The king of War - บทที่ 2082 ผู้ทรงอิทธิพลรวมตัวกัน
The king of War บทที่ 2082 ผู้ทรงอิทธิพลรวมตัวกัน
ตอนแรกเซี่ยหลินอารมณ์ดีมาก แต่ไม่นานสีหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความกังวล
ดวงตาของกู้ซือซือเปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นกัน เธอโอบไหล่เซี่ยหลินด้วยความอ่อนโยน และกล่าวเบา ๆ ว่า “เสี่ยวหลิน อย่าเสียใจมาก ทีมนักบูโดเริ่มก่อตั้งแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นาน ทีมนักบูโดก็จะมีพลังอำนาจที่จะปราบตระกูลบู๊โบราณได้”
เซี่ยหลินฝืนยิ้ม น้ำตาคลอเบ้า และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ซือซือพูดถูก ทีมนักบูโดจะต้องสามารถปราบตระกูลบู๊โบราณได้อย่างแน่นอน”
หยางเฉินนิ่งเงียบ เรื่องที่เซี่ยหลินบอกเขาเป็นเพียงส่วนน้อยในจงโจวเท่านั้น ตอนนี้ตระกูลจากโลกบู๊โบราณล่างมาตั้งหลักปักฐานอยู่ทั่วจิ่วโจว และตระกูลบู๊โบราณเหล่านี้ อาศัยความแข็งแกร่งของตระกูล ก่อกรรมทำชั่วกับคนของโลกมนุษย์
การพบเจอหญิงสาวที่มีชีวิตชีวาอย่างเซี่ยหลิน ทำให้การเดินทางคราวนี้ไม่น่าเบื่อ
และไม่นาน การเดินทางสองชั่วโมงกว่าก็สิ้นสุดลงแล้ว มีการประกาศว่าเครื่องบินจะลงจอดแล้ว
หลังลงมาจากเครื่องบินแล้ว เซี่ยหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลุง พวกเราแยกกันตรงนี้ ช่วงเวลาที่คุณอยู่ในจงโจว ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ อย่าลืมติดต่อฉันน่ะ!”
หยางเฉินยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้า “โอเค!”
“ลุง ลาก่อน!”
เซี่ยหลินโบกมือ และจากไปพร้อมกับกู้ซือซือ
หม่าชาวยืนอยู่ข้างหยางเฉิน กล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ “นึกไม่ถึงว่าตระกูลจากโลกบู๊โบราณล่างเหล่านั้นจะเลวเช่นนี้ พวกเขาไม่ควรอยู่บนโลกใบนี้!”
เมื่อสักครู่ตอนอยู่บนเครื่องบิน หม่าชาวนั่งอยู่ด้านหลังหยางเฉิน ทำให้เขาได้ยินสิ่งที่เซี่ยหลินพูดทั้งหมดเช่นกัน
มีเจตนาฆ่าประกายอยู่ในดวงตาของหยางเฉิน และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อพันธมิตรพิทักษ์ไม่ยับยั้งพวกเขา ดังนั้นพวกเราจะเป็นคนยับยั้งพวกเขาเอง ถ้าไม่สามารถยับยั้งพวกเขาได้ ก็ฆ่าพวกเขาซะ! ฆ่าจนกว่าพวกเขาจะร้องขอให้สมาคมผู้อาวุโสออกกฎใหม่!”
หม่าชาวกำหมัดทั้งสองไว้แน่น ร่างกายเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เขาโบกหมัดและกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “พี่เฉินพูดถูก ฆ่าจนกว่าพวกเขาจะร้องขอให้ออกกฎใหม่!”
และขณะเดียวกัน ด้านนอกสนามบินนานาชาติจงโจว เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
คนเหล่านี้ไม่ใช่ผู้โดยสาร แต่เป็นผู้แข็งแกร่งที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีของกองยุทธการ ส่วนผู้นำคือชายวัยกลางคนที่มีดาบยาวคาดไว้ตรงเอว
ชายวัยกลางคนไม่ใช่ใครอื่น เขาคือเย่จางกั๋ว ผู้บัญชาการของกองยุทธการจงโจว
ส่วนรอบ ๆ เย่จางกั๋ว ล้วนเป็นผู้ทรงอิทธิพลของกองยุทธการ ตอนนี้สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง
นอกจากสมาชิกของกองยุทธการแล้ว ยังมีบุคคลสำคัญอีกหลายคนของจงโจว หลังจากได้ยินข่าวแล้ว พวกเขาก็เดินทางมาที่นี่ด้วย
กลางฝูงชน สีหน้าของชายชราที่สวมชุดสูทสั่งทำพิเศษ เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ข้างกายชายชรา เป็นหญิงสาวอายุประมาณยี่สิบห้ายี่สิบหก แต่งหน้าบาง ๆ สวมชุดกระโปรงสีอ่อน และสวมแว่นกันแดดกรอบดำขนาดใหญ่ ถึงแม้ว่าแว่นจะปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถซ่อนใบหน้าที่สวยงามของหญิงสาวเอาไว้ได้
หญิงสาวกล่าวด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความจำใจ “คุณปู่ หนูบอกแล้วว่าหนูไม่สนใจคนใหญ่คนโตของสมาคมผู้อาวุโส ให้หนูกลับบ้านได้ไหม?”
ชายชรากล่าวแฝงไปด้วยความหมาย “เสี่ยวเหอ หลานเชื่อปู่ บุคคลนี้จะต้องถูกใจหลานอย่างแน่นอน! เขาอายุไม่ถึงสามสิบปีด้วยซ้ำ ก็กลายเป็นผู้อาวุโสคนที่สี่ของสมาคมผู้อาวุโสแล้ว คนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ ไม่มีคนที่สองอีกแล้ว ถ้าหากหลานเข้าตาเขา หลานก็ไม่ต้องกลัวคุณชายใหญ่ของตระกูลฉีจากโลกบู๊โบราณล่างอีกแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายชราแล้ว หญิงสาวกัดริมฝีปากสีแดงของตนเองไว้แน่น และรู้สึกไม่เต็มใจ
ตอนนี้ ร่างของชายหนุ่มปรากฏขึ้นในสมองของเธอ เมื่อนึกถึงผู้ชายที่ทำให้เธอไม่สามารถลืมคนนั้นแล้ว ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บปวดจนหายใจไม่ออก
เธอรู้ว่าชาตินี้ระหว่างเธอกับผู้ชายคนนั้นไม่สามารถเป็นไปได้ เพราะในใจของผู้ชายคนนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว ผู้หญิงที่ทำให้เขายอมสละชีวิตได้
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบมาก แต่เธอก็ไม่อาจเข้าไปอยู่ในหัวใจของผู้ชายคนนั้นได้
หญิงสาวกล่าวว่า “คุณปู่ หนูมีคนที่ชอบแล้ว”
ชายชราถอนหายใจเบา ๆ ลูบศีรษะของหญิงสาวด้วยความรัก และกล่าวว่า “ปู่รู้ แต่ตอนนี้หลานตกเป็นเป้าหมายของคุณชายใหญ่ของตระกูลฉีแล้ว ถ้าไม่มีใครช่วยหลานอีก หลานทำได้เพียงกลายเป็นผู้หญิงของคุณชายใหญ่แห่งตระกูลฉีเท่านั้น”
“เมื่อเทียบกับการเป็นผู้หญิงของคุณชายใหญ่แห่งตระกูลฉีในโลกบู๊โบราณล่างแล้ว ปู่หวังว่าหลานจะเป็นผู้หญิงที่น่าภูมิใจของโลกมนุษย์มากว่า”
“หลานวางใจเถอะ ปู่สืบมาแล้วว่าผู้อาวุโสสี่เป็นอัจฉริยะที่เก่งรอบด้าน คุณสมบัติของเขานั้นเหนือกว่าพวกคนไม่เอาถ่านรุ่นที่สองจากโลกบู๊โบราณล่าง”
“ถ้าหากหลานเข้าตาผู้อาวุโสสี่ หลานก็จะไร้กังวลและมีความสุขไปตลอดชีวิต!”
สีหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความขมขื่น เธอมีผู้ชายที่รักอยู่ในใจแล้ว แล้วเธอจะรักชายอื่นได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะดีมากก็ตาม
ขณะนี้ เซี่ยหลินและกู้ซือซือเพิ่งเดินออกมาจากสนามบิน เมื่อเห็นผู้ทรงอิทธิพลของจงโจวอยู่ที่นี่มากมาย พวกเธอสองคนรู้สึกตกตะลึงมาก
“พี่ซือซือ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงได้มีผู้ทรงอิทธิพลมากขนาดนี้?”
“ดูเหมือนว่าชายชราที่ถือไม้เท้าคนนั้นจะเป็นเหอหงหยวน เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในจงโจว!”
“ชายวัยกลางคนที่สวมเครื่องแบบบูโด คือหนิงเทียนสง ประธานสมาคมบูโดจงโจว! ว่ากันว่าเขาเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด และกำลังจะบรรลุแดนนภาแล้ว”
“ชายชราที่สวมชุดธรรมดาคนนั้น คืออู๋ซิงเหอ ผู้นำของตระกูลอันดับหนึ่งในจงโจว!”
“ส่วนชายวัยกลางคนที่มีดาบยาวคาดอยู่ที่เอว ชื่อเย่จางกั๋ว เป็นผู้บัญชาการของกองยุทธการจงโจว!”
“โอ้สวรรค์! ทำไมถึงได้มีผู้ทรงอิทธิพลของจงโจวอยู่ที่นี่มากขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เซี่ยหลินหน้าแดง และกล่าวด้วยความตื่นเต้น
สีหน้าของกู้ซือซือเต็มไปด้วยความอึ้งเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นภาพแบบนี้
ถึงแม้ว่าตระกูลเซี่ยและตระกูลกู้ จะเป็นตระกูลใหญ่ในจงโจว แต่เมื่อเทียบกับกองกำลังชั้นนำเหล่านี้แล้ว ยังคงแตกต่างมาก
ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ คนที่สามารถมาอยู่ที่นี่ได้ล้วนเป็นผู้ทรงอิทธิพลชั้นนำ ส่วนคนของตระกูลเซี่ยและตระกูลกู้ไม่มีใครอยู่ที่นี่สักคน ไม่ได้หมายความว่าคนของสองตระกูลไม่มา แต่พวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะมาที่นี่ต่างหาก
เมื่อเซี่ยหลินเห็นคนรู้จัก เธอรีบดึงมือกู้ซือซือแล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าชายวัยกลางคนคนหนึ่ง แล้วถามอย่างระมัดระวัง “สวัสดีค่ะ ลุงเหอ ขอถามว่าทำไมถึงมีผู้ทรงอิทธิพลของจงโจวมาอยู่ที่นี่มากมาย? มาต้อนรับคนใหญ่คนโตเหรอ?”
เมื่อลุงเหอเห็นเซี่ยหลิน กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวหลิน!”
ลุงเหอเป็นคนของตระกูลเหอ เป็นเพื่อนสนิทของพ่อเซี่ยหลิน
“สมาคมผู้อาวุโสเพิ่งแต่งตั้งผู้อาวุโสคนที่สี่ และวันนี้ผู้อาวุโสสี่มาที่จงโจว พวกเราทุกคนมาต้อนรับผู้อาวุโสสี่”
“ว่ากันว่าผู้อาวุโสสี่เป็นนักบูโดที่อายุน้อยมาก ว่ากันว่าเขาอายุเพียงยี่สิบเก้าปีเท่านั้น แต่แดนบูโดของเขาทะลวงสู่แดนนภาแล้ว”
หลังจากได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายแล้ว ดวงตาของเซี่ยหลินเป็นประกายทันที และกล่าวด้วยความตื่นเต้น “ลุงเหอ สิ่งที่ลุงพูดเป็นความจริงเหรอ? สมาคมผู้อาวุโสจิ่วโจวของพวกเรา มีผู้อาวุโสที่หนุ่มคนหนึ่งจริง ๆ เหรอ?
“ลุงเหอ รู้หรือไม่ว่าเขาชื่ออะไร?”