The king of War - บทที่ 2011 ห้ามทำร้ายเขา
The king of War บทที่ 2011 ห้ามทำร้ายเขา
หยางเฉินหันควับกลับไป เห็นเพียงชายชราในชุดคลุมยาวสีเขียวคนหนึ่ง กำลังยืนเอามือทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้านหลัง ยืนอยู่ตรงหน้าหยางเฉิน ดวงตาที่เย็นเยือกคู่นั้นกำลังจ้องเขม็งมาทางหยางเฉิน
ลี่เฉินแทบจะนำตัวเฝิงเสียวหว่านคุ้มกันอยู่ด้านหลังตนโดยสัญชาตญาณ บนใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความตึงเครียด
“ผู้อาวุโสสี่!”
เมื่อเจียงจ้านมองเห็นผู้มาถึง บนใบหน้าเขาก็มีเพียงความตะลึง
ไป๋หลี่เย่ก็มองไปทางชายชราผู้นั้นด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมแล้วก้มคำนับเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างเคารพนอบน้อม: “ไป๋หลี่เย่กราบคารวะผู้อาวุโสสี่แห่งตระกูลเจียงขอรับ!”
ผู้อาวุโสสี่ตระกูลเจียงในโลกบู๊โบราณล่าง เจียงเผิง
ลมปราณบูโดที่แข็งแกร่งถึงขีดสุดแผ่กระจายออกมาจากตัวเจียงเผิง ท่ัวทั้งยอดเมฆาล้วนถูกลมปราณอันแข็งแกร่งที่แผ่กระจายออกมาจากตัวเจียงเผิงแผ่คลุม
มาตรแม้นว่าเป็นเขตแดนของหยางเฉิน วินาทีนี้ก็ถูกเขตแดนของเจียงเผิงทดแทนไปแล้วเช่นกัน
หยางเฉินยืนอยู่กลางเขตแดนแล้วแบกรับพลังอำนาจที่ใหญ่โตมหึมา
“เจ้าหนู การที่ตระกูลเจียงอนุญาตให้เจ้าเข้าร่วมนั้น เป็นเกียรติและโชคของเจ้า เจ้าไม่ซาบซึ้งในบุญคุณก็แล้วไป แต่เจ้ากลับกล้าประกาศสงครามต่อตระกูลเจียงของข้าอีก ที่เจ้าโอหังเช่นนี้เป็นเพราะเจ้าเป็นเพียงมดตัวจ้อยที่เนื้อหนังฝ่าฟันภัยพิบัติสวรรค์ไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”
เจียงเผิงจ้องเขม็งไปทางหยางเฉินอย่างโกรธเกรี้ยว พลางซักถามด้วยน้ำเสียงตำหนิติเตียนอย่างเยือกเย็น
เสียงเขาเหมือนเสียงฟ้าร้องที่ระเบิดข้างหูหยางเฉิน
หยางเฉินทำเสียงหึเบา ๆ มีคราบเลือดไหลออกจากมุมปาก
เพียงคำพูดเดียวก็สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้ แค่คิดก็พอจะทราบได้แล้วว่าศักยภาพของฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งมากเพียงใด
แม้จะเป็นเช่นนี้ หยางเฉินก็ยังคงไม่เกรงกลัวสิ่งใด จ้องเขม็งไปทางเจียงเผิงพลางพูด: “เป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนนภาแห่งตระกูลเจียงที่สง่าผ่าเผย นี่เจ้ากำลังจะลงมือต่อมดตัวจ้อยในโลกมนุษย์ที่ยังไม่บรรลุสู่แดนนภาอย่างนั้นหรือ?”
หยางเฉินเริ่มสัมผัสได้ถึงระยะความแตกต่างระหว่างตนและฝ่ายตรงข้ามแล้ว
เขาในปัจจุบันมีเพียงเนื้อหนังเท่านั้นที่ฝ่าฟันภัยพิบัติสวรรค์แล้ว แต่ทว่าแดนบูโดยังอยู่กึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นเช่นเคย หากจะให้เปรียบเทียบจริง ๆ เขามีกำลังรบที่เทียบทัดกับผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นเท่านั้น
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่ถือเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาที่แท้จริงคนหนึ่ง
แต่หยางเฉินกลับสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจที่น่าเกรงขามจากตัวเจียงเผิง เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าทันทีที่ต่อสู้กัน เขาไม่มีกำลังแรงที่จะโต้กลับได้เลยด้วยซ้ำ เขตแดนของฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งมากเกินไป เมื่ออยู่กลางเขตแดนของฝ่ายตรงข้ามแล้ว ทำให้หยางเฉินรู้สึกว่าตัวเองเล็กน้อยจนหาที่เปรียบไม่ได้
อย่างน้อยศักยภาพของฝ่ายตรงข้ามก็อยู่ที่แดนนภาขั้นหนึ่งชั้นยอด ยิ่งกว่านั้นคือมีโอกาสอยู่ที่แดนนภาขั้นสองก็เป็นได้
เมื่ออยู่ภายใต้ระยะความต่างที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ หยางเฉินไม่มีวิธีการรับมือด้วยซ้ำ
“หึ!”
เจียงเผิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก: “บัดนี้ ข้าจะให้โอกาสเจ้าเข้าร่วมตระกูลเจียงอีกครั้ง หากเจ้ายินดีเข้าร่วมตระกูลเจียง ข้าสามารถรับเจ้าเป็นศิษย์ได้ ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น เจ้าก็จะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้อาวุโสสี่ในอนาคตของตระกูลเจียงเช่นกัน”
คำพูดดังกล่าวหลุดออกมาจากปาก ใบหน้าทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความตะลึงงัน
เจียงเผิงอยากดึงตัวหยางเฉินเข้าร่วมจนถึงกับใช้ตำแหน่งของผู้อาวุโสสี่แห่งตระกูลเจียงเลยหรือ
ใบหน้าของเจียงจ้านดูเศร้าโศกสิ้นหวังอย่างมาก หากหยางเฉินกลายเป็นผู้อาวุโสสี่แห่งตระกูลเจียงจริง ๆ จากการกระทำที่เขากระทำต่อหยางเฉินอยู่บ่อยครั้ง หยางเฉินไม่มีทางปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
สีหน้าของไป๋หลี่เย่ก็ดูย่ำแย่มากเช่นกัน ตั้งแต่วินาทีที่เขาตัดสินใจร่วมมือกับเจียงจ้านเพื่อลงมือสังหารหยางเฉิน ทุกอย่างก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าหยางเฉินจะยืนอยู่ในจุดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อราชวงศ์ไป๋หลี่
ในตระกูลเจียง ผู้อาวุโสเป็นหนึ่งในผู้ที่มีสิทธิ์และอำนาจสูงที่สุดในตระกูล หากอนาคตหยางเฉินได้สืบสานต่อในตำแหน่งผู้อาวุโสสี่ หยางเฉินต้องยืนอยู่ในจุดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อราชวงศ์ไป๋หลี่อย่างแน่นอน
ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว ทุกคนต่างจ้องมองไปทางหยางเฉินอย่างตื่นเต้น
ใบหน้าลี่เฉินเต็มเปี่ยมไปด้วยความซับซ้อน เขาตระหนักได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทันทีที่หยางเฉินเข้าสู่โลกบู๊โบราณ เขาต้องกลายเป็นผู้ที่กองกำลังใหญ่ ๆ ทั้งหลายในโลกบู๊โบราณต่างแก่งแย่งอย่างแน่นอน เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเร็วเช่นนี้ กองกำลังในโลกบู๊โบราณเริ่มแย่งตัวหยางเฉินแล้ว
แต่ทว่าเขาก็เข้าใจดีเช่นกันว่าจากพรสวรรค์ด้านบูโดของหยางเฉิน ขอเพียงสามารถปักหลักอยู่ในโลกบู๊โบราณ ใช้เวลาไม่นาน เขาก็จะทำให้ทั่วทั้งโลกบู๊โบราณล่างสั่นคลอน กลายเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งชั้นสุดยอดของโลกบู๊โบราณ
หากหยางเฉินเข้าร่วมตระกูลเจียง หลังจากที่พาเขาเข้าไปยังโลกบู๊โบราณแล้ว เขาจะได้รับทรัพยากรการบำเพ็ญเพียรจำนวนมาก ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของหยางเฉินมีเพียงจะรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่หยางเฉินต้องสูญเสียก็มีเยอะมากเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น อิสระ!
ในเมื่อได้ดื่มด่ำกับทรัพยากรการบําเพ็ญเพียรของตระกูลเจียงแล้ว จึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งของตระกูลเจียงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
สภาพจิตใจของลี่เฉินขัดแย้งอย่างมาก เขาไม่อยากให้หยางเฉินเข้าร่วมตระกูลเจียง แต่ทว่าดูจากสถานการณ์ตรงหน้านี้ เข้าร่วมตระกูลเจียงเป็นเพียงทางเลือกเดียวของหยางเฉิน
หากหยางเฉินปฏิเสธ เจียงเผิงต้องกำจัดเขาทิ้งอย่างแน่นอน
ใบหน้าของเฝิงเสียวหว่านดูประหม่ามาก กำหมัดทั้งสองข้างเอาไว้แน่น ๆ บนใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความกังวลใจ
ภายในเวลาชั่วขณะ สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปทางหยางเฉินอย่างพร้อมเพรียงกัน
หยางเฉินจ้องเขม็งไปทางเจียงเผิง จู่ ๆ เขาก็เอ่ยปากพูด: “เข้าร่วมตระกูลเจียงน่ะได้ แต่ทว่าพวกเจ้านำตัวเฝิงเสียวหว่านไปไม่ได้ ต้องให้นางอยู่ในโลกมนุษย์ต่อ แล้วข้าจะไปตระกูลเจียงพร้อมเจ้าเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉินแล้ว เจียงเผิงก็หลุดหัวเราะออกมา: “เจ้าคิดว่าในสายตาของตระกูลเจียง คุณค่าของเจ้าสูงกว่านักปรุงยาคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ?”
ภายในคำพูดของเจียงเผิงมีความเยาะเย้ยที่รุนแรงซ่อนอยู่ กำลังเย้ยหยันความไม่ประมาณตนของหยางเฉิน
สีหน้าของหยางเฉินดูย่ำแย่มาก เดิมทีเขาอยากใช้อิสระของตนแลกกับความปลอดภัยของเฝิงเสียวหว่าน แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าในสายตาของเจียงเผิง ตนกลับไม่มีค่าเท่าเฝิงเสียวหว่าน
หยางเฉินกัดฟันแน่นพลางถาม: “ตกลงต้องทำอย่างไร พวกเจ้าถึงจะยอมปล่อยเฝิงเสียวหว่านไป?”
เจียงเผิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “บัดนี้เจ้ามีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น ทางแรกคือตกลงเข้าร่วมตระกูลเจียง จากนั้นค่อยพาเฝิงเสียวหว่านมุ่งหน้าไปยังตระกูลเจียงพร้อมข้า”
“ทางที่สอง ก็คือหลังจากที่ข้ากำจัดเจ้าทิ้งแล้ว ข้าค่อยพาเฝิงเสียวหว่านกลับตระกูลเจียงอีกที”
เมื่อคำพูดนี้พ้นออกมาจากปาก สีหน้าของหยางเฉินก็เปลี่ยนแปลงไปเพราะความเศร้า
หรือว่าวันนี้ตนต้องตายอยู่ที่นี่จริง ๆ?
แต่ทว่าฝ่ายตรงข้ามยืนหยัดที่จะนำตัวเฝิงเสียวหว่านไป ต่อให้ตัวเองต่อต้าน มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงได้
เขามองไปทางเฝิงเสียวหว่านรอบหนึ่ง
วินาทีนี้เฝิงเสียวหว่านกำลังสบตากับเขาด้วยดวงตาทั้งสองข้างที่แดงเถือก จู่ ๆ นางก็เอ่ยปากพูดว่า: “พี่หยาง หากท่านตายแล้ว ข้าก็จะไม่อยู่ในโลกใบนี้คนเดียวแน่นอน!”
หลังจากพูดจบ นางก็มองเจียงเผิงด้วยสายตาที่โกรธเคืองพลางพูด: “หากเจ้ากล้าทำร้ายพี่หยางแม้แต่ปลายเล็บ ข้าก็จะฆ่าตัวตายทันที!”
จากการที่เสียงของนางดังขึ้น เห็นเพียงในมือนางมีขวดหยดสีขาวปรากฏขึ้นมาหนึ่งขวดตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้
นางเทเม็ดยาสีดำที่ดูอิ่มเอิบและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังออกมาจากขวดหยกสีขาวนั่น จากนั้นนางก็กลืนเม็ดยาดังกล่าวเข้าท้องอย่างไม่ลังเลใจ
“เสียวหว่าน!”
หยางเฉินตะคอกเสียงดังลั่น เขาพยายามยับยั้ง แต่ทว่าทุกอย่างกลับสายไปแล้ว เฝิงเสียวหว่านเตรียมพร้อมตั้งแต่แรกแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถยับยั้งนางได้
สีหน้าของเจียงเผิงหม่นหมองถึงขั้นสุด เขากำลังจ้องเขม็งไปทางเฝิงเสียวหว่าน
ใบหน้าของเฝิงเสียวหว่านดูขาวซีดขึ้นมาในทันที ลมปราณบนร่างกายก็อ่อนแอมากเช่นกัน
นางมองไปทางเจียงเผิงด้วยใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวพลางพูด: “ข้าเพิ่งกินยาที่ข้ากลั่นขึ้นมาเองลงไป ภายในเวลาสิบนาที หากไม่กินยาถอนพิษให้ทันกาล ข้าก็จะตาย! ในเมื่อพวกเจ้าทราบแล้วว่าข้าเป็นนักปรุงยา เช่นนั้นก็ควรทราบว่ายาพิษเม็ดนี้เป็นยาที่ข้ากลั่นขึ้นมาเอง หากจะให้กินยาถอนพิษภายในเวลาสิบนาที ก็มีเพียงข้าเท่านั้นที่มียาถอน”
“หากพวกเจ้าอยากให้ข้าทำงานให้พวกเจ้า เช่นนั้นก็อย่าทำให้พี่หยางต้องรู้สึกลำบากใจ ข้าไปพร้อมกับพวกเจ้าได้ แต่ทว่าข้ามีข้อเรียกร้องเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือห้ามทำร้ายพี่หยาง ไม่เพียงวันนี้เท่านั้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเจ้าอย่าได้ทำร้ายเขาเป็นอันขาด มิเช่นนั้น วันใดที่เขาเป็นอะไรไป วันนั้นก็จะเป็นวันที่ข้าฆ่าตัวตาย!”
ใบหน้าของเฝิงเสียวหว่านเต็มเปี่ยมไปด้วยความเด็ดเดี่ยว ไม่มีผู้ใดสงสัยในคำพูดของนางเลย
หยางเฉินรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก เขาอยากปกป้องเฝิงเสียวหว่าน แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายเขาปกป้องเฝิงเสียวหว่านไม่ได้ ในทางตรงกันข้ามเขากลับถูกเฝิงเสียวหว่านปกป้องซะเอง
สีหน้าของเจียงเผิงดูหม่นหมองถึงขั้นสุด พลังอำนาจที่น่าสยดสยองแผ่กระจายออกมาจากตัวเขา และแผ่คลุมไปทางหยางเฉิน
เจียงเผิงจ้องเขม็งไปทางเฝิงเสียวหว่านพลางถาม: “นี่เจ้ากำลังข่มขู่ข้าอยู่หรือ?”
เฝิงเสียวหว่านไม่แสดงความอ่อนข้อออกมาเลยแม้แต่น้อย สบตากับเจียงเผิงพลางตอบกลับอย่างเด็ดเดี่ยว: “ข้ากำลังข่มขู่เจ้านี่แหละ! หากเจ้าไม่เชื่อ ก็ลองดูได้เลย!”
เจียงเผิงโกรธเกรี้ยวจนควบคุมตัวเองไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะฆ่าเฝิงเสียวหว่านทิ้ง แต่เขาเข้าใจคุณค่าของเฝิงเสียวหว่านดีมาก
หยางเฉินกำหมัดทั้งสองข้างแน่น เล็บจิกลงกลางฝ่ามือจนทะลุ เลือดสีแดงสดไหลออกมาตามซอกนิ้ว แต่เขากลับไม่มีความรู้สึกใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ไฟโกรธที่อยู่ในใจลุกโชนขึ้นไปถึงขีดสุด
เขาอยากปกป้องทุกคนที่อยู่รอบกายตน แต่สุดท้ายแล้วตนกลับปกป้องผู้ใดไม่ได้เลย
ปัจจุบันเจียงหนวี่ถูกเขาซ่อนอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง ยังไม่ทันพบหน้าพวกนาง เฝิงเสียวหว่านก็จะถูกผู้อื่นใช้อำนาจบีบบังคับนำพาไปจากข้างกายเขาอีก เขาจึงรู้สึกเสียใจและอึดอัดใจมากจริง ๆ
ศักยภาพ!
ศักยภาพก็ยังไม่มากพออยู่ดี!
หากเขามีศักยภาพที่สูงมากพอ เจียงเผิงจะทำอะไรเขาได้ล่ะ?
“หึ!”
และในเวลานี้เอง ก็มีเสียงดูถูกเหยียดหยามดังขึ้นมาในสมองหยางเฉิน: “แค่มดตัวจ้อยแดนนภาขั้นสองชั้นกลางกระจอก ๆ หากให้ข้าลงมือ การฆ่ามันก็ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าหมา!”