The king of War - บทที่ 2089 ฆ่าหยางเฉิน
คำพูดของ สวีเจิ้นฮั๋วจบลง ผู้มีอำนาจตัดสินใจอีกสี่คนในตระกูลบู๊โบราณต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไป
“แล้วน้อง สวีมีความคิดดีๆ บ้างไหม?”
ในเวลานี้ จู่ๆเฉินจื้อจงก็ถามขึ้น
สายตาของคนอื่นจับจ้องไปที่ สวีเจิ้นฮั๋วทีละคน
ดวงตาของ ฉีเฟิงส่องแสงจ้า เขาได้รับคำสั่งจากหัวหน้าตระกูลฉีให้จัดการกับเรื่องของจงโจวก่อน แม้ว่าเขาจะทำลงมือ ก็ต้องรอจนกว่าผู้แข็งแกร่งของตระกูลฉีจะมาถึง
สวีเจิ้นฮั๋วมองไปที่ เฉินจื้อจง และยิ้ม จากนั้นเขาก็มองไปที่ผู้คนและพูดว่า “ฉันรู้ว่าทุกท่านล้วนไม่ต้องการเป็นผู้ออกหน้า ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉัน สวีเจิ้นฮั๋วขอเป็นคนนำในนามของตระกูล สวี”
“การประชุมเวลา 19.00 น. คืนนี้จะต้องเป็นเรื่องของการออกกฎระเบียบใหม่แน่ อย่างนั้นเราก็แค่พยายามหลีกเลี่ยงการประชุมเวลา 19.00 น. คืนนี้ไปซะ แบบนี้ก็แก้ปัญหาได้แล้วไม่ใช่หรือ”
ไป๋หลี่เฉิงจี๋หัวเราะเยาะและพูดว่า “พี่สวีพูดน่ะง่าย นี่คือผู้อาวุโสสี่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากสมาคมผู้อาวุโส อย่างที่ว่ากันว่า”ของใหม่ที่ใคร ๆ ก็เห่อ เขาเพิ่งรับตำแหน่งก็มาที่จงโจวก่อนทันที จากนั้นยังเรียกประชุมแบบนี้ แล้วจะหยุดลงอย่างง่ายดายได้อย่างไร?”
เจียงอานจวิน ยังกล่าวอีกว่า: “ใช่ ผู้อาวุโสสี่โลกมนุษย์เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง เป็นช่วงเวลาแล้วที่ต้องสร้างผลงาน เป็นเรื่องยากมากที่จะหยุดการประชุมในคืนนี้”
ในเวลานี้ ฉีเฟิงยังกล่าวว่า “จะหยุดการประชุมในคืนนี้ ยากมาก!”
ในชั่วขณะหนึ่ง ผู้มีอำนาจตัดสินใจสี่ในห้าคนของตระกูลบู๊โบราณ แสดงความเห็นว่าเป็นการยากที่จะขัดขวางการประชุม
สวีเจิ้นฮั๋วไม่ขัดจังหวะ เขารอให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นก่อนที่จะหัวเราะและพูดว่า “พวกคุณพูดถูก มันยากที่จะหยุดการประชุมนี้ แต่ถ้าคนที่ต้องการจัดการประชุมไม่สามารถมาประชุมได้ล่ะ?”
ทันทีที่พูดออกไป รูม่านตาของทุกคนก็หดวูบลงและมองไปที่ สวีเจิ้นฮั๋วทีละคน
เจียงอานจวิน พูดอย่างเร่งรีบ “พี่สวีอย่ามัวแต่อมพะนำอยู่เลย มีวิธีอะไรดีๆ ก็รีบพูดมาเถอะ!”
ดวงตาของ สวีเจิ้นฮั๋วฉายแววเฉียบคมและพูดด้วยใบหน้าที่ดุร้ายว่า “มีเพียงสองวิธีเท่านั้นที่จะป้องกันไม่ให้ผู้อาวุโสสี่ของโลกมนุษย์ปรากฏตัวในสถานที่ประชุม ก็คือไม่ให้เขามาสถานที่ประชุมได้เพราะเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า แต่วิธีนี้ใช้ได้ผลเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น หากเขาว่างเมื่อไรก็คงจะนัดประชุมกันอีกแน่”
ฉีเฟิงเหล่ไปที่ สวีเจิ้นฮั๋วแล้วถามว่า “แล้ววิธีที่สองล่ะ?”
เขาเดาได้อยู่ในใจแล้ว
สวีเจิ้นฮั๋วมองไปที่เขาและพูดว่า “วิธีที่สอง ก็คือฆ่าเขาทิ้งไปโดยตรง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ใบหน้าของหลายคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
“สวีเจิ้นฮั๋วตระกูลสวีของคุณรนหาที่ตายก็อย่าลากพวกเราไป หากผู้อาวุโสสี่ของโลกมนุษย์ตายในมือของเราจริงๆ สมาคมผู้อาวุโสจะยอมลามือได้อย่างไร?”
เฉินจื้อจง โกรธและเรียกชื่อ สวีเจิ้นฮั๋วโดยตรง เขาพูดด้วยความโมโห “ตระกูลใหญ่อย่างพวกเราไม่สนใจสมาคมผู้อาวุโส แต่พลังที่อยู่เบื้องหลังสมาคมผู้อาวุโสนั้นน่ากลัวเพียงใด ฉันคิดว่าพวกคุณทุกคนก็รู้เรื่องนี้?”
“ถ้าคิดอยากไปหาเรื่องสมาคมผู้อาวุโสจริงๆ เกรงว่าแม้แต่หัวหน้าสมาคมตู้ของพันธมิตรพิทักษ์ก็ยังไม่สามารถปกป้องตระกูลของเราได้หรอก?”
เจียงอานจวิน ยังกล่าวอีกว่า “พี่เฉินพูดถูก กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังสมาคมผู้อาวุโสนั้นน่ากลัวเกินไป ไม่ใช่บุคคลอย่างเราจะไปท้าทายพวกเขาได้ ถ้าเกิดมีปัญหาใหญ่ขึ้นจริงๆ เกรงว่าในโลกใหม่ทั้งหมดจะไม่มีที่อยู่สำหรับพวกเรา”
ไป๋หลี่เฉิงจี๋ ยังกล่าวอีกว่า “สวีเจิ้นฮั๋วถ้าคุณมาหาเราเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการฆ่าผู้อาวุโสสี่ของโลกมนุษย์ อย่างนั้นฉันคิดว่าตอนนี้เราสามารถกลับกันได้แล้ว”
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นและจากไป
สวีเจิ้นฮั๋วยิ้ม เขามองไปที่ด้านหลังของ ไป๋หลี่เฉิงจี๋ ที่กำลังจากไปและพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากมันเป็นคำสั่งของหัวหน้าสมาคมพันธมิตรพิทักษ์ตู้อวี้ซานเอ่ยปากให้ฆ่าผู้อาวุโสสี่ของโลกมนุษย์เองล่ะ”
ไป๋หลี่เฉิงจี๋ที่เพิ่งมาถึงประตูตัวแข็งไปทันทีและหันไปมอง สวีเจิ้นฮั๋ว
อีกหลายคนก็มองไปที่ สวีเจิ้นฮั๋วด้วยใบหน้าที่ตกใจ
คำพูดของ สวีเจิ้นฮั๋วเป็นระเบิดลูกหนึ่ง
“พี่สวีคุณพูดจริงหรือไม่?”
ไป๋หลี่เฉิงจี๋ ถามด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
สวีเจิ้นฮั๋วยิ้มและลุกขึ้นไปเติมเหล้าให้อีกสี่คน จากนั้นเขาก็พูดว่า “ทุกท่านคิดว่าฉัน สวีเจิ้นฮั๋วกล้าเอาเรื่องแบบนี้มาโกหกทุกคนหรือ? หากหัวหน้าสมาคม:black”พันธมิตรพิทักษ์ตู้อวี้ซานรู้ว่าฉันกล้าแอบอ้างชื่อเขามา อย่างนั้นเกรงว่าตระกูลสวีทั้งหมดคงจะต้องหายไปจากโลกนี้แล้วใช่ไหม?”
ไป๋หลี่เฉิงจี๋ กลับไปที่โต๊ะ
พวกเขาทั้งหมดดูเคร่งขรึมมาก พวกเขารู้ว่า สวีเจิ้นฮั๋วไม่กล้าที่จะแอบอ้างหัวหน้าสมาคมพันธมิตรพิทักษ์แน่
ในเมื่อเขาพูดมาขนาดนี้แล้ว อย่างนั้นก็ต้องเป็นเรื่องจริง
กล่าวคือ หัวหน้าสมาคมพันธมิตรพิทักษ์ต้องการเอาชีวิตของหยางเฉิน
ฉีเฟิงแอบตกใจ เขาได้รับคำสั่งจากผู้นำตระกูลฉีให้จับเป็นหยางเฉิน แต่ตอนนี้ สวีเจิ้นฮั๋วได้ขว้างระเบิดลูกใหญ่ออกมา โดยบอกว่าหัวหน้าสมาคมตู้ของพันธมิตรพิทักษ์ต้องการชีวิตของหยางเฉิน
เมื่อ สวีเจิ้นฮั๋วเห็นการแสดงออกนี้ เขาก็ดูมีความสุขทันทีและถามด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่านรู้หรือไม่ว่าผู้อาวุโสสี่ของโลกมนุษย์ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งคือใคร?”
หลายคนมองหน้ากันแล้วส่ายหัว
สวีเจิ้นฮั๋วถามอีกครั้ง “อย่างนั้นทุกท่านรู้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้ทำลายม่านพลังระหว่างโลกมนุษย์และโลกบู๊โบราณล่าง?”
เฉินจื้อจง กล่าวว่า “ตอนนี้ยังมีใครไม่รู้บ้างว่าม่านพลังถูกทำลายโดยชายหนุ่มโลกมนุษย์ชื่อหยางเฉิน? แน่นอนว่าไม่ใช่เขาหรอก แต่เป็นจิตวิญญาณของเทพมารที่อาศัยอยู่ในร่างกายของเขา เจ้าเด็กนั่นไม่รู้ช่างโชคดีอะไรขนาดนั้น ถึงได้สามารถยืมพลังต่อสู้ของจิตวิญญาณของเทพมารได้ ดังนั้นเขาจึงทำลายม่านพลังลงด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่ง ”
คนอื่น ๆ พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง
จู่ๆเจียงอานจวิน ก็นึกถึงบางสิ่ง เขายิ้มและถาม สวีเจิ้นฮั๋วว่า “พี่สวีทำไมจู่ๆ คุณถึงพูดถึงหยางเฉิน?”
“หรือว่า ผู้อาวุโสสี่ของโลกมนุษย์ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งก็คือชายหนุ่มที่ชื่อหยางเฉิน?”
สวีเจิ้นฮั๋วยิ้มและพยักหน้า: “พี่เจียงเดาไม่ผิด ผู้อาวุโสสี่ของโลกมนุษย์ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากสมาคมผู้อาวุโสโลกมนุษย์ก็คือชายหนุ่มชื่อหยางเฉิน
“หรือว่า ผู้อาวุโสสี่ของโลกมนุษย์ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งก็คือชายหนุ่มที่ชื่อหยางเฉิน?”
สวีเจิ้นฮั๋วยิ้มและพยักหน้า: “พี่เจียงเดาไม่ผิด ผู้อาวุโสสี่ของโลกมนุษย์ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากสมาคมผู้อาวุโสโลกมนุษย์ก็คือชายหนุ่มชื่อหยางเฉิน
“ในเมื่อทุกท่านรู้จักหยางเฉิน อย่างนั้นก็น่าจะรู้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ หัวหน้าสมาคมตู้ได้ถึงกับเอ่ยด้วยตนเองให้หยางเฉินเข้าร่วม พันธมิตรพิทักษ์และกลายเป็นจอมพลคนที่สิบ อย่างไรก็ตาม เจ้าเด็กนี่กลับไม่รู้ชั่วดี และปฏิเสธไป”
“ไม่ว่าเหตุผลในการทำลายม่านพลังจะเป็นเพราะเขาใช้พลังของเทพมาร? หรือว่าเป็นจิตวิญญาณของเทพมารที่ยืมร่างกายของเขาเพื่อทำลายม่านพลังกาม นี่ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงสำหรับนักบูโดทุกคนในโลกบู๊โบราณล่าง มีโทษสมควรตาย!”
“ถ้าเขาเข้าร่วมพันธมิตรพิทักษ์ เรื่องนี้ก็คงแล้วกันไป แต่นี่เขากลับยังกล้าที่จะปฏิเสธหัวหน้าสมาคมตู้ด้วย”
“คำพูดพวกนี้ ฉันไม่กล้าพูดให้ชัดเจนเกินไป แต่ที่ฉันพูดเรื่องพวกนี้ ทุกท่านคงเข้าใจแจ่มชัดดีใช่หรือไม่?”
“หากเราสามารถทำให้หยางเฉินหายไปในโลกอย่างเงียบๆได้ แม้ว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดเผยขึ้นมาจริงๆ หัวหน้าสมาคมตู้ก็จะออกมาปกป้องเราไม่ใช่หรือ?”
“อีกทั้งหากเราขัดขวางการออกกฎใหม่สำเร็จ อย่างนั้นมันก็จะเป็นผลงานใหญ่ของตระกูลบู๊โบราณของโลกบู๊โบราณล่าง หัวหน้าสมาคมจะต้องตอบแทนเราอย่างแน่นอน”
เมื่อมาถึงจุดนี้ สวีเจิ้นฮั๋วหยุดลงและมองดูสีหน้าตะลึงในใบหน้าของคนเหล่านั้นด้วยความพอใจมาก
“พี่สวีคุณเองก็บอกว่า หยางเฉินสามารถยืมใช้พลังของจิตวิญญาณเทพมารและสำแดงพลังแข็งแกร่งออกมาได้ แม้กระทั่งม่านพลังยังถูกทำลาย นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้นั้นเทียบได้กับแดนนภาขั้นสามชั้นยอด”
ไป๋หลี่เฉิงจี๋พูดด้วยใบหน้ากังวล “แล้วอาศัยพวกเราจะไปฆ่าเขาได้ยังไง? เว้นแต่ว่าตระกูลของเราจะจัดนักบูโดชั้นแนวหน้าไว้ เท่านั้น ไม่อย่างนั้น คิดจะฆ่าเขา เป็นไปไม่ได้เลย!”
สวีเจิ้นฮั๋วพูดด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อฉันเป็นตัวแทนในการหยุดเรื่องนี้ของตระกูลสวีแล้วฉันจะไม่มีมาตรการตอบโต้เลยหรือไงกัน?”