The king of War - บทที่ 2018 ความน่าเกรงขามของเทพมาร
The king of War บทที่ 2018 ความน่าเกรงขามของเทพมาร
ในบรรดาผู้แข็งแกร่งจากพันธมิตรพิทักษ์ทั้งสิบคนนี้ ยังมีเงาร่างที่คุ้นเคยอีกร่างหนึ่ง ซึ่งก็คือซือคงที่เคยมีเรื่องกับหยางเฉินครั้นเมื่ออยู่ในสำนักมารบนภูเขามารนั่นเอง
“ผู้อาวุโสสาม จิตวิญญาณของเทพมารอยู่ในร่างกายมัน ก่อนหน้านี้ครั้นเมื่ออยู่ในสำนักมารบนภูเขามารแห่งโลกมนุษย์ ตัวการสำคัญที่ทำให้ม่านพลังแตกร้าวก็คือมัน!”
ซือคงใช้นิ้วชี้มาทางหยางเฉินพลางพูดด้วยใบหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความพิโรธ
ผู้ที่ซือคงเรียกแทนว่าผู้อาวุโสสามนั้น ต้องเป็นผู้อาวุโสสามของสหภาพพันธมิตรพิทักษ์ในโลกบู๊โบราณล่างอยู่แล้ว
ผู้อาวุโสสามจากสหภาพพันธมิตรพิทักษ์พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นหยางเฉิน หรือจิตวิญญาณของเทพมารกำลังยึดครองเนื้อหนังร่างนี้ วันนี้ พวกเจ้าต้องตาย!”
พลังอำนาจที่น่าสยดสยองแผ่คลุมร่างหยางเฉินเอาไว้
หยางเฉินหลุดหัวเราะออกมา: “เป็นเพียงมดตัวจ้อยแดนนภาขั้นสามชั้นต้นกระจอก ๆ ก็บังอาจวิจารณ์อย่างโอหังต่อหน้าข้าอย่างนั้นหรือ? อย่าว่าแต่มดตัวจ้อยอย่างพวกเจ้าเลย ต่อให้เป็นหัวหน้าสมาคมพันธมิตรพิทักษ์ ข้าก็ไม่นำมันมาไว้ในสายตา”
ผู้อาวุโสสามจากสหภาพพันธมิตรพิทักษ์โกรธเกรี้ยวขึ้นมาในทันที ก่อนจะตะคอกเสียงดังลั่น: “สามหาว! บังอาจสบประมาทเหยียดหยามหัวหน้าสมาคมพันธมิตรพิทักษ์ของข้า เพิ่งบทลงโทษอีกหนึ่งขั้น เป็นโทษประหาร!”
หยางเฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “อย่าพูดคำพูดไร้สาระให้มันมากนัก หากจะสู้ก็สู้ซะ ข้าจักอยู่จนสุดทางเอง!”
พอสิ้นเสียง ออร่าบู๊ที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่ก็ระเบิดออกมาจากร่างเขา พุ่งตรงไปทางผู้อาวุโสสามจากสหภาพพันธมิตรพิทักษ์โดยตรง
แต่ทว่าพลังออร่าของฝ่ายตรงข้ามคือแดนนภาขั้นสามชั้นต้น ส่วนหยางเฉินกลับระเบิดพลังออร่าของแดนนภาขั้นสองชั้นต้นออกมาเท่านั้น
ซึ่งห่างกันหนึ่งแดนบูโดใหญ่
“หึ!”
หลังจากผู้อาวุโสสามจากสหภาพพันธมิตรพิทักษ์สัมผัสได้ถึงลมปราณบนร่างกายหยางเฉินแล้ว เขาก็หัวเราะอย่างเย็นเยือก: “มาตรแม้นว่าอดีตเทพมารอย่างเจ้าจะรุ่งโรจน์มากเพียงใด ปัจจุบันก็ทำได้เพียงใช้จิตวิญญาณสถิตอยู่ในร่างมนุษย์ในโลกมนุษย์มิใช่หรือ? แค่ศักยภาพแดนนภาขั้นสองชั้นต้น ก็คิดที่จะสู้กับข้าสิงจี๋อย่างนั้นหรือ? คุณสมบัติของเจ้าน่ะยังมีไม่เพียงพอ!”
หลังจากพูดจบ สิงจี๋ก็กำชับต่อคู่แข่งที่มีศักยภาพแดนนภาขั้นสองชั้นต้นที่อยู่ข้าง ๆ ว่า: “เหล่าเฉิน เจ้าลุยเลย!”
“ขอรับ!”
เหล่าเฉินเดินออกมาจากกลุ่มคน
เวลานี้ ก็มีลมปราณอันน่าสยดสยองของผู้แข็งแกร่งย่างกรายมาถึงอีกหลายร่าง ทุกคนล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภา ผู้แข็งแกร่งที่เป็นผู้นำยิ่งมีศักยภาพอยู่ที่แดนนภาขั้นสามชั้นต้น
“ปรมาจารย์กู่ ท่านมาแล้วหรือ!”
เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้ สิงจี๋จึงรีบเดินเข้าไปพูดกับผู้แข็งแกร่งที่เป็นผู้นำ ภายในน้ำเสียงมีความเคารพนอบน้อมปนอยู่เล็กน้อย
ในโลกบู๊โบราณ ตำแหน่งของปรมาจารย์ค่ายกลนั้นสูงมาก ๆ โดยเฉพาะปรมาจารย์กู่ที่อยู่ตรงหน้านี้ เขาเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นต้นคนหนึ่งตั้งแต่แรกอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นปรมาจารย์ค่ายกลคนหนึ่งด้วย ตำแหน่งของเขาที่อยู่ในโลกบู๊โบราณล่างจึงสูงมาก ๆ
ปรมาจารย์กู่ผงกหัวเบา ๆ แล้วเอ่ยปากพูด: “ผู้อาวุโสสาม ข้าได้เรียกปรมาจารย์ค่ายกลที่มีศักยภาพตั้งแต่แดนนภาขั้นสองชั้นต้นมารวมตัวกันหมดแล้ว”
สิงจี๋พยักหน้า แล้วแหงนหน้าขึ้นไปมองรอยร้าวม่านพลังที่ขยายใหญ่จนกว้างกว่าสองพันตารางเมตรบนนภา พลางพูดด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด: “ปรมาจารย์กู่ เรื่องการซ่อมแซมม่านพลังนั้น ฝากท่านจัดการต่อด้วยนะขอรับ!”
ใบหน้าของปรมาจารย์กู่เต็มไปด้วยความกดดัน เขาเอ่ยปากตอบกลับ: “ข้ายังไม่เคยซ่อมแซมรอยร้าวม่านพลังที่กว้างใหญ่เช่นนี้มาก่อน คงทำได้เพียงทุ่มสุดกำลังสามารถ ทางที่ดียังต้องขอให้ผู้อาวุโสสามเตรียมใจไว้ด้วยจะดีกว่า”
เมื่อได้ยินคำพูดของปรมาจารย์กู่แล้ว สภาพจิตใจของสิงจี๋ก็ดิ่งลงไปในทันที
ในโลกบู๊โบราณล่าง ปรมาจารย์กู่เป็นปรมาจารย์ค่ายกลที่เก่งกาจมากที่สุด หากแม้กระทั่งปรมาจารย์กู่ยังไม่สามารถซ่อมแซมม่านพลังนี้ได้ เกรงว่าโลกบู๊โบราณล่างและโลกมนุษย์คงจะผสมรวมกันเป็นหนึ่งโดยสิ้นเชิงจริง ๆ
สิงจี๋ตอบกลับ: “เช่นนั้นก็ฝากฝังให้ปรมาจารย์กู่ด้วยนะขอรับ!”
ปรมาจารย์กู่พยักหน้าเบา ๆ จากนั้นเขาก็โบกมือทีหนึ่งแล้วออกมาคำสั่ง: “จัดวางค่ายกล!”
ภายในเวลาชั่วพริบตา ปรมาจารย์ค่ายกลที่มีศักยภาพตั้งแต่แดนนภาขั้นสองชั้นต้นสิบกว่าคนก็เริ่มจัดวางค่ายกล วางแผนที่จะซ่อมแซมรอยร้าวม่านพลัง
ดวงตาอันเฉียบคมของสิงจี๋กำลังจ้องเขม็งไปทางหยางเฉิน พลางกัดฟันพลางพูด: “วันนี้ข้าจะใช้ชีวิตของเทพมารอย่างเจ้า มาชดใช้ม่านพลังที่แตกร้าว จนส่งผลให้โลกบู๊โบราณล่างได้รับความเสียหายอย่างมากเพราะเจ้า”
หลังจากพูดจบ เขาก็โบกมือทีหนึ่งแล้วตะคอกเสียงดัง: “ลงมือ!”
เท้าของเหล่าเฉินขยับ ก่อนจะพุ่งตรงไปทางหยางเฉินภายในเสี้ยววินาที
“ฆ่า!”
เหล่าเฉินตะคอกเสียงดัง ง้างมือขึ้นแล้วโจมตีไปทางหยางเฉิน
หยางเฉินทำเสียงหึอย่างเยือกเย็น มองดูเหล่าเฉินที่พุ่งมาฆ่าตนด้วยใบหน้าที่เหยียดหยาม พลางพูดอย่างสบาย ๆ ว่า: “เพิ่มสิบเท่า!”
เสี้ยววินาทีที่สิ้นเสียงเขา จู่ ๆ ร่างกายของเหล่าเฉินที่เร็วปานสายฟ้าก็แข็งทื่ออยู่กับที่
“ตู้ม!”
วินาทีต่อไป ร่างกายของเหล่าเฉินก็หมอบลงบนพื้นอย่างรุนแรง
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนตะลึงงันไปหมด
หยางเฉินยืนอยู่กับที่ ยังไม่ขยับไปที่ใดด้วยซ้ำ เพียงพูดคำว่า“เพิ่มสิบเท่า”อย่างสบาย ๆ เหล่าเฉินก็หมอบลงบนพื้นภายในเสี้ยววินาทีเดียว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทุกคนต่างตกอยู่ในความรู้สึกช็อก เห็นเพียงหยางเฉินยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมากะทันหัน แล้วย่ำลงบนพื้นอย่างเต็มแรง
“ปัง!”
แผ่นดินสั่นสะเทือนทันที
“แคว็กแคว็กแคว็ก!”
เสียงที่ใสและไพเราะเพราะกระดูกแตกหักดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“อ๊ากก……”
เหล่าเฉินกรีดร้องโหยหวนอย่างทุกข์ทรมาน เสียงแหลมที่น่าเวทนานี้ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกขนหัวลุกซู่
ไม่นานนัก เสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาของเหล่าเฉินก็เงียบลงกะทันหัน เห็นเพียงมีเลือดไหลออกมาจากช่องทั้งเจ็ดของเขา นอนนิ่งอยู่บนพื้น ตายตาไม่หลับ
“นี่มัน……”
ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุล้วนตะลึงงันโดยสิ้นเชิง แม้กระทั่งสิงจี๋ก็เบิกตากว้างเช่นกัน ใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความเหลือเชื่อ
หยางเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “เป็นเพียงมดตัวจ้อยกระจอก ๆ ก็บังอาจทำตัวโอหังต่อหน้าข้าอย่างนั้นหรือ?”
“มันคือเขตแดนแรงโน้มถ่วง!”
ทันใดนั้น ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งในพันธมิตรพิทักษ์ก็พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดผวา: “สิบเท่าที่มันหมายถึงคือแรงโน้มถ่วงที่อยู่ในเขตแดนของมันเพิ่มขึ้นสิบเท่า! เหล่าเฉินถูกแรงโน้มถ่วงที่ผุดขึ้นมากะทันหันบดขยี้จนกระดูกทั้งร่างกายแตกสลาย เหล่าเฉินตายเพราะการบดขยี้จากแรงโน้มถ่วงของเทพมาร”
เขตแดนแรงโน้มถ่วงเป็นเขตแดนที่สร้างชื่อเสียงให้กับเทพมารในตำนาน เมื่ออยู่ภายในเขตแดนของเทพมาร แรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวสามารถสังหารผู้คนได้โดยที่ไม่ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด
เหล่าเฉินอยู่แดนนภาขั้นสองชั้นต้น และเทพมารที่อาศัยร่างกายของหยางเฉิน ก็ระเบิดศักยภาพที่เทียบเท่ากับแดนนภาขั้นสองชั้นต้นออกมาเช่นกัน เมื่ออยู่ภายใต้แดนเดียวกัน เหล่าเฉินถึงขั้นถูกจิตวิญญาณของเทพมารบดขยี้จนตายในทันที
แค่คิดก็พอจะทราบได้แล้วว่า ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันกระทบต่อผู้แข็งแกร่งพันธมิตรพิทักษ์มากเพียงใด
สายตาหยางเฉินกวาดมองผู้คนในพันธมิตรพิทักษ์ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก: “วันนี้ ข้าจักไม่ฆ่าพวกเจ้า มาทางใด ก็ไสหัวกลับไปทางนั้นซะ มิเช่นนั้นก็อย่าโทษหากข้าฆ่าล้างพวกเจ้าทุกคน”
พอสิ้นเสียงเขา ขอบเขตเขตแดนของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นภายในพริบตา แผ่คลุมผู้แข็งแกร่งพันธมิตรพิทักษ์ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ แรงโน้มถ่วงเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัวภายในชั่วพริบตาเดียว
เพลงแรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว ก็ทำให้ผู้แข็งแกร่งพันธมิตรพิทักษ์ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่แล้ว
พวกเขาต่างบำเพ็ญตนอยู่ภายใต้แรงโน้มถ่วงทั่วไป พลังอำนาจจากแรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้นกะทันหันนี้ ทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัว
บัดนี้แรงโน้มถ่วงเพิ่มขึ้นเพียงหนึ่งเท่าเท่านั้น หากเทพมารระเบิดแรงโน้มถ่วงออกมาสิบเท่า จุดจบของพวกเขาจะเป็นดั่งเหล่าเฉินหรือไม่?
ถึงแม้จะสามารถแบกรับแรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวได้ แต่ทว่าเมื่ออยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีแรงโน้มถ่วงมากมายมหาศาลเช่นนี้ ความสามารถในทุก ๆ ด้านของพวกเขาจะถูกตัดทอนให้อ่อนลง เมื่ออยู่ภายในเขตแดนของหยางเฉิน พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรจากเนื้อปลาบนเขียงเลยมิใช่หรือ? ถูกเทพมารทำร้ายอย่างเต็มที่
วินาทีต่อไป จู่ ๆ เขตแดนแรงโน้มถ่วงก็หาบไป เหล่าผู้แข็งแกร่งจากพันธมิตรพิทักษ์ถึงจะสัมผัสได้ว่าพลังอำนาจลดฮวบลงไปภายในชั่วพริบตาเดียว รู้สึกดีขึ้นมามาก
ทุกคนล้วนเหงื่อแตกท่วมตัว
หยางเฉินใช้นิ้วชี้หน้าตัวเองแล้วเอ่ยปากพูดอีกว่า: “จำคนคนนี้เอาไว้ เขาเป็นศิษย์ของเทพมารอย่างข้า ศักยภาพของเขาเพิ่งบรรลุสู่แดนนภาเท่านั้น ข้ารู้อยู่ว่าพวกเจ้าทุกคนล้วนอยากฆ่าเขา ข้าอนุญาตพวกเจ้าลงมือต่อเขาได้อยู่ แต่ทว่าจำกัดเพียงนักบูโดที่อยู่ต่ำกว่าแดนภาขั้นสองชั้นยอดเท่านั้น หากมีนักบูโดที่อยู่สูงกว่าแดนภาขั้นสองชั้นยอดบังอาจลงมือต่อเขา ข้าจะลงมือสังหารคนคนนั้นด้วยตัวข้าเอง!”
พอสิ้นเสียง เขาก็ยกเท้าขึ้นมากะทันหัน แล้วย่ำเท้าลงมาอย่างรวดเร็ว
“ปังปังปัง!”
พื้นดินระเบิดแตกออกเป็นสองส่วนทันที รอยแตกที่ยาวประมาณหนึ่งเมตรแตกร้าวไปทางเหล่าผู้แข็งแกร่งจากพันธมิตรพิทักษ์
“ผึง!”
ถัดจากนั้น ทุกคนมองเห็นอย่างช็อกว่าสิงจี๋ที่มีศักยภาพแดนภาขั้นสามชั้นต้น ถูกรอยร้าวที่แตกแยกออกไปอย่างต่อเนื่องนั่นกระแทกจนถอยหลังกลับไปเจ็ดแปดก้าว