The king of War - บทที่ 199พวกต่ำต้อยเท่านั้นเอง
“คุณชายเมิ่งครับ ก่อนหน้านี้ ตระกูลหยางของเมืองโจวเฉิง มียอดฝีมือที่ชื่อเฉียนเปียว ความสามารถแกร่งที่สุด ถนัดลอบสังหาร ได้สมญานามว่าผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งแห่งเมืองโจวเฉิงครับ!”
เมิ่งฮุยเพิ่งพูดจบ ชายวัยกลางคนด้านหลังเขาคนนั้นพูดขึ้นฉับพลัน
“ตระกูลหยางของเมืองโจวเฉิง? คือไม่กี่เดือนก่อน ตระกูลหยางที่พังพินาศไปกะทันหันในชั่วข้ามคืนนั้น?” เมิ่งฮุยถามขึ้น
“คือตระกูลหยางนั้นครับ!” ชายวัยกลางคนตอบ
“ไปหาให้ฉัน เฉียนเปียวคนนี้ สรุปมีเบื้องหลังอะไร?”
เมิ่งฮุยพูดจบ ก่อนจะลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นสายตาตกอยู่บนตัวของจวงเซิ่ง เอ่ยปากบอก “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายคือผู้นำของตระกูลจวง ถ้ามีใครกล้าไม่พอใจ นายติดต่อฉันได้ตลอดเวลา!”
พอได้ยิน ชั่วขณะนั้นจวงเซิ่งดีใจยกใหญ่ รีบโค้งตัวพูดว่า “ขอบคุณครับคุณชายเมิ่ง!”
เมิ่งฮุยมองศพของหงเทียนหยาทีหนึ่ง พูดมอบหมายกับจวงเซิ่ง “เรื่องงานศพของท่านหง ให้ตระกูลจวงจัดการ เรื่องนี้แล้วจบแค่นี้ อย่าไปหาเรื่องวุ่นวายหยางเฉินอีก เข้าใจไหม?”
“ครับ คุณชายเมิ่ง!”
ถึงแม้จวงเซิ่งจะไม่เข้าใจ ทำไมเมิ่งฮุยถึงไม่ให้พวกเขาจัดการหยางเฉิน รู้แค่ว่าตั้งแต่วันนี้ไป ตระกูลจวงต้องเชื่อฟังคำสั่งจากตระกูลเมิ่งในการปฏิบัติตัว
ระหว่างทางที่กลับเมืองเอก
ชายบึกบึนที่กำลังขับรถถามขึ้นทันใด “คุณชายเมิ่งครับ ครั้งนี้ท่านสูญเสียหงเทียนหยาบุคคลสำคัญขนาดนี้ไป หรือว่าจะปล่อยไปแบบนี้เหรอครับ?”
เมิ่งฮุยส่งเสียงหัวเราะเยาะ “คนของเมิ่งฮุยอย่างฉัน มาบอกว่าฆ่าก็ฆ่าได้เหรอ? อยากให้มันสบายใจไปพักหนึ่ง จากนั้นย่อมมีคนจัดการมันแน่”
ข่าวการตายของจวงเจี้ยนเซ่อ ไม่นานก็แพร่สะพัดไปทั้งเมืองเจียงโจว
ตระกูลจวงเพียงบอกว่าจวงเจี้ยนเซ่อตายไปเพราะป่วย สาเหตุการตายที่แท้จริงคืออะไร ไม่มีใครรู้ชัด แต่ผู้คนมากมายที่ความรู้สึกเฉียบไว ล้วนสังเกตถึงกลิ่นคาวของเรื่องนี้
สามวันก่อน หลานชายของจวงเจี้ยนเซ่อเพิ่งเสีย ปัจจุบันนี้จวงเจี้ยนเซ่อก็มาเสียตามไป
เวลานี้ คนนับไม่ถ้วนของเมืองเจียงโจวพุ่งความสนใจไปที่ตัวของหยางเฉิน
ไม่ใช่เพราะพวกเขารู้ว่าหยางเฉินฆ่าจวงปี้ฝานแล้ว แต่เมื่อสามวันก่อน ที่งานประมูลส่วนบนสุดของคลับหลงเถิง จวงปี้ฝานเป็นศัตรูต่อหยางเฉิน ต่อจากนั้นจวงปี้ฝานก็ถูกฆ่าแล้ว
ถึงแม้ว่าตระกูลจวงจะไม่เคยบอกว่าจวงปี้ฝานตายอย่างไร แต่ใครๆ ต่างรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหยางเฉินเป็นแน่
ตระกูลกวน ภายในคฤหาสน์เดี่ยวของกวนเจิ้งซาน
หยางเฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ตำแหน่งหลัก กวนเจิ้งซานนั่งอยู่ด้านข้าง
“คุณหยางครับ ข่าวในช่วงนี้ จวงเจี้ยนเซ่อผู้นำตระกูลจวง เมื่อสักครู่นี้ ตายไปกะทันหัน!”
กวนเจิ้งซานเอ่ยปากพูดขึ้นมา ในสายตามีความตกใจระดับหนึ่ง
หยางเฉินเพียงแค่ตกใจบ้างเล็กน้อย จากนั้นหัวเราะเยาะ มองกวนเจิ้งซานพลางถามว่า “คุณคงไม่ได้คิดว่าการตายของจวงเจี้ยนเซ่อเกี่ยวข้องกับผมหรอกมั้ง?”
กวนเจิ้งซานรีบส่ายหน้าทันที “ผมแค่รู้สึกตกใจอยู่บ้าง ตาเฒ่าคนนั้น ร่างกายแข็งแรงมาก ทำไมถึงมาป่วยตายกะทันหันได้กัน เกรงว่าเรื่องราวคงไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้นสิครับ”
หยางเฉินไม่ได้พูดอะไร และขี้เกียจไปยุ่งเรื่องที่เกิดในตระกูลจวงด้วย
เพียงแต่ว่าในใจเขาแอบคาดเดาอยู่บ้าง
เมื่อคืนนี้เฉียนเปียวฆ่าคนของตระกูลเมิ่งที่ตระกูลจวง วันนี้จวงเจี้ยนเซ่อมาตายกะทันหัน มีความเป็นไปได้มากว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลเมิ่ง
นึกถึงตระกูลเมิ่ง ในสายตาหยางเฉินมีแสงคมกริบนิดๆ แวบผ่าน
พูดขึ้นมา เขากับตระกูลเมิ่งไม่มีความบาดหมางใดๆ ต่อกัน แต่ความเป็นจริง ตระกูลเมิ่งกลับพุ่งเป้ามายังตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า
ครั้งแรกเป็นเยี่ยนเฉินกรุ๊ปสาขาเจียงโจว คนที่ชื่อเผิงกางกระโดดตึกฆ่าตัวตาย ก่อให้เกิดข้อถกเถียงวิจารณ์มากมาย นำความวุ่นวายใหญ่โตมาให้ทางบริษัท เรื่องนี้เกี่ยวกับตระกูลเมิ่ง
ครั้งที่สองเป็นตอนที่เขาไปเที่ยวสวนสนุกเป็นเพื่อนฉินยีแล้วโดนแอบถ่าย นั่นก็เกี่ยวกับตระกูลเมิ่งเช่นกัน
ครั้งที่สามเป็นเว่ยเสียงของตระกูลเว่ยแห่งเมืองเจียงโจว บีบบังคับอยากซื้อยอดเมฆากลับไป ซึ่งเกี่ยวกับตระกูลเมิ่งด้วย
นอกจากสามเรื่องนี้แล้ว ยังมีเยี่ยนเฉินกรุ๊ปสาขาเจียงโจว หลังจากที่ก่อตั้งมา มีเรื่องวุ่นวายเล็กน้อยมาไม่ขาดสาย ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับตระกูลเมิ่งทั้งนั้น
“สำหรับตระกูลเมิ่งเมืองเอก คุณรู้มามากแค่ไหน?”
หยางเฉินถามขึ้นทันใด
กวนเจิ้งซานตอบว่า “อิทธิพลของเมืองเอกค่อนข้างซับซ้อนครับ ตระกูลยิ่งใหญ่มากมาย ส่วนตระกูลเมิ่ง ถือว่าเป็นหนึ่งในตระกูลที่อยู่ลำดับแถวหน้าในตระกูลยิ่งใหญ่ของเมืองเอก”
“ว่ากันว่าเบื้องหลังตระกูลเมิ่งมีตระกูลหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเย็นตูสนับสนุนอยู่ ส่วนเรื่องที่เจาะจงว่าเป็นหนึ่งในแปดตระกูลไหน ก็ไม่ชัดเจนแล้วครับ”
“คุณหยางครับ ผมรู้จักตระกูลเมิ่งไม่มากนัก และเรื่องที่แสดงออกมาให้เห็นพวกนี้ ยังรู้มาเพียงน้อยนิดครับ”
หยางเฉินพยักหน้านิดหน่อย เขาเพียงแค่ถามเฉยๆ แต่ว่าสิ่งที่เขาแน่ใจได้คือความสัมพันธ์ของตระกูลเมิ่งและตระกูลอวี๋เหวินไม่ใช่แค่ผิวเผินแน่
หลายวันต่อมา คลื่นลมกลับสงบเงียบ และไม่มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
หยางเฉินและฉินซีไม่สามารถทลายความสัมพันธ์ขั้นนั้นได้ เสี้ยวเสี้ยวตัวติดฉินซีแจอยู่ในทุกคืน ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ
ถึงแม้จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นทั้งนั้น แต่ความรู้สึกของสองสามีภรรยากลับดีมากๆ เลย
“หยางเฉิน วันมะรืนนี้เป็นงานแต่งของลูกพี่ลูกน้องฉัน แม่ฉันบอกว่าจะเข้าไปวันพรุ่งนี้ ดูว่ามีอะไรตรงไหนที่สามารถช่วยได้บ้าง”
กลางคืนวันศุกร์ เพิ่งรับฉินซีมาจากบริษัท เธอก็พูดขึ้นทันใด
“ในเมื่อเป็นงานแต่งของลูกพี่ลูกน้องคุณ ต้องไปร่วมอยู่แล้ว ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณเอง!”
หยางเฉินยิ้มบอกไป
บนหน้าฉินซีมีความลังเลพอสมควร หยางเฉินถามแบบสงสัย “คุณคงไม่ใช่ไม่อยากให้ผมไปหรอกมั้ง?”
ฉินซีเอ่ยปากบอก “ฉันกลัวพวกเขาเหยียดหยามคุณ”
ได้ยินคำพูดของฉินซี ในใจหยางเฉินรู้สึกอบอุ่น เขาหัวเราะแล้วบอกว่า “มีเพียงคนอ่อนแอเท่านั้น ถึงพูดมากปากดี คุณวางใจได้ ถ้ามีใครปากมากจริง ก็ให้พวกเขาพูดกันไป ในเมื่อผมไม่เป็นไรอยู่แล้ว”
หยางเฉินจำได้ชัดเจนดี เขาจากชายแดนเหนือมา ทันทีที่กลับมายังบ้านเล็กตระกูลฉิน ก็เจอกับญาติของโจวยู่ชุ่ย และได้รับรู้ถึงความถ่อยของคนพวกนี้แล้ว
เพียงแค่สำหรับเขานั้น คนเหล่านี้ล้วนเป็นพวกต่ำต้อยเท่านั้นเอง ยังไม่มีสิทธิ์ทำให้เขาต้องเผชิญหน้าด้วย
“ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้พวกเราไปด้วยกัน”
ฉินซีพูดจาแบบฝืนใจอยู่บ้าง
เช้าตรู่วันต่อมา ทั้งครอบครัวออกเดินทางกันแล้ว
ฉินยีขับรถมาเซราติคันนั้น ไปรับโจวยู่ชุ่ยและฉินต้าหย่ง
หยางเฉินสามคนพ่อแม่ลูก ขับรถโฟล์คเภาตันคันนั้นของตนเองออกไป
ที่ทำให้หยางเฉินแปลกใจคือบ้านเกิดของโจวยู่ชุ่ย คาดไม่ถึงว่าคือที่เมืองโจวเฉิง
จากเมืองเจียงโจวมาถึงเมืองโจวเฉิง ระยะทางเพียงครึ่งชั่วโมง
“หยางเฉิน คุณเคยมาเมืองโจวเฉิงสินะ?”
เห็นหยางเฉินไม่ต้องใช้เครื่องนำทางเลยก็มาถึงที่เมืองโจวเฉิงได้ ฉินซีจึงถามแบบหน้าตาสงสัย
หยางเฉินหัวเราะแล้ว “ไม่ใช่แค่เคยมา ต้าเหอกรุ๊ปก็เป็นกิจการของผม”
พอได้ยิน ฉินซีมองตาค้อนแล้ว “ต้าเหอกรุ๊ปเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของเมืองโจวเฉิง ว่ากันว่าก่อนหน้านี้เป็นกิจการของตระกูลหยางของเมือโจวงเฉิง ต่อมาผิดใจบุคคลยิ่งใหญ่เข้า หลังตระกูลหยางพังพินาศ ต้าเหอกรุ๊ปก็ตกไปอยู่ในมือคนอื่น”
“แม้กระทั่งพูดได้ว่าแค่ต้าเหอกรุ๊ปที่เดียว ตำแหน่งที่เมืองโจวเฉิง ก็สามารถเทียบได้กับตระกูลชั้นนำ”
เห็นได้ชัดว่าฉินซีไม่เชื่อคำพูดของหยางเฉิน ถึงแม้เธอจะรู้ว่าหยางเฉินเก่งกาจ และมีเงินมาก กลับไม่มีทางเชื่อ ว่าหยางเฉินจะเป็นผู้ควบคุมของต้าเหอกรุ๊ป
หยางเฉินจำใจอยู่บ้าง ได้แต่หัวเราะไป ไม่ได้อธิบายอะไร
เชาบอกฉินซีออกไปไม่ได้ ความจริงตระกูลหยาง คือเขาทำลายทิ้งเอง
ภายใต้การชี้นำทางของฉินซี ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงก็มาถึงบ้านเล็กที่ชนบทแห่งหนึ่ง
นี่คือบ้านของพ่อแม่ของโจวยู่ชุ่ย สนามกว้างมาก มีพื้นที่กว่าพันตารางเมตรเต็มๆ
ในลานกว้างสร้างคฤหาสน์เล็กสองหลัง มองขึ้นมากลับดูทันสมัยมากทีเดียว
ภายในหมู่บ้าน คฤหาสน์เล็กสองหลังนี้ ถือว่าเป็นบ้านที่ดีที่สุดแล้ว