The king of War - บทที่ 1945 การยืนหยัดของเขา
ตู้ชีหัวเราะอย่างเย็นชา และถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา“คุณมันก็แค่อยากได้ยาเม็ดทะลายกรรมวิบัตินั่นของผมไม่ใช่เหรอ?”
พูดจบ เขาก็หยิบขวดหยกที่สวยงามออกมา
ขวดหยกบรรจุยาเม็ดทะลายกรรมวิบัติไว้
ตู้ชีกล่าวต่อ“ผมเอายาเม็ดทะลายกรรมวิบัตินี้มาเดิมพันกับคุณ คู่ควรแล้วไหม?”
สีหน้าของตู้ป๋อนิ่งสงบ และไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเพราะอีกฝ่ายหยิบยาเม็ดทะลายกรรมวิบัติออกมาแม้แต่น้อย
เขาเปิดปากและพูดว่า“ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งคนไหน ที่ทะลุสู่แดนนภาจากแดนเหนือมนุษย์ ล้วนต้องประสบกับลิขิตสวรรค์ และยาเม็ดทะลายกรรมวิบัติ สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของตนได้อย่างมากในการต้านทานลิขิตสวรรค์ และสำหรับใครก็ตามที่กำลังจะบุกเข้าไปแดนนภา สำหรับผู้แข็งแกร่ง ล้วนเป็นยาเม็ดที่ล้ำค่ามาก”
นักบูโดที่ความแข็งแกร่งอ่อนหน่อย ไม่รู้ผลของยาเม็ดทะลายกรรมวิบัติ แต่พวกเขารู้ดีว่า เมื่อผู้แข็งแกร่งต้องการบุกทะลวงเข้าสู่ดินแดนนภา ล้วนต้องประสบกับลิขิตสวรรค์
เฉพาะผู้ที่ผ่านลิขิตสวรรค์เท่านั้น ที่สามารถเรียกว่าผู้แข็งแกร่งแดนนภา แต่มีผู้แข็งแกร่งมากมายที่จะตายในตอนที่ประสบกับลิขิตสวรรค์
การมียาเม็ดทะลายกรรมวิบัติ ในตอนที่ทำการทะลุแดนนภา ก็เท่ากับว่าได้เพิ่มเกาะช่วยป้องกันชีวิต
รู้ได้เลยว่ายาเม็ดทะลายกรรมวิบัตินี้ล้ำค่าขนาดไหน
แต่ตอนนี้ ตู้ชีกลับใช้ยาเม็ดทะลายกรรมวิบัติอันล้ำค่านี้มาเดิมพันกับตำแหน่งเจ้าสำนักของตู้ป๋อ
เมื่อทุกคนมองไปที่ตู้ป๋อด้วยความประหลาดใจ ขณะที่รอให้ดูป๋อรับเดิมพัน ในที่สุดตู้ป๋อก็พูดว่า“ยาเม็ดทะลายกรรมวิบัตินี้ล้ำค่ามาก แต่สำหรับผม มันไม่มีประโยชน์”
ตู้ชีขมวดคิ้ว“คุณไม่กล้าเดิมพันหรือ?”
ตู้ป๋อหัวเราะเบาๆ”ในเมื่อคุณต้องให้ยาเม็ดทะลายกรรมวิบัติแก่ผม ถ้าผมไม่เอา มันก็ดูไร้เหตุผลจริงๆ ในเมื่อคุณต้องการเดิมพัน ผมก็จะเล่นกับคุณให้ถึงที่สุด!”
“โอเค!”
ทั้งสองเดิมพันกันทันที
ทุกคนในที่เกิดเหตุ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง ตั้งตารอการปรากฏตัวของหยางเฉิน
สำหรับการต่อสู้กันระหว่างผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของสำนักบู๊ ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรแล้ว
จินฮุยและตู้เค่อยืนอยู่กลางเวที ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความเกลียดชัง
คนหนึ่งเป็นศิษย์ของตู้ป๋อ และอีกคนหนึ่งเป็นหลานชายของตู้ชี ทั้งสองคนมีสถานะสูงกันทั้งคู่ในสำนักบู๊
ตอนนี้ พวกเขาต่างเห็นอีกฝ่ายเป็นศัตรูกันเพราะความแค้นระหว่างอาจารย์กับปู่ของพวกเขา
“จินฮุย ครั้งนี้ ผมจะเอาชนะคุณแน่นอน!ให้ทุกคนในสำนักบู๊รู้ว่า ใครกันแน่ที่แข็งแกร่งกว่ากัน!”
ดวงตาทั้งคู่ของตู้เค่อจ้องไปที่จินฮุย
ทันทีที่เสียงหายไป ออร่าบูโดที่รุนแรงก็ปะทุออกมาจากร่างกายของเขา แต่ยังไม่จบ ออร่าบูโดบนตัวของตู้เค่อยังคงพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และในเวลาเพียงชั่วพริบตา เขาก็มาถึงจุดสูงสุดของแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางแล้ว
“กำลังจะทะลุทะลวงแล้ว!”
มีคนพูดด้วยสีหน้าตกใจ
“ตู้เค่อเพิ่งอายุสี่สิบปี เขากำลังจะทะลุเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายแล้วหรือ?”
“ถ้าผมจำไม่ผิด ผู้แข็งแกร่งคนสุดท้ายที่ทะลุเข้าไปสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายเมื่ออายุได้สี่สิบปี คือคุณชายน้อยตู้หมิงหยวนใช่ไหม?”
…
ตู้ป๋อซึ่งนั่งอยู่ที่นั่งหลักก็ขมวดคิ้ว
ไม่ใช่เพราะตู้เค่อกำลังจะทะลุทะลวง ที่เขาไม่มีความสุข ก็เพราะเขารู้สึกถึงออร่าที่แตกต่างจากร่างกายของตู้เค่อ และดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ออร่าที่ฝึกฝนจากสำนักบู๊
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ตู้เค่อยังห่างไกลจากการทะลุอยู่มาก จู่ๆก็จะทะลุทะลวง มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ
จินฮุยที่อยู่บนเวทีแข่งขันก็ขมวดคิ้วเช่นกัน ถ้าตู้เค่อทะลุไปสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายจริงๆ ถ้าเขาต้องการเอาชนะตู้เค่อ เขาก็ต้องทะลุเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายด้วย
อย่างไรก็ตาม เขายังไม่พร้อมที่จะบุกทะลุ
ในบรรดาศิษย์ของตู้ป๋อ เขาเป็นคนที่ฝึกฝนช้าที่สุด
ความแข็งแกร่งของศิษย์น้องนั้น เหนือกว่าเขาตั้งนานแล้ว บางคนได้เข้าไปในหอบรรพบุรุษเทพบู๊แล้ว
ส่วนเขา ความเร็วในการฝึกฝนนั้นช้ามาก ไม่ใช่ว่าพรสวรรค์ของเขาไม่ดี แต่ทุกแดนของเขานั้นมั่นคงมาก
ถ้าเขาต้องการที่จะบุกทะลุเข้าไป เขาสามารถทะลุได้ทุกเมื่อ แต่ในช่วงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางนี้ เขาคิดว่ามันยังไม่มั่นคงพอ
“บูม!”
ในขณะนี้ ออร่าบูโดบนตัวของตู้เค่อก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหัน ไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายในทันที
“ทะลุแล้ว!”
กลุ่มผู้แข็งแกร่งของสำนักบู๊ต่างตกตะลึง
ตู้เค่อ ได้บุกทะลวงไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายตอนอายุ 40 ปีจริงๆด้วย ความเร็วของการฝึกนี้ เร็วจริงๆ
“จินฮุย คุณจะยอมแพ้เอง หรือให้ผม ‘เชิญ’ คุณลงจากเวทีประลอง?”
ตู้เค่อดูหยิ่งผยอง จ้องไปที่ตู้เค่อและกล่าว คำพูดของเขาเต็มไปด้วยการดูถูกจินฮุย
จินฮุยไม่พูด จ้องไปที่ตู้เค่อด้วยท่าทางเคร่งขรึม จากนั้นปล่อยออร่าบูโดของเขา
แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง!
ยังมีช่องว่างเล็กๆระหว่างคนทั้งสอง และผลลัพธ์ดูเหมือนจะออกมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม จินฮุยไม่ได้ท้อแท้
เห็นเพียงเขาขยับเท้า และร่างของเขาวาบไปในทิศทางของตู้เค่อ
“หึ!”
ตู้เค่อเยาะเย้ย สายตามีความดุร้ายวาบผ่าน เขารวมพลังไปที่หมัดขวาของเขา แล้วเหวี่ยงไปข้างหน้าทันที
“ปัง!”
เสียงการชนกันดังขึ้น และภายใต้ความตกใจของทุกคน หมัดของตู้เค่อทุบไปที่หน้าอกของจินฮุย
เห็นเพียงจินฮุยกระอักเลือดออกมาเต็มปาก และร่างกายของเขาก็ถอยหลังไปเจ็ดแปดก้าวก่อนที่จะหยุดลง
เมื่อเขาหยุดลง ใบหน้าของเขาซีดเซียว และมีเลือดอยู่ที่มุมปาก
ออร่าบูโดบนร่างกายของเขาก็อ่อนแอลงมากเช่นกัน
ในทางตรงกันข้าม ออร่าของตู้เค่อแข็งแกร่ง และร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังการต่อสู้
ตู้เค่อหัวเราะอย่างดูถูก มองจินฮุยแล้วพูดว่า“จินฮุย ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง ยอมแพ้แล้วไสหัวลงจากเวทีซะ ผมจะถือซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้น ผมจะถือว่าคุณยังมีความสามารถในการต่อสู้กับผม ต่อไป ผมจะทุ่มสุดกำลังในการต่อสู้กับคุณ ”
คำพูดของตู้เค่อเต็มไปด้วยการคุกคามที่รุนแรง
ตู้ป๋อซึ่งนั่งอยู่ในที่นั่งผู้ชม สีหน้าดูน่าเกลียดมาก ตู้เค่อคนนี้กำลังพยายามทำให้จินฮุยยอมแพ้
ถ้าจินฮุยยอมแพ้ อารมณ์ของเขาจะได้รับผลกระทบอย่างมาก และจะส่งผลเสียอย่างมากต่อการพัฒนาบูโดของเขาในอนาคต
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ยังทำให้ตู้ป๋อที่เป็นอาจารย์อับอายขายหน้าอีกด้วย
แต่ถ้าจินฮุยสู้ต่อ เขาจะแพ้แน่นอน!
นอกเสียจากว่า จินฮุยจะสามารถทะลุแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย
แต่ทุกแดนของจินฮุยนั้นมั่นคงมาก หากเขาบุกทะลุในตอนนี้ ความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดของเขาก็จะสูญเปล่า
ตู้ชีพอใจกับผลลัพธ์นี้มาก หัวเราะเสียงดังและพูดว่า”ตู้เค่อ ทำได้ดีมาก! ถ้าจินฮุยยอมแพ้ แกห้ามลงมือนะ”
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ไม่ลืมที่จะมองตู้ป๋อด้วยท่าทียั่วยุ
ตู้ป๋อไม่ไปสนใจ มองดูจินฮุยที่อยู่บนเวทีการแข่งขันด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
จินฮุยกำหมัดแน่น จ้องเขม็งไปที่ตู้เค่อ กัดฟันและกล่าวว่า“แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย มีปัญญาแค่นี้เหรอ!”
เมื่อเสียงนั้นลดลง เขาก็พุ่งไปที่ตู้เค่อทันที
หลังจากยืนหยัดมานานขนาดนี้ จะยอมแพ้ในเวลานี้ก็คงไม่ใช่ใช่ไหม จินฮุยไม่ได้เลือกที่จะบุกทะลุ แต่ใช้แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง ต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย