The king of War - บทที่ 2073 ข้าไม่มีทางสบายใจได้
ผู้อาวุโสใหญ่ยิ้มอย่างดูลึกลับ เอ่ยปากขึ้นพูดว่า “หยางเฉิน พวกเขาเป็นใคร เจ้ายังไม่จำเป็นต้องรู้ แค่เพียงแต่ให้รู้ชัดว่า พวกเขามีพลังฝีมือเก่งกาจมาก ต่อให้พวกผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดของโลกบู๊โบราณ ต่อหน้าพวกเขา ก็ยังไม่กล้าทำซ่า”
“พวกเขาเหล่านี้นับว่าเป็นเพื่อนของพวกเรากลุ่มผู้อาวุโส แต่ด้วยเพราะเหตุผลบางอย่าง พวกเขาไม่สามารถลงมือง่าย ๆ แต่ถ้าผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามของโลกบู๊โบราณล่างกล้ามาทำอะไรเจ้า นั่นก็ว่าไม่ได้แล้วที่พวกเขาจะมาออกหน้า”
ถึงแม้ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้พูดชัดเจน แต่หยางเฉินก็มั่นใจได้แล้ว พลังฝีมือคนพวกนี้สูงเอามาก ๆ เป็นไปได้อย่างแน่นอนว่าอยู่ในระดับสูงเกินแนนภาขั้นสามชั้นสุดยอด
ในใจของหยางเฉินก็มีคาดเดาไว้ คนพวกนี้ต้องเป็นคนในโลกใบเล็กที่ตู้จ้งพูดไว้เป็นแน่
หลายร้อยปีก่อน ตอนที่โลกมนุษย์กับโลกบู๊โบราณมีการแบ่งแยกแดนเขตกัน เคยมีผู้อาวุโสระดับสุดยอดตกค้างอยู่ในโลกมนุษย์ ปัจจุบันในโลกบู๊โบราณยังแบ่งเป็นบน กลาง ล่างสามอันดับ ส่วนพวกลูกหลานของผู้อาวุโสระดับสุดยอด ก็ได้อยู่ในโลกมนุษย์สร้างโลกใบเล็กของพวกเขาขึ้นมา ในโลกใบเล็กนั้น ผู้แข็งแกร่งชั้นสุดยอด พลังฝีมือต้องเก่งกาจอย่างมากแน่นอน
เดิมทีหยางเฉินก็คิดจะถามเรื่องราวเกี่ยวกับโลกใบเล็ก แต่เมื่อได้ยินผู้อาวุโสใหญ่พูดมา เขาก็เข้าใจ ถึงตัวเขาจะถามไปยังไง ตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่คงไม่บอกเขาแน่
ได้แต่รอไว้ทีหลังค่อยมาทำความรู้จักเรื่องราวของโลกใบเล็ก
เดิมทีก็เพื่อจะแก้ปัญหาเรื่องพวกผู้แข็งแกร่งชั้นยอดจากโลกบู๊โบราณล่างที่จะมาตามฆ่าเขา จึงได้มาที่กลุ่มผู้อาวุโส ตอนนี้กลุ่มผู้อาวุโสให้ตำแหน่งเขาเป็นผู้อาวุโสสี่ อีกทั้งยังมอบกระบี่โอรสสวรรค์ให้เขาถือครอง ปัญหาของเขาคงแก้ไปได้ ก็คงไม่จำเป็นต้องไปหาความคุ้มครองจากโลกใบเล็กแล้ว
คิดได้แบบนี้แล้ว หยางเฉินจึงเอ่ยปากพูดว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ พรุ่งนี้ข้าก็จะออกปฏิบัติภารกิจ ขอท่านได้โปรดมอบข้อมูลเกี่ยวกับพวกอิทธิพลจากโลกบู๊โบราณที่ได้เข้ามายึดครองโลกมนุษย์ให้ข้าด้วย”
ผู้อาวุโสใหญ่พูดว่า “พวกเราได้มีการติดตามตรวจสอบมาโดยตลอด ข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดเป็นข้อมูลใหม่สด ข้าจะสั่งให้คนเอาข้อมูลล่าสุดนี้มาให้เจ้าได้เลย”
ไม่นานนัก เลขาฯ.ก็ได้นำเอาเอกสารข้อมูลมาให้ชุดหนึ่ง
หยางเฉินสุ่มเปิดออกดูพักหนึ่ง ก็พอได้เข้าใจโดยรวม ๆ
จิ่วโจวก็จะมีตงโจว ซีโจว หนานโจว เป่ยโจว กับจงโจวห้าเขตแคว้นใหญ่ ในนั้นจะมีจงโจวเจริญมากที่สุด ที่ตอบรับกันก็คือ บูโดจะเจริญอย่างคึกคักมากที่สุด
ส่วนเยี่ยนตู ผนวกกับห้าเขตแคว้นใหญ่นี้ รวมกันสถาปนาเป็นประเทศจิ่วโจว
เยี่ยนตูเป็นเมืองใหญ่โดด ๆ อยู่ในจิ่วโจว และเป็นศูนย์กลางในทุกด้านของจิ่วโจวทั้งหมด
ถึงแม้กิจการทุกด้านในเยี่ยนตูจะรุ่งเรืองมาก แต่ถึงตอนนี้ยังไม่มีอิทธิพลบูโดจากโลกบู๊โบราณกลุ่มไหนกล้าเข้าไปยึดครอง
นอกจากเยี่ยนตูแล้ว ในห้าเขตแคว้นใหญ่นั้น บนบูโดของจงโจว กลายเป็นพื้นที่ที่พวกกลุ่มอิทธิพลจากโลกบู๊โบราณเข้าไปยึดครองรุนแรงที่สุด
และจงโจวก็เป็นเขตแคว้นที่ห่างจากเยี่ยนตูใกล้ที่สุด
หยางเฉินอ่านข้อมูลพอรู้อย่างกว้าง ๆ แล้ว เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ในเมื่อสภาวการณ์ที่เลวร้ายมากที่สุดอยู่ที่จงโจว อีกทั้งยังห่างเยี่ยนตูใกล้ที่สุด งั้นข้าก็จะปักหมุดเริ่มต้นที่จงโจว พรุ่งนี้ ข้าจะไปที่จงโจว”
ผู้อาวุโสผงกหัว “เจ้าไปถึงจงโจว ให้ไปที่ศูนย์อำนวยการกองยุทธการสักเที่ยว ข้าจะจัดให้ผู้บัญชาการกองยุทธการจงโจวคอยช่วยเจ้าอีกแรง ถึงเวลานั้น เจ้าก็เพียงกับเรื่องที่กองยุทธการจงโจว จัดการไม่ได้ ไม่ใช่ว่าอะไรทุกเรื่องต้องให้เจ้าลงไปจัดการด้วยตัวเอง”
หลังจากปรึกษาหารือเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้เรียบร้อยแล้ว หยางเฉินก็พาหม่าชาวออกจากศูนย์กลุ่มผู้อาวุโส
ผู้อาวุโสสองมองตามเงาหลังของหยางเฉิน พูดด้วยสีหน้าประทับใจว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ หยางเฉินเข้ามาอยู่กับกลุ่มผู้อาวุโสได้ในสถานการณ์ตอนนี้ เป็นบุญของจิ่วโจวจริง ๆ นะ!”
ผู้อาวุโสสามก็เห็นด้วยกับผู้อาวุสองอย่างมาก เอ่ยพูดขึ้นว่า “หยางเฉินลงมือเอง จะต้องสยบพวกบัดซบจากโลกบู๊โบราณพวกนั้นได้แน่”
ผู้อาวุโสใหญ่มีสีหน้าเคร่งเครียดมาก พูดเสียงทุ้มหนักว่า “หวังว่าพวกยอดผู้แข็งแกร่งของโลกบู๊โบราณล่างนั่น ในใจยังมีกติกาอยู่นะ”
ฟังที่ผู้อาวุโสใหญ่พูด ผู้อาวุโสสองกับผู้อาวุโสสามต่างมีสีหน้าตื่นตระหนก
ผู้อาวุโสสองรีบถามขึ้นมาว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านคงไม่ใช่ห่วงว่า พวกผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามจากโลกบู๊โบราณล่าง จะมาเล่นงานหยางเฉินนะ?”
ผู้อาวุโสใหญ่ผงกหัว “การที่โลกมนุษย์ไปรวมตัวกับโลกบู๊โบราณล่างให้เป็นหนึ่งเดียวในครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับหยางเฉินเป็นอย่างมาก พูดได้ว่า หยางเฉินไปแตะเอาเค้กชิ้นใหญ่ของพวกสุดยอดผู้แข็งแกร่งโลกบู๊โบราณล่าง”
“สภาพเช่นนี้ กลัวว่าพวกสุดยอดผู้แข็งแกร่งที่คิดมุ่งร้าย จะแอบลงมือ ถ้าพวกมันลงมืออย่างเปิดเผยชัดแจ้ง ก็ยังไม่เป็นไรพวกเราก็ยังมีโอกาสได้ไปรับมือกับไอ้พวกนั้น ที่กลัวคือพวกมันลอบกัด”
ผู้อาวุโสสามขมวดคิ้วย่น “ถ้าพูดแบบนี้ มิกลายเป็นว่าพวกเราผลักไสให้หยางเฉินเดินไปหาความตายหรือ?ก็พวกเราบอกเขาเองว่า พวกผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสาม ไม่กล้าออกมาเล่นงานเขาไง”
ผู้อาวุโสสองมองหน้าผู้อาวุโสใหญ่อย่างไม่พอใจพูดว่า “ใช่ไหม!แล้วถ้าหยางเฉินเป็นอะไรขึ้นมา พวกเราจะเอาอะไรมาชดเชยกับความละอายใจต่อเขาได้หรือ?”
ผู้อาวุโสใหญ่พูดด้วยสีหน้าราบเรียบว่า “นี่เป็นความต้องการของคนพวกนั้น”
พูดคำพูดนี้ออกมา ผู้อาวุโสสองกับผู้อาวุโสสามผวาตื่นขึ้นเต็มหน้า
และในไม่นานนั้น พวกเขาก็คิดถึงเรื่องที่อยู่ในความคิด
“ข้าเข้าใจในเรื่องนี้แล้ว แต่ทว่า พวกเขาทำแบบนี้ ไม่รู้สึกจะเกินไปบ้างหรือ?ถึงยังไง หยางเฉินก็ยังเป็น……”
ผู้อาวุโสสองพูดขึ้นมาในทันที แต่พูดมาถึงแค่นี้ ก็ชะงักหยุดลง
ชัดเจนว่า มีบางเรื่องไม่เหมาะที่จะพูดมาก ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจ
ผู้อาวุโสสามผงกหัวเห็นด้วย พูดว่า “พวกเขาคิดจะใช้เรื่องนี้มาทดสอบหยางเฉิน แต่ทว่า อันตรายที่หยางเฉินต้องเผชิญมันจะใหญ่เกินไปมาก ถ้าแม้นเกิดเรื่อง ก็จะเป็นการสูญเสียของทั้งจิ่วโจว”
ผู้อาวุโสใหญ่อมทุกข์เต็มหน้า มองไปที่ทั้งสองคน “แล้วพวกเจ้ารู้สึกว่า ยังมีทางเลือกอีกหรือ?”
ได้ยินผู้อาวุโสใหญ่พูดมา ผู้อาวุโสสองกับผู้อาวุโสสามต้องถึงกับเงียบลงไปพลัน ใช่สิ พวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเปลี่ยนเรื่องนี้ได้เลย
อีกด้านหนึ่ง หยางเฉินกับหม่าชาวจากกลุ่มผู้อาวุโสออกมาแล้ว ก็มุ่งตรงไปที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป
บนเส้นทางที่มุ่งไปเยี่ยนเฉิงกรุ๊ป หม่าชาวขับรถไปพลาง พูดออกมาว่า “พี่เฉิน ผมยังไงก็ยังรู้สึกเรื่องนี้ดูไม่เข้าท่า ถ้าพวกนั้นสามารถคุมยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งของโลกบู๊โบราณล่างได้ แล้วยังต้องให้พี่มารับภาระนี้อีกหรือ?”
“ผู้อาวุโสใหญ่ถึงจะบอกว่า มีคนพวกนั้นควบคุมอยู่ พวกผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามของโลกบู๊โบราณจะไม่กล้าลงมือกับพี่ แต่ข้าก็ยังรู้สึกว่า ภารกิจนี้มีความเสี่ยงสูงมาก”
สีหน้าหยางเฉินเรียบสงบ เอ่ยปากพูดว่า “แกพูดไม่ผิดนะ ถึงแม้พวกนั้นจะเก่งกาจมาก และก็มีความสามารถพอที่จะรับมือกับคนของโลกบู๊โบราณได้ แต่ในเมื่อพวกเขาเลือกที่จะไม่ลงมือเองในสถานการณ์แบบนี้ ก็จะต้องมีเหตุที่ทำให้พวกเขาลงมือไม่ได้”
“หากแม้นว่าพวกยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามของโลกบู๊โบราณแอบเล่นงานข้าข้างหลัง คิดว่าพวกนั้นก็คงไม่กล้าออกมารับมือ”
หมาชาวผวาขึ้นมาเต็มหน้า “พี่เฉิน ในเมื่อพี่รู้ในประเด็นนี้ ทำไมพี่ยังจะไปรับภารกิจอันนี้ด้วย?”
หยางเฉินพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เริ่มตั้งแต่นาทีแรกที่พวกเราก้าวเข้าสู่ชายแดนเหนือ พวกเราก็ไม่ใช่ตัวเองของตัวแล้ว แต่เป็นของจิ่วโจว เวลานี้จิ่วโจวมีภัยพิบัติ นักบูโดในโลกมนุษย์กำลังเผชิญรับกับการเหยียดหยามและกดขี่ ถ้าหากตอนนี้ข้าจะยืนนิ่งดูดาย นั่นก็ไม่คู่ควรกับเกียรติภูมิที่มีอยู่ของข้า”
“พูดอีกอย่าง เขตขีดรอยต่อของสองแดนพังทลายไป สาเหตุที่ใหญ่มากส่วนหนึ่ง เกิดขึ้นจากข้า!ข้าจึงจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่าง มิฉะนั้น ข้าไม่มีทางสบายใจได้!”