The king of War - บทที่ 2067ตราประทับวิถีมาร
ได้ยินที่หยางเฉินพูดมา หลิ่วหรูเอียนถึงกับอึ้งเงียบ
ก็เป็นอย่างที่หยางเฉินว่า หล่อนกับฉีอิงเว่ยต่างก็เป็นจอมคนบูโดชั้นยอดในโลกบู๊โบราณล่าง ย่อมแน่นอนต้องรู้ว่าฉีอิงเว่ยเป็นคนแบบไหน ถ้าวันนี้หยางเฉินปล่อยฉีอิงเว่ยไป วันข้างหน้าฉีอิงเว่ยจะต้องกลับไปแก้แค้นแน่นอน
ตู้จ้งถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ไม่ได้พูดปรามอะไร
ในขณะนั้น อานุภาพมารที่ใหญ่มากกระแสหนึ่ง แผ่กระจายออกมาจากตัวของหม่าชาว ตรงเข้าครอบคลุมฉีอิงเว่ยกับฉีอิงเสว่ไว้
ทั้งสองคนได้สัมผัสถึงพลังกดดันที่มาจากหม่าชาว สีหน้าต่างก็ซีดเผือดลง พวกเขารู้สึกการหายใจเริ่มมีอาการติดขัด
หม่าชาวเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “พี่เฉิน ผมลงมือเอง!”
หยางเฉินไม่ได้ตอบรับในทันทีนั้น หันกลับมองไปที่ฉีอิงเว่ย มองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไร
ไม่มีคำสั่งจากหยางเฉิน หม่าชาวก็ไม่ลงมือทำอะไรลงไปอย่างบุ่มบ่าม
เห็นหม่าชาวถึงขนาดต้องดูหยางเฉินเป็นผู้ชี้นำ พวกหลิ่วหรูเอียนก็รู้สึกตื่นผวาอยู่ในใจ
ถึงแม้พวกเขารับรู้อยู่ว่า พลังฝีมือที่หยางเฉินแสดงออกมาก่อนหน้านี้ ก็คือฝีมือระดับเดียวกับพวกเขา แต่นั่นก็เป็นแค่เพียงการคาดเดา ยังไงก็ยังมีข้อน่าสงสัยอยู่
แท้จริงแล้ววิญญาณเทพมารที่อยู่ในตัวของหยางเฉิน ถ้าเกิดว่าวิญญาณเทพมารนั้นบาดเจ็บสาหัสอยู่ แล้วไม่สามารถสำแดงพลังฝีมืออย่างต็มร้อยได้หละ?
แน่นอน ทั้งนั้นและทั้งนี้ล้วนเป็นเรื่องของการคาดเดา
แต่พลังการต่อสู้ที่หม่าชาวสำแดงออกเมื่อครู่นี้ นั่นแหละเป็นพลังฝีมือแท้จริงของเขาแน่ ๆ
หม่าชาวเก่งกาจถึงขนาดนี้แล้ว ยังกลับต้องฟังคำสั่งของหยางเฉิน มันเป็นเรื่องเหนือความคาดคิดเลยทีเดียว
ในใจของฉีอิงเว่ยกับฉีอิงเสว่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผู้แข็งแกร่งระดับแดนนภาขั้นสองชั้นต้นสองคน อีกเจ็ดผู้แข็งแกร่งระดับแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นยอด ยังตายหมด
ไม่มีผู้อารักขาพวกนี้มาคอยปกป้อง พวกเขาอยู่ต่อหน้าหยางเฉินกับหม่าชาว ก็เป็นเหมือนแค่มดปลวก
หลังจากอึ้งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ สายตาที่หนาวเยือกของหยางเฉินก็มองมาที่ตัวฉีอิงเว่ย พูดเสียงเย็นชาว่า “บอกเหตุผลที่ทำให้ข้าเห็นสมควรปล่อยเจ้าไปสักอย่างซิ”
เขาได้คิดคำนวณชัดเจนแล้ว การจะฆ่าฉีอิงเว่ยกับฉีอิงเสว่ทิ้งนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะใช่
เขากับหม่าชาวออกพ้นจากที่นี่ไปนั้นได้อยู่ แต่สำนักบู๊ไปไหนไม่ได้
ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็จำต้องหาวิถีทางหักมุมสักอย่าง อย่างน้อยต้องเป็นหลักประกันไม่ให้สำนักบู๊ต้องถูกกดดัน
ฉีอิงเว่ยกับฉีอิงเสว่รู้สึกดีใจขึ้นมาในทันที คำพูดนี้ของหยางเฉิน เป็นนัยที่เปิดมา ว่าจะปล่อยพวกเขาไปได้
“แกคิดจะเอาอะไร?”
ฉีอิงเว่ยกัดฟันถาม
เป็นถึงจอมคนบูโดชั้นยอดในโลกบู๊โบราณล่าง ทายาทสืบทอดของบ้านตระกูลฉีในอนาคต กลับถูกเจ้าเด็กหนุ่มโลกมนุษย์บีบบังคับ สำหรับเขาแล้ว เป็นเรื่องอัปยศอย่างมหันต์
แต่ทำยังไงได้ ขณะนี้ที่นี่ เขาหมดปัญญา ได้แต่โอนอ่อนผ่อนตามหยางเฉินทั้งหมด
แววตาหยางเฉินทอประกายหนาวเฉียบ กระแสกดดันมหาศาลระเบิดออกจากตัวของเขา ตรงเข้าครอบงำฉีอิงเว่ย
“ปึง!”
เข่าทั้งคู่ของฉีอิงเว่ยเหมือนได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ทรุดคุกเข่าลงกับพื้นในทันที
ตามมากับเสียงดังลั่นของเข่ากระแทกพื้น ผิวพื้นตรงจุดนั้นยุบลงเห็นเป็นหลุมรอยของหัวเข่าทั้งสองข้าง
“พี่ (ชาย) !”
สีหน้าฉีอิงเสว่เปลี่ยนไปในฉับพลัน ตะโกนลั่นออกไป
ตาทั้งคู่ของฉีอิงเว่ยแดงก่ำ ความเจ็บปวดของผู้แข็งแกร่งที่ต้องคุกเข่า จ้องหน้าหยางเฉินด้วยสีหน้าโหดดุ กัดฟันพูดว่า “แกจะเอาอะไรกันแน่?”
พวกหลิ่วหรูเอียนต่างพากันตะลึงงง ไม่เห็นว่าหยางเฉินลงมือ แต่กลับทำเอาฉีอิงเว่ยทรุดคุกเข่าลงกับพื้นได้
พวกเขาให้รู้สึกสัมผัสถึง ความกดอากาศรอบข้าง ดูเหมือนเพิ่มหนักขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ
เมื่อครู่ก่อนนี้ที่หยางเฉินสังหารสองผู้พิทักษ์แดนนภาขั้นสองของบ้านตระกูลฉี ตอนที่ฝ่ายตรงข้ามโจมตีใส่เขานั้น ก็โดนเอาแรงหนักขนาดเท่าทวีคูณนี้จนถึงตาย
พลังฝีมือฉีอิงเว่ยก็แค่เพียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด ไหนเลยจะทานพลังแรงอัดอย่างหนักที่หยางเฉินปล่อยออกมาได้
หยางเฉินมองไปที่ฉีอิงเว่ยอย่างหนาวเยือกพูดว่า “ข้าถามแกอีกครั้ง จะเอาอะไรมาแลกกับชีวิตของแก ไม่ใช่ให้ข้าบอกแกว่าอยากได้อะไร”
ตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรของโลกบู๊โบราณล่างมากนัก และก็ไม่รู้ได้ว่าไอ้เจ้าคุณชายใหญ่สายตระกูลบูโดฉีอิงเว่ยคนนี้ จะมีของอะไรแบบไหน
ฉะนั้นเขาจึงได้ให้ฉีอิงเว่ยบอกเองว่าจะใช้อะไรมาแลกกับชีวิตของเขา
ฉีอิงเว่ยกัดฟันพูดไปว่า “ข้าเป็นถึงคุณชายใหญ่บ้านตระกูลฉี แกทำอย่างนี้กับข้า แกไม่คิดกลัวตระกูลฉีจะแก้แค้นหรือ?”
“บรึม!”
มาคราวนี้ กระแสน้ำหนักที่บ้าคลั่งยิ่งขึ้นบดขยี้ใส่ลงไปบนตัวฉีอิงเว่ย ฉีอิงเว่ยคงไม่สามารถคงในสภาพคุกเข่าอยู่ได้อีก ทั้งตัวฟุบลงไปกับพื้น
สภาพที่เห็นตัวเขาก็คือทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ไม่สามารถเห็นชัดในแต่ละส่วนบนใบหน้าแล้ว
หยางเฉินพูดไปด้วยเสียงเย็นเยือก “ขืนยังจะพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเดี๋ยวนี้!”
เห็นสภาพสุดแสนน่าสมเพชของฉีอิงเว่ยแล้ว ฉีอิงเสว่ร้อนรนใจจนจะร้องไห้แล้ว รีบหันหน้ามองหยางเฉินร้องขอไปว่า “ขอร้องคุณปล่อยพี่ชายข้าเถอะ อย่าได้ทรมานเขาเลย”
พวกหลิ่วหรูเอียนต่างก็ถูกพฤติกรรมของหยางเฉินก็ทำเอาสะท้านสะเทือนใจกันด้วย
หยางเฉินไม่ใส่ใจกับฉีอิงเสว่ แต่มองไปที่ฉีอิงเว่ยพูดว่า “ให้เวลาแกหนึ่งนาที เอาของที่แกมีอยู่ทั้งหมดส่งออกมา ไม่งั้น ตาย!”
ฉีอิงเว่ยในเวลานี้ โดนขย่มจนขวัญแตกกระเจิงแล้ว
สัมผัสได้กับกระแสจิตที่ตั้งใจฆ่าเขาแล้ว เขาไม่กล้าพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก รีบถอดเอาแหวนที่สวมนิ้วอยู่ออกมา
หลังจากนั้น เขาก็ยังหันไปที่ฉีอิงเสว่พูดตะคอกใส่ไปว่า “เอาแหวนกำนัลของแกออกมาสิ!”
ฉีอิงเสว่จึงตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียดาย แล้วก็ถอดเอาแหวนของตัวเองออกมา
“นี่เป็นของที่ข้าสองพี่น้องมีอยู่แล้ว”
ฉีอิงเว่ยรีบนำเอาแหวนสองชิ้นนี้ ส่งมอบให้กับหยางเฉินแล้วพูด
หยางเฉินขมวดคิ้วย่น เขาไม่รู้ว่าแหวนสองวงนี้มันจะไปใช้อะไรได้
ส่วนพวกหลิ่วหรูเอียนได้เห็นฉีอิงเว่ยได้เอาแหวนกำนัลของตัวเองมอบให้กับหยางเฉินแล้ว ต่างก็สะท้านสะเทือนใจกัน
ในสายตาของเขานั้นยังมีความร้อนแรงอยู่บ้าง
หยางเฉินถึงแม้จะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับแหวนกำนัลสองวงนี้ แต่ก็พอจับจุดได้จากปฏิกิริยาของพวกหลิ่วหรูเอียน
ขณะนั้นเอง ตู้จ้งก็เดินเข้ามา กระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูหยางเฉินว่า “แหวนกำนัลนี้เป็นของวิเศษที่ล้ำค่าหายากมากในโลกบู๊โบราณล่าง มีแต่พวกคนระดับสำคัญสุดยอดในสายตระกูลบูโด จึงจะมีหวังได้ครอบครอง”
“แหวนกำนัลพวกนี้ ยังถูกเรียกว่าแหวนรวมสมบัติผู้ที่สวมใส่แหวนนี้จะนำของวิเศษที่มีอยู่ในตัว เก็บรวมอยู่ในนี้ทั้งหมด”
ได้ยินที่ตู้จ้งอธิบาย หยางเฉินก็ยังถึงกับตาลุกวาวในทันที
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องความวิเศษมหัศจรรย์ของแหวนนี้
ถ้าเป็นไปอย่างที่พูดนี้ แหวนกำนัลของฉีอิงเว่ยกับฉีอิงเสว่ ก็ได้รวมของวิเศษของพวกเขาไว้ทั้งหมดแล้วงั้นสิ?
“ไสหัวไปได้แล้ว!”
หยางเฉินรับแหวนกำนัลเก็บขึ้น ตวาดใส่ไปที่คนทั้งสอง
พอได้ยินดังนั้น ทั้งสองเหมือนได้รับการอภัยโทษด้วยกรณีพิเศษ หันหลังกลับแล้วจะรีบออกไป
“รอเดี๋ยว!”
ในขณะนั้นเอง หม่าชาวก็ได้ตะโกนออกมาในทันใด
ทั้งสองสั่นสะท้านขึ้นมาทั้งตัว หยุดลงมาด้วยสีหน้าซีดเผือด
หยางเฉินก็ฉงนใจอยู่บ้าง
แต่ที่หม่าชาวจู่ ๆ ก็ตะโกนสั่งพวกเขาให้หยุด ก็คงต้องมีความมุ่งหมายอะไรของเขาอยู่เป็นแน่
มองดูหม่าชาวค่อย ๆ เดินเข้าไปหาทั้งสองทีละก้าว
ฉีอิงเว่ยพูดไปทั้งที่สั่นไปทั้งตัวว่า “แกจะทำอะไร?”
หม่าชาวไม่ได้ไปสนใจ ยื่นนิ้วชี้ออกไปในฉับพลัน จี้ลงไปที่หว่างคิ้วของฉีอิงเว่ย
นาทีนั้นเอง กระแสคลื่นวิญญาณที่แข็งแกร่ง กระจายแผ่ออกมาจากตัวของหม่าชาว
ภาพที่เห็นคือสีหน้าของฉีอิงเว่ยซีดเผือดลงอย่างสุด ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเป็นที่สุด ร่างกายเหมือนถูกตรึงไว้ในกรอบอยู่กับที่ ไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อย
“ข้าได้ฝังตราประทับวิถีมารไว้ในสมองเจ้าแล้ว วันหลัง ถ้าหากคนบ้านตระกูลฉีกล้มาวุ่นวายกับพวกข้า ข้าก็จะขับไสตราประทับวิถีมารนี้ เวลานั้น ตราประทับวิถีมารจะระเบิดขึ้นในสมองของเจ้า ส่วนเจ้านั้นถึงจะฟลุ๊ครอดชีวิต แต่ก็จะกลายเป็นคนปัญญาอ่อน”
หม่าชาวพูดด้วยสีหน้าเย็นชืด พูดจบ เขาก็หันหลังเดินกลับไปยืนอยู่ข้างหยางเฉิน