The king of War - บทที่ 1991 พิจารณาดูหน่อย
The king of War บทที่ 1991 พิจารณาดูหน่อย
ลี่เฉินทำหน้ากังวลใจ ถึงแม้คนที่ทำให้พวกเขาพันธมิตรพิทักษ์เสียเปรียบขนานใหญ่ตัวจริงคือเทพมารซึ่งยึดครองร่างกายของหยางเฉินทำลงไป แต่ว่าพันธมิตรพิทักษ์จะต้องเอาความแค้นครั้งนี้มาลงที่ตัวของหยางเฉินแน่
ชั่วขณะนั้นหยางเฉินเงียบงัน ร่างกายของเขาเพราะแบกรับขีดจำกัดของพลังที่ไกลกว่าสิ่งที่ตอนนี้เขาสามารถรับไหว จึงสร้างอาการบาดเจ็บใหญ่หลวงต่อร่างกายของเขาแล้ว
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขายังทำให้อาการบาดเจ็บของตนเองค่อยๆ หายเองได้ผ่านทางการฝึกฝน แต่ว่าครั้งนี้ อาการบาดเจ็บสาหัสเกินไป แม้แต่ดูดชี่ทิพย์ในโลกยังทำไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการฝึกฝนเลย
ในเมื่อฝึกฝนไม่ได้ งั้นก็ไม่มีทางทำให้ร่างกายฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว
หยางเฉินหัวเราะทันใดแล้วพูดว่า “ช่วงหลายวันนี้ ผมจะอยู่ที่นี่ก่อนแล้วกันครับ ไม่แน่อาจกลับมาฝึกฝนได้ในไม่นาน”
ถึงแม้กำลังยิ้ม แต่รอยยิ้มนี้กลับฝืนอย่างมาก
ลี่เฉินก็รู้เช่นกัน นี่คือหยางเฉินกำลังปลอบใจตนเอง
ลี่เฉินพูดด้วยท่าทางจริงจัง “ฉันจะคิดหาวิธีช่วยนายตามหาหมอวิเศษ ดูว่าจะทำให้ร่างกายของนายอาการดีขึ้นมาได้หรือเปล่า”
หยางเฉินบอกว่า “ท่านผู้อาวุโสครับ ไม่ต้องตามหาหมอวิเศษมาให้ผมหรอกครับ รบกวนท่านไปที่เมืองเยี่ยนตูให้ผมสักเที่ยว พาเฝิงเสียวหว่านมาที่สำนักมารที มีเธออยู่ จะต้องรักษาอาการบาดเจ็บของผมได้แน่ครับ”
ลี่เฉินพยักหน้า “ได้ ฉันจะไปเมืองเยี่ยนตูตอนนี้เลย!”
“เดี๋ยวก่อนครับ!”
ตามองเห็นลี่เฉินกำลังจะออกไป หยางเฉินรีบตะโกนเรียกลี่เฉินเอาไว้
ลี่เฉินมองทางหยางเฉินด้วยท่าทางสงสัย
หยางเฉินพูดแบบเสียงแข็ง “ท่านผู้อาวุโสครับ ท่านยังไม่ต้องรีบร้อนไปเมืองเยี่ยนตูหรอกครับ จัดการเรื่องที่สำนักมารสักหน่อยก่อน ตอนนี้ม่านพลังระหว่างโลกบู๊โบราณกับโลกทั่วไปปรากฏรอยแยกแล้ว ซึ่งอยู่บนท้องฟ้าเหนือสำนักมาร ชี่ทิพย์จำนวนมากของโลกบู๊โบราณ กำลังไหลสู่โลกผ่านรอยแยกเส้นนี้”
“พอมันเป็นเช่นนี้ ไม่นานสำนักมารจะกลายเป็นสถานที่บนโลกที่มีชี่ทิพย์เข้มข้นที่สุด ถึงตอนนั้นผู้แข็งแกร่งแต่ละที่ กลัวว่าจะมาที่สำนักมารเอา”
“สำหรับท่านแล้ว ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุด คือคิดแผนรับมือ ถ้าเกิดผู้แข็งแกร่งชั้นยอดแต่ละที่มาเยือนสำนักมาร สำหรับสำนักมารแล้ว นั่นเป็นหายนะใหญ่มากแน่นอน”
ฟังการวิเคราะห์ของหยางเฉิน สีหน้าของลี่เฉินเคร่งขรึมขึ้นมามากๆ
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ในโลกทั่วไป เพื่อทรัพยากรการฝึกฝนแล้ว ระหว่างนักบูโดล้วนแข่งขันจนเลือดตกยางออกได้ทั้งนั้น ตอนนี้ชี่ทิพย์ของสำนักมารยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานก็จะกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการฝึกฝนของโลกทั่วไป กลุ่มอิทธิพลและผู้แข็งแกร่งมากมายคงจะสนใจสำนักมารเข้า
แค่คาดเดาก็รู้ว่า นักบูโดกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นหลายสิบคน แม้กระทั่งเป็นคนร้อยจะก้าวเข้าสู่สำนักมาร จะนำหายนะมากมายมาให้สำนักมาร
ส่วนวิถีบู๊ของลี่เฉินก็ทะลุสู่แดนนภาแล้ว พันธมิตรพิทักษ์ก็รู้เรื่องแล้วด้วย กลัวว่าคงอีกไม่นานนัก พันธมิตรพิทักษ์จะส่งคนมา จะพาลี่เฉินไปที่โลกบู๊โบราณ
สำนักมารที่สูญเสียลี่เฉิน ยิ่งไม่อาจรับมือนักบูโดชั้นยอดทั่วทั้งโลกทั่วไปได้
หยางเฉินบอกว่า “สำหรับสำนักมารนั้น ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องรวบรวมผู้แข็งแกร่งระดับชั้นยอดที่ต่ำกว่าแดนนภาลงไปกลุ่มหนึ่ง เตรียมรับมือผู้แข็งแกร่งชั้นยอดแต่ละที่ที่จะมาเยือนทุกเมื่อ”
ลี่เฉินพยักหน้า มองทางหยางเฉินแล้วพูดว่า “ที่นายพูดมาไม่ผิด มีเพียงสำนักมารสามารถรวบรวมผู้แข็งแกร่งชั้นยอดกลุ่มหนึ่งได้ ถึงจะปกป้องสำนักมารไว้ได้ ไม่อย่างนั้น รอหลังจากผู้แข็งแกร่งแต่ละที่มาเยือน พื้นที่ของสำนักมาร คงจะถูกเปลี่ยนมือไปแล้ว”
“พื้นที่ของสำนักมาร สืบทอดมาเป็นหลายร้อยปี จะพินาศลงในมือฉันไม่ได้”
หลังหยางเฉินครุ่นคิดครู่หนึ่ง เอ่ยปากบอกว่า “ผมคิดว่า อันดับแรกท่านให้ผู้แข็งแกร่งของสำนักมารเข้ามาดำเนินการฝึกฝนที่สำนักมารได้ บางที ยังสามารถให้นักบูโดสำนักเซิ่งกง เข้ามาดำเนินการฝึกฝนที่สำนักมารได้ด้วย”
ได้ยินสำนักเซิ่งกง สีหน้าลี่เฉินไม่เป็นธรรมชาติเท่าไร
ก่อนหน้านี้เผยเชียนอินผู้นำสำนักเซิ่งกงมาเยือนสำนักมาร เรื่องที่พูดมาเหล่านั้น ล้วนแสดงออกมาระหว่างลี่เฉินและเผยเชียนอินมีความแค้นต่อกัน โดยเฉพาะยังเป็นความแค้นด้านความรู้สึกด้วย
ไม่เหมือนคามิโคโซกับสำนักพิษ พวกเขาอยากจะกำจัดสำนักมารทิ้งจริงๆ และอยากจะฆ่าลี่เฉินทิ้งไปด้วยกันอีก
แต่ว่าเผยเชียนอินไม่เหมือนกัน เธอไม่ได้อยากกำจัดสำนักมารทิ้ง เพียงแค่อยากมาคิดบัญชีแค้นในเรื่องความรู้สึกกับลี่เฉิน กลับมีความหวังให้สำนักเซิ่งกงยืนอยู่สำนักมารทางนี้
ตั้งนาน ลี่เฉินถึงเอ่ยปากบอกว่า “สำนักเซิ่งกง ก็ไม่ต้องหรอก!”
เห็นลี่เฉินไม่มีความหมายอยากอธิบาย หยางเฉินก็ไม่ถามมากเช่นกัน
หลังเงียบงันไปครู่หนึ่ง ลี่เฉินพูดอีกว่า “ฉันจะลองคิดหาวิธีดูอีกที ดูว่าเพิ่มพันธมิตรกลุ่มหนึ่งเข้ามาฝึกฝนในสำนักมารได้อีกไหม เหมือนอย่างที่นายบอก สถานการณ์ที่สำนักมาร ไม่นานจะถูกลือไปทั่วโลก ถึงตอนนั้นผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดที่ต่ำกว่าแดนนภาแต่ละที่คงมายังสำนักมารกัน ถ้าไม่มีผู้แข็งแกร่งชั้นยอดมากเพียงพอเฝ้ารักษา กลัวว่าจะรักษาสำนักมารไม่ไหว”
หยางเฉินหยักหน้า พูดต่อไปว่า “งั้นท่านผู้อาวุโสจัดการเรื่องของสำนักมารก่อน รอจัดการเสร็จแล้ว ค่อยช่วยผมไปรับคนที่เมืองเยี่ยนตู”
ลี่เฉินลุกขึ้นพูดว่า “พอดีเลย ฉันคิดจะไปเยี่ยมเพื่อนคนหนึ่ง ผ่านเมืองเยี่ยนตูพอดี รอตอนที่กลับมา ฉันจะถือโอกาสไปพาคนรับกลับมาให้นาย ถ้านายฟื้นฟูกลับมาได้เร็ว สำหรับสำนักมารแล้ว ยังเป็นกำลังเสริมใหญ่หลวงมาก”
ลี่เฉินพูดจบ จึงออกไปจากห้องลับ
หยางเฉินอยู่ในห้องลับเพียงลำพัง เขาพยายามทุกวิถีทาง ล้วนแล้วแต่ไม่เป็นผลใดๆ ปัจจุบันนี้เหมือนกลายเป็นคนพิการคนหนึ่งแล้วจริงๆ ร่างกายไม่มีความรู้สึกสักนิด เหมือนว่าร่างกายร่างนี้ ไม่ใช่ของตนเอง
ไม่เพียงแค่นี้ อาการบาดเจ็บของเขาก็ไม่มีทางหายเอง และหมายความว่า ถ้าภายในเวลาอันสั้นนี้ไม่อาจหาวิธีรักษาเจอ อาการบาดเจ็บของเขานับวันจะยิ่งร้ายแรง จนกระทั่งร่างกายพังทลาย
นึกถึงตรงนี้ หยางเฉินกังวลใจขึ้นมาอย่างมาก
ในเวลานี้เอง เสียงที่เย็นชาเสียงหนึ่ง ดังขึ้นข้างหูหยางเฉิน “นายน่าจะรู้ว่า ทำไมอาการบาดเจ็บของนายถึงไม่มีทางหายเอง
ได้ยินเสียงนี้เข้า ชั่วขณะนั้นสีหน้าหยางเฉินดูแย่ขึ้นมาแล้ว
เสียงนี้คือที่ออกมาจากในร่างกายเขา คือเสียงที่วิญญาณของเทพมารพูดออกมา
เดิมเขาคิดว่าวิญญาณของเทพมารถูกเขาระงับไว้ กลับนึกไม่ถึงว่า วิญญาณของเทพมารยังอยู่
“ทำไม?”
ถึงแม้โกรธเคือง แต่หยางเฉินยังสงสัยมากว่าร่างกายของตนเองเกิดเรื่องอะไรแล้ว
เทพมารตอบว่า “เพราะเมื่อเทียบกับวิญญาณของฉันแล้ว ระดับความสอดคล้องวิญญาณของฉันกับร่างกายนี้ลึกซึ้งกว่า นอกจากปล่อยให้ฉันมาชี้นำร่างกายนี้ ร่างกายถึงฟื้นฟูได้เร็วขึ้น ที่นี่มีสายมังกร ถ้าใช้แดนของฉัน ขอเพียงควบคุมร่างกายนี้ไว้แล้ว ใช้เวลาไม่นานนัก อาการบาดเจ็บจะฟื้นฟูโดยสมบูรณ์”
“ไม่เพียงแค่นั้น ฉันยังพัฒนาความแกร่งของร่างกายนี้ขึ้นไปได้รวดเร็ว ถึงตอนนั้น อย่าว่าแต่ผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นยอดกระจอกๆ เลย ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นยอด นายก็ฆ่าทิ้งได้ง่ายดาย”
ได้ยินคำพูดของเทพมาร หยางเฉินหัวเราะเยาะ “นี่คือคุณอยากจะหลอกให้ผมยกร่างกายของตัวเองให้คุณสินะ? ถ้าให้คุณควบคุมร่างกายของผมจริงๆ วันหลังบนโลกนี้คงไม่มีหยางเฉิน มีเพียงเทพมารอย่างคุณแล้ว”
พูดอย่างโมโห “พวกต่ำต้อยอย่างนาย คาดไม่ถึงกล้าเหยียดหยามฉันขนาดนี้ นายน่าจะรู้ว่า ช่วงสูงสุดของฉัน ก็เคยเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นเก้าชั้นยอด ถ้าการฝ่าฟันภัยพิบัติไม่ล้มเหลว ร่างกายแตกสลาย ฉันในตอนนี้ แดนบูโดก็เหนือกว่าแดนนภาแล้ว”
หยางเฉินหัวเราะ “คุณพูดแล้วไง นั่นเป็นอดีต คุณในตอนนี้ แม้แต่ร่างกายยังไม่มี ยังอยากจะแย่งชิงร่างกายของรุ่นลูกรุ่นหลานคนหนึ่งอีก ยังไม่มียางอายสักนิดจริงๆ”
“อวดดี!”
ชั่วขณะนั้นเทพมารเดือดดาล หยางเฉินไม่กลัวสักนิด วิญญาณของเทพมารเห็นชัดว่าโดนจำกัดไว้แล้ว ไม่เช่นนั้นเทพมารจะพูดไร้สาระมากขนาดนี้กับตนเองได้อย่างไร? คงยึดครองร่างกายของเขาไปโดยตรงตั้งนานแล้ว
“ดีที่สุดนายพิจารณาให้ชัดเจน ภายในสามวัน ถ้าวิญญาณของนายยังประสานกับร่างกายไม่ได้ ร่างกายนี้ก็จะพินาศถึงที่สุด ถึงตอนนั้น นายก็จะเหมือนกับฉัน เหลือเพียงวิญญาณ”
ไม่นานเทพมารฟื้นกลับมาสงบนิ่ง พูดด้วยเสียงเย็นชา “เพราะวิญญาณฉันยิ่งใหญ่ ดังนั้นจึงใช้รูปแบบของวิญญาณรอดพ้นกาลเวลามาได้ แต่ว่านายต่างออกไป นายแค่พวกต่ำต้อยที่เนื้อหนังฝ่าฟันภัยพิบัติสวรรค์มาเท่านั้น แม้แต่ผู้แข็งแกร่งแดนนภาก็ไม่ใช่ ถ้าไม่มีร่างกายรองรับวิญญาณของนาย ไม่เกินเจ็ดวัน วิญญาณของนายก็จะสลายหายไปจากโลกในที่สุด”
“ฉันแนะนำนายให้พิจารณาดูดีๆ ยอมให้ฉันมายึดครองร่างกายของนาย ปล่อยฉันมาครอบครองร่างกายของนาย ไม่เพียงทำให้ร่างกายของนายฟื้นฟูได้เร็ว ยังรับมือกับวิกฤติอันตรายที่สำนักมารใกล้จะเผชิญอีกด้วย”
“นายลองคิดดู แม้แต่ผู้แข็งแกร่งของพันธมิตรพิทักษ์ ฉันยังไม่กลัว นับประสาอะไรกับพวกต่ำต้อยที่อยู่ต่ำกว่าแดนนภาส่วนหนึ่งของโลกทั่วไป?”
“ขอแค่นายยอมให้ฉันครอบครองร่างกายของนาย ฉันรับรองกับนายได้เลยว่า จะไม่ทำร้ายวิญาณของนายเด็ดขาด และจะไม่ทำร้ายพวกเพื่อนของนายด้วย ฉันเพียงแค่ต้องการร่างกายของนายมาทำให้วิญญาณของตัวเองฟื้นฟูกลับตามเดิม หลังจากวิญญาณฉันฟื้นกลับไปยิ่งใหญ่เพียงพอ ฉันก็จะออกไปจากร่างกายของนาย ถึงตอนนั้น จะคืนร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าเดิมให้นาย เป็นยังไง?”