนหน้านี้ที่เขาต่อสู้กับเนี่ยชิว เขาได้ระเบิดความแข็งแกร่งไปถึงกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นเลยนะ แต่ตอนนี้ ทำไมเขายังคงความแข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดตลอดการต่อสู้ล่ะ”
มีผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งเห็นความผิดปกติ และพูดอย่างเคร่งขรึม
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ผู้แข็งแกร่งอีกคนก็พูดด้วยความตกใจว่า“ถ้าคุณไม่บอก ผมก็ไม่ได้สังเกตเห็นเช่นกัน จริงอย่างที่คุณพูด เขาเป็นแค่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางเท่านั้น ก็สามารถระเบิดความแข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น และตอนนี้ แดนบูโดของเขาได้ก้าวเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ความแข็งแกร่งของเขาจะอยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดเท่านั้น?”
“หรือว่า เขายังไม่ได้ระเบิดความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาออกไป?เป็นไปได้ยังไง?”
“มีอะไรเป็นไปไม่ได้ล่ะ?เขาใช้ความแข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง ก็สามารถเอาชนะเนี่ยชิว และ ตอนนี้ แดนบูโดได้ทะลุเข้าไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย ถ้าเขาต่อสู้กับเนี่ยชิวอีกครั้ง เกรงว่าเขาคงจะสามารถชนะได้อย่างง่ายดายใช่ไหม?”
“ถ้าเป็นเช่นนี้ ทำไมเขาถึงใช้แค่ความแข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดในการต่อสู้กับเกาสงล่ะ?”
“เขากำลังใช้มือของเกาสง เพื่อฝึกฝนบูโดของตน ดังนั้น ตอนนี้เขาดูเหมือนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่มันเป็นเพียงผิวเผินเท่านั้น การแข่งขันนี้ อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอย่างสมบูรณ์”
…
กลุ่มผู้แข็งแกร่งสำนักมาร ต่างวิจารย์เกี่ยวกับเรื่องนี้ และเมื่อคนใหญ่คนโตก็เอ่ยปากด้วย ทุกคนก็ยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก
“ไม่ต้องห่วง หยางเฉินไม่แพ้แน่นอน!”
ในขณะนั้น ร่างที่ไร้ตัวตนได้ปรากฏขึ้นข้างๆหม่าชาว บนใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อย มองไปบนเวทีและพูดว่า
“อาจารย์!”
เมื่อเห็นลี่เฉินหม่าชาวรีบทักทายด้วยความเคารพ
ลี่เฉินมองไปทางของสองคนที่อยู่บนเวทีต่อสู้ และรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เขารู้ว่า ให้หม่าชาวมาสืบทอดบัลลังก์ทายาทมาร มันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้ว
ด้วยความแข็งแกร่งที่น่าเกรงขามที่หยางเฉินแสดงให้เห็น หลังจากที่หม่าชาวสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักของสำนักมาร หากสำนักมารกำลังมีปัญหา หยางเฉินจะนิ่งดูดายได้อย่างไร?
ตราบใดที่หยางเฉินยังคงอยู่ในโลกมนุษย์ ก็จะไม่มีใครสามารถทำอะไรสำนักมารได้
เมื่อหยางเฉินทะลวงสู่แดนนภา หม่าชาวก็น่าจะทะลุไปถึงจุดสูงสุดภายใต้แดนนภาแล้ว
ด้วยความช่วยเหลือจากมารแดง และยังมีผู้พิทักษ์กึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นอย่างเนี่ยชิว สำนักมารมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความกังวลของลี่เฉินก็หายไปอย่างสมบูรณ์ เขาหรี่ตามองไปที่หยางเฉินที่อยู่บนเวที และพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า”บางที อาจถึงเวลาที่ต้องจากไปแล้ว”
“ปัง!”
ในขณะนั้นเอง เสียงชนกันก็ดังขึ้น และร่างที่เหมือนว่าวที่เชือกหักก็บินออกไป
“พี่เฉิน!”
สีหน้าของหม่าชาวเปลี่ยนไปอย่างมาก รีบพุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ เกาสงยืนอยู่ตรงกลางเวทีการแข่งขัน สีหน้าของเขาดูมืดมนอย่างยิ่ง
แข็งแกร่งอย่างเขา ก็ยังเต็มไปด้วยบาดแผล
สำหรับเขา นี่เป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง
ในเวลานี้ หยางเฉินล้มลงบนพื้นที่ห่างออกไปกว่าสิบเมตร และคนทั้งคนดูสาหัสมาก
เกาสงกัดฟันและพูดว่า“เป็นแค่ขยะแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย ยังกล้ามายั่วยุผมเหรอ?”
พูดจบก็หันหลังจะเดินออกไป
แต่ในขณะนั้นเอง พลังมารที่น่าสะพรึงกลัวก็ลงมาและห่อหุ้มเขาไว้ทันที
สีหน้าของเกาสงเปลี่ยนไปอย่างมากในทันใด เขาหันกลับมาอย่างกะทันหัน และเห็นหยางเฉินซึ่งเพิ่งโดนเขาชกอย่างหนักไว้ที่พื้น ได้ยืนขึ้นแล้ว
และพลังมารที่น่าสะพรึงกลัวนั้น เล็ดลอดออกมาจากตัวหยางเฉิน