The king of War - บทที่ 2068 ยอมรับอย่างที่สุด
สีหน้าหยางเฉินแสดงออกถึงความสนเท่ห์อย่างมาก ไม่คิดว่าหม่าชาวยังมีวิชาฝังตราประทับวิถีมารใส่ไว้ในสมองมนุษย์ได้ด้วย
แต่เมื่อคิดถึงสถานะของหม่าชาวในปัจจุบัน หยางเฉินก็ยังพอเข้าใจได้
ถึงยังไงหม่าชาวก็เป็นทายาทมารของพรรคมาร ได้รับการถ่ายทอดวิชามารของแท้บริสุทธิ์ ลูกเล่นเล็ก ๆ แบบนี้ สำหรับเขาแล้ว เป็นเพียงของเล่นง่าย ๆ เท่านั้น
ฉีอิงเว่ยพอได้ยินที่หม่าชาวพูด สั่นเทิ้มขึ้นมาทั้งตัว สีหน้าขาวซีด เขาตั้งใจอยู่แล้วว่ากลับไปถึงบ้านตระกูลฉี ก็จะจัดการหาคนมาแก้แค้น คิดไม่ถึงว่า หม่าชาวกลับฝังตราประทับวิถีมารใส่ในหัวสมองเขาไว้แล้ว
“แกจะข่มเหงกันมากไปแล้ว!”
ฉีอิงเว่ยพูดเสียงเครียดแบบแทบจะกัดฟัน
ตัวเป็นถึงว่าที่ผู้สืบทอดบ้านตระกูลฉี กลับมาโดนสบประมาทจากพวกคนโลกมนุษย์ (สามัญ) ซ้ำยังทำกันต่อหน้าพวกหลิ่วหรูเอียน เขาจึงรู้สึกโกรธเป็นอย่างหนัก
แต่ เขาแค่เพียงเพิ่งได้พูดคำนี้ออกไป กระแสการฆ่าที่น่าสะพรึงกลัว แผ่กระจายออกมาจากตัวของหม่าชาว ครอบลงมาคลุมตัวฉีอิงเว่ย
ฉีอิงเว่ยให้รู้สึกถึงความหนาวเหน็บแทงเสียดเข้าไปในกระดูก ทั้งตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ จะขยับตัวก็ยังไม่กล้า
ทันทีนั้นเขาก็ได้มีความรู้สึกว่า ตราประทับวิถีมารในหัวสมองเขามีการเคลื่อนไหว มีท่าทีที่จะระเบิดขึ้นได้ทุกเวลา
หากเกิดว่าตราประทับวิถีมารระเบิดขึ้น ถึงเขาอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ ก็จะต้องกลายเป็นคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง
หยางเฉินก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาในตอนนี้ว่า “ปล่อยพวกเขาไปเถอะ!”
หม่าชาวจึงได้เก็บอานุภาพมารของตัวเองขึ้น ฉับพลันนั้นฉีอิงเว่ยก็รู้สึกได้ว่ากระแสฆ่านั้นสูญสลายไป หันหลังกลับได้ก็รีบวิ่งหนีออกไป กลัวเดี๋ยวหม่าชาวเปลี่ยนใจฆ่าเขา
เห็นสภาพของการวิ่งหนีจุกตูดกันไปของสองพี่น้องฉีอิงเว่ยกับฉีอิงเสว่ พวกหลิ่วหรูเอียนต่างพากันหดหู่ใจ
ถ้าสภาพของการหนีอย่างใจหายใจคว่ำจากโลกมนุษย์แบบนี้รู้ไปถึงเหล่าบรรดาจอมคนบูโดในโลกบู๊โบราณล่าง คงต้องทำให้ตื่นกันจนกรามค้าง
“ประมุขตู้ ถ้าข้าทายไม่ผิด ที่ท่านบอกให้คิดตรึกตรองเรื่องการให้พวกเราเข้าครองเขตแดนเหนือ สมควรต้องขอการอนุมัติจากคุณหยางนะ?”
ขณะนั้นเอง หลิ่วหรูเอียนก็ได้พาพรรคพวกหลายคนนั้นเดินเข้ามา มองไปที่ตู้จ้ง พูดด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ
ตู้จ้งจึงได้ดึงสติกลับมา รีบแนะนำกับหยางเฉินว่า “คุณหยาง หลายท่านนี้เป็นแขกผู้มีเกียรติที่มาจากโลกบู๊โบราณล่าง ท่านนี้คือจอมคนบูโดอันดับหนึ่งของตระกูลหลิว คุณหนูหลิ่วหรูเอียน กับอีกสามท่าน คือ……”
ทำการแนะนำทั้งสี่ท่านแล้ว ตู้จ้งก็ได้พูดต่อไปว่า “คุณหยางครับ พวกคุณหนูหลิวเขาอยากจะเข้าไปครอบครองที่แดนเหนือ ไม่ทราบท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?”
หยางเฉินกวาดตามองพวกหลิ่วหรูเอียนผ่าน ๆ ไปอย่างเนือย ๆ แล้วมองไปที่ตู้จ้งพูดขึ้นทันทีว่า “ท่านผู้อาวุโส แดนเหนือก็เป็นเขตของสำนักบู๊ การจะให้ใครเข้าไปครอบครองแดนเหนือ ผู้อาวุโสท่านก็ตัดสินใจเองเถอะ”
ได้ยินหยางเฉินพูดดังนั้น พวกหลิ่วหรูเอียนทั้งหลายคนนั้นต่างก็มีสีหน้าดีใจกัน
ตู้จ้งก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก พูดอย่างยิ้มแย้มว่า “ในเมื่อเป็นอย่างนี้คุณหนูหลิว พวกคุณก็ไปดูที่ที่เหมาะสมในแดนเหนือ แล้วก็เข้าไปครอบครองได้เลยนะ!”
“ขอบคุณท่านประมุขตู้!”
หลิ่วหรูเอียนรีบยกมือคำนับพูดไปด้วยรอยยิ้ม
พูดจบ หล่อนก็หันหน้าไปที่หยางเฉินพูดว่า “คุณหยาง วันนี้ถ้าไม่ได้ท่านลงมือจัดการ พวกเราทั้งหมดนี้ถ้าไม่ถึงตาย น่ากลัวคงต้องถูกฉีอิงเว่ยทำให้กลายเป็นคนพิการไป อย่างที่พูดมานี้ พวกเราล้วนเป็นหนี้ในบุญคุณกับท่านอย่างใหญ่หลวง วันหลังจากนี้หากแม้นคุณหยางมีอะไรที่ต้องให้พวกเรารับใช้ ขอเพียงท่านพูดคำเดียว พวกเราจะไม่ให้คุณหยางต้องผิดหวังเด็ดขาด”
หยางเฉินพูดเสียงเรียบ ๆ ว่า “ที่ข้าลงมือก็ทำเพื่อสำนักบู๊ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกคุณ”
“อ้า….”
หลิ่วหรูเอียนไม่รู้จะพูดอะไรได้ในทันทีนั้น เดิมคิดจะอาศัยโอกาสนี้ ดึงความสัมพันธ์กับหยางเฉินให้ใกล้ชิดขึ้น มองดูแล้ว หยางเฉินไม่ใช่คนประเภทเข้าสนิทได้ง่าย ๆ
“ท่านประมุขตู้ ในเมื่อท่านเห็นด้วยที่จะให้พวกเราเข้าครอบครองแดนเหนือแล้ว งั้นพวกข้าขอออกไปก่อน วันหลังค่อยหาโอกาสมาคารวะท่านถึงบ้าน”
หลิ่วหรูเอียนรู้ได้ว่าหยางเฉินไม่อยากพบปะกับพวกเขา ก็จึงออกปากขอลา
รอจนพวกหลิ่วหรูเอียนจากพ้นไปแล้ว ตู้จ้งจึงได้ส่ายหน้ายิ้มแห้ง ๆ มองไปที่หยางเฉินพูดว่า “คุณหยาง ความจริงคุณหนูหลิวก็ไม่เลวเลยทีเดียว ถ้าได้มีมิตรภาพที่ดีต่อกันกับตระกูลหลิว กับคุณหยางท่าน ก็คงมีความหมายที่ดีต่อกันมากทีเดียว”
หยางเฉินส่ายหน้า เอ่ยปากพูดว่า “ถ้าหากไม่ใช่เพราะจะหาสถานที่เหมาะสมในการฝึกวิชาในโลกมนุษย์แล้ว พวกเขาก็คงไม่มาออกรับหน้าแทนสำนักบู๊ พูดง่าย ๆ พวกหลิ่วหรูเอียนต่างจากฉีอิงเว่ยจะอยู่ที่ คนหนึ่งใช้วิธีนิ่มนวล อีกคนหนึ่งใช้วิธีแข็งกร้าว”
ตู้จ้งหัวเราะอย่างขมขื่น ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาก็ต้องรู้ดีในจุดนี้อยู่ เพียงแต่นำเอาหลิ่วหรูเอียนกับฉีอิงเว่ยมาเปรียบเทียบกัน เขาย่อมอยากให้หลิ่วหรูเอียนเข้าครอบครองแดนเหนือมากกว่า
ตู้จ้งถามขึ้นมาในทันทีนั้น “คุณหยาง แล้วต่อจากนี้ไป คุณมีความคิดอย่างไร?”
สีหน้าหยางเฉินเคร่งขรึมขึ้นมาในฉับพลัน เขามองไปทางหม่าชาว พูดว่า “ตอนนี้พลังสายมังกรในตัวของหม่าชาวก็ได้ถูกสยบอยู่ได้แล้ว ช่วงนี้คงไม่มีอันตรายอะไร”
“เวลานี้ข้าก็ได้กลายเป็นศัตรูคู่อริของสาธารณชนไปแล้ว โดยเฉพาะกับผู้แข็งแกร่งของโลกบู๊โบราณล่างแล้ว ยิ่งอยากทำให้ข้าถึงตาย ข้าคิดอยู่แล้วว่าจะไปที่กลุ่มผู้อาวุโสจิ่วโจวสักครั้ง”
ตู้จ้งผงกหัวเห็นด้วย “ไปที่กลุ่มผู้อาวุโสสักครั้งก็ดี ในสภาพของคุณเวลานี้ มีแต่ไปที่กลุ่มผู้อาวุโส จึงจะมีความปลอดภัยมากที่สุด”
หยางเฉินผงกหัว “ข้าถึงไม่มีความรู้สึกที่ดีกับโลกบู๊โบราณล่าง แต่กับหญิงสาวหลิ่วหรูเอียนคนนี้ ก็ยังดูว่าใช้ได้อยู่ หล่อนนำคนไปครอบครองแดนเหนือ อันนี้สำหรับสำนักบู๊แล้ว ก็นับได้ว่าเป็นเรื่องที่ดี ประเด็นสำคัญคือ หล่อนอยู่ที่แดนเหนือ สามารถลดปัญหาวุ่นวายให้กับสำนักบู๊ได้ไม่น้อย”
พูดจบ เขามองไปที่หม่าชาวพูดว่า “พวกเราไปกันเถอะ!”
มองดูรถขับพาส่งทั้งสองคนออกจากไป ใจตู้จ้งให้รู้สึกอึ้งทึ่ง เขายังจำได้ ตอนที่หยางเฉินเพิ่งมาถึงเขตุแดนเหนือใหม่ ๆ พลังฝีมือก็แค่เพียงแดนเหนือมนุษย์ เวลานี้กลับมีพลังฝีมือถึงขั้นปราบผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นต้นแล้ว
ประเด็นสำคัญคือ เขาเพิ่งอยู่แค่แดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น รอให้เขาทะลุแดนนภาขั้นสองแล้ว จะเก่งกาจถึงขนาดไหน?
ตู้จ้งมองเห็นถึงอนาคตของหยางเฉิน เกิดรู้สึกมีความหวังสมกับการรอคอยขึ้นมาทันที
อีกด้านหนึ่ง หลิ่วหรูเอียนได้นำกลุ่มพวกเฮ่อจวินออกจากสำนักบู๊แล้ว ก็รีบรวบรวมพลพรรค วางงานเตรียมเข้าครอบครองแดนเหนือ
“พี่ (สาว) หลิว ไอ้เจ้าหยางเฉินคนนี้วางท่าโอหังนัก เขาคิดว่าตัวเองสามารถล้มผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองได้ ก็คิดว่าไร้ผู้เทียมทานแล้วในโลกหรือไง?”
“คือว่า ต้องรู้ไว้บ้างนะ ในโลกบู๊โบราณล่าง ผู้แข็งแกร่งที่มีพลังฝีมือล้มผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นต้นนั้น มีอยู่ไม่น้อย”
สองคนอี้เฟยยางกับอี้เทียนเจียว ต่างพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ
เฮ่อจวินพูดขึ้นมาในทันทีว่า “แต่ว่า ในโลกบู๊โบราณล่าง สามารถใช้พลังฝีมือระดับแดนนภาขั้นหนึ่ง ถล่มผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นต้นได้นั้น ไม่เคยมีสักคน”
หลิ่วหรูเอียนผงกหัว มองไปยังแต่ละคนพูดว่า “หยางเฉินคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ถึงจะบอกว่าการที่เขาระเบิดพลังฝีมือออกมาได้แข็งกล้าขนาดนี้ อาจจะเกี่ยวกับการที่มีวิญญาณของเทพมารสิงอยู่ในตัวเขา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพลังฝีมือแท้จริงของเขาเก่งกาจมาก”
“ต้องรู้ไว้ว่า การที่สามารถรับวิญญาณของเทพมารได้ ก็ต้องบ่งชัดถึงตัวเขาแล้วว่า มีวิญญาณที่แข็งแกร่งถึงขนาดสามารถต้านรับผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นยอดได้”
“อีกเรื่องหนึ่ง โดยสายตาของเทพมาร มีหรือจะเลือกเข้าไปสิงอยู่ในร่างพวกเศษขยะ หยางเฉินเก่งกาจเกินกว่าที่พวกเราคิดไว้อีกมาก”
“วันหลังยังไงก็ต้องหาทางตีสนิทกับเขาให้ดี สุดยอดจอมคนบูโดแบบนี้ ให้แม้แต่ไปอยู่ในโลกบู๊โบราณกลาง ก็ยังต้องจัดเป็นจอมคนบูโดระดับยอดแน่นอน”
ได้ยินที่หลิ่วหรูเอียนพูด หลายคนผงกหัวยอมรับ พูดอย่างจริงจังว่า “พี่หลิววางใจเถอะ พวกเราก็เพียงแค่บ่นระบายอารมณ์ต่อหน้าพี่ไปงั้น ๆ แหละ ใจจริงแล้วพวกเรายอมรับพลังฝีมือของเขาอย่างที่สุด”