The king of War - บทที่ 2108 บันทึกการโทร
The king of War บทที่ 2108 บันทึกการโทร
จากนั้น หยางเฉินก็มองไปที่สวีต๋าที่ตกตะลึง มีเจตนาฆ่าในดวงตาของเขา
สำหรับคนเหล่านี้ที่มาจากตระกูลบู๊โบราณ หยางเฉินไม่มีความรู้สึกดีๆกับพวกเขาเลย เมื่อกี้ สวีต๋าได้สั่งให้ผู้พิทักษ์ทั้งสองของตระกูลสวีฆ่าเขา
หากเขาเป็นเพียงคนธรรมดาในโลกจริงๆ เกรงว่าเขาคงตายไปแล้ว
“คุณ คุณกล้าแตะต้องผู้พิทักษ์ของตระกูลสวีของผม”
เสียงของสวีต๋าสั่น และเมื่อเขามองไปที่หยางเฉิน ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสยองขวัญ
ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดสายตรงของตระกูลบู๊โบราณ เขารู้ดีว่า หยางเฉินที่อายุยังน้อย
ก็สามารถเอาชนะผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นสองคนได้ทันที ซึ่งมันหมายถึงอะไรในโลกบู๊โบราณล่าง
“อาของผมเป็นผู้ที่มีอำนาจตัดสินเรื่องต่างๆของตระกูลสวีในจงโจวเชียวนะ สวีเจิ้นฮั๋ว! แม้แต่เย่จางกั๋วจากกองยุทธการจงโจว ยังต้องให้เกียรติอาของผม!”
สวีต๋าพูดด้วยความกลัวบนใบหน้าของเขา”ถ้าคุณกล้าแตะต้องผมแม้แต่น้อย อาของผมจะไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่!”
หยางเฉินเย้ยหยัน และทันใดนั้นก็หยิบขวดหยกที่ดูแปลกตาออกมา จ้องไปที่สวีต๋าแล้วถามว่า”คุณรู้จักสิ่งนี้ไหม?”
เมื่อสวีต๋าเห็นขวดหยกในมือของหยางเฉิน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและไม่เชื่อ
สวีต๋าถามด้วยความประหลาดใจ”นี่ นี่คือสมบัติล้ำค่าของตระกูลสวีของเรา ขวดกักวิญญาณ! ตอนนี้มันอยู่ในมือของอาของผม ทำไมมันถึงอยู่ในมือของคุณ?”
ในฐานะทายาทสายตรงของตระกูลสวีเขารู้ดีว่าขวดกักวิญญาณในตระกูลสวีนั้น หมายความว่าอย่างไร
หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม”คุณเดาสิ!”
สวีต๋ากัดฟันและพูดว่า”ขวดกักวิญญาณที่อาของผมนำมาจากตระกูลสวีก็เพื่อจัดการกับวิญญาณของเทพมาร อย่างไรก็ตาม วิญญาณของเทพมาร อาศัยอยู่ในร่างของชายหนุ่มที่มาจากโลกมนุษย์”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สวีต๋าก็ตกใจและพลันนึกถึงบางสิ่ง
เมื่อกี้ เซี่ยเหอเรียกอีกฝ่ายว่าหยางเฉิน
ส่วนชื่อหยางเฉินนั้น สวีต๋าก็รู้ดีว่าเป็นชายหนุ่มจากโลกมนุษย์ที่มีวิญญาณของเทพมารอาศัยอยู่
ถ้าตัวเองจำไม่ผิด อาจะร่วมมือกับผู้นำของกองกำลังอีกสี่ตระกูลบู๊โบราณในจงโจว เพื่อจัดการกับหยางเฉินในคืนนี้
แต่ตอนนี้ ขวดกักวิญญาณปรากฏขึ้นในมือของหยางเฉิน
ตัวตนของชายหนุ่มตรงหน้า พร้อมเปิดเผยแล้ว!
สวีต๋าพูดด้วยความสยองขวัญ”คุณ คุณคือหยางเฉิน!”
แสงเย็นชาสองดวงพุ่งออกมาจากดวงตาของหยางเฉิน และเขาพูดอย่างเย็นชา”ในเมื่อคุณเดาถูก งั้นตอนนี้คุณก็สามารถตายได้แล้ว!”
“ตุ้บ!”
ขาของสวีต๋าอ่อนทันที และเขาคุกเข่าลงบนพื้น สั่นสะท้านไปทั้งตัว
ที่คุกเข่าไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะหลังจากได้รู้ตัวตนของหยางเฉิน ร่างกายของเขาก็อ่อนเพลียเพราะความกลัว และร่างกายของเขาก็อ่อนระทวยอยู่กับพื้น
ในใจของเขา ไม่สามารถแม้แต่จะคิดที่จะวิ่งหนี
“ได้โปรด ได้โปรดอย่าฆ่าผมเลย เซี่ยเหอเป็นผู้หญิงของคุณ ผมจะไม่กล้าก่อกวนเธออีก ได้โปรดไว้ชีวิตผมเถอะ ผมจะไม่ก่อกวนเซี่ยเหออีก ตอนนี้ ผมจะไสหัวกลับไปที่โลกบู๊โบราณล่าง และจะไม่กลับมายังโลกมนุษย์อีกเลย”
หลังจากที่สวีต๋าดึงสติกลับมาได้ เขาก็ก้มกราบและขอร้องอ้อนวอน
เซี่ยเหอก็ตกตะลึง เธอยังคงงุนงงและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
สวีต๋า เป็นหลานชายของบุคคลที่เป็นผู้นำของตระกูลสวีในจงโจวเชียวนะ ตามใจตระกูลสวีมาก
ก่อนหน้านี้ คนจากตระกูลสวีไปที่ตระกูลเหอ เหอหยวนหงแทบจะคุกเข่าลงและเงยหน้ามองขึ้นไปที่เขา คนที่ไปที่ตระกูลเหอนั้น ไม่ได้เป็นทายาทสายตรงของตระกูลสวีด้วยซ้ำ แต่เป็นเพียงคนรับใช้ที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของสวีเจิ้นฮั๋ว
แค่คนรับใช้ของตระกูลสวีก็สามารถทำให้ชายที่ร่ำรวยที่สุดในจงโจวเกือบคุกเข่าลงให้ ส่วนสวีต๋าเป็นทายาทสายตรงที่แท้จริงของตระกูลสวีและหลานชายแท้ๆของสวีเจิ้นฮั๋ว
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ สวีต๋ากำลังคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนตรงหน้าเท้าของหยางเฉิน อ้อนวอนให้หยางเฉินปล่อยเขาไป
เมื่อมองไปที่ร่างชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ จู่ๆเซี่ยเหอก็รู้สึกเหม่อลอยเล็กน้อย ไม่ว่าที่ไหน หรือเวลาใด ผู้ชายคนนี้ก็มีออร่าที่ดึงดูดสายตาอยู่เสมอ
ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจว่าทำไมหยางเฉินถึงไม่เห็นตระกูลเหออยู่ในสายตา เพราะในสายตาของหยางเฉิน ตระกูลเหอนั้นอ่อนแอมาก
ในเวลานี้ หยางเฉินเดินไปตรงหน้าสวีต๋ามองลงมาที่เขาแล้วถามว่า”จู่ๆคุณก็มาหาเราถึงที่ น่าจะมีคนสั่งให้คุณมาใช่ไหม?”
สวีต๋าพูดอย่างรวดเร็ว”เธอชื่อเหอชาน จากตระกูลเหอในจงโจว เธอส่งรูปถ่ายของท่านกับคุณเซี่ยที่อยู่ด้วยกันให้ผม และส่งตำแหน่งของพวกคุณมาให้ผมด้วย”
“เหอซาน!”
เมื่อได้ยินคำพูดของสวีต๋า ใบหน้าของเซี่ยเหอก็เต็มไปด้วยความโกรธ เธอกัดฟันและพูดว่า”เธอทำอย่างนี้ได้อย่างไร?ไม่ว่ายังไง ฉันก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอนะ!”
สวีต๋าพูดอีกว่า”ผู้หญิงสารเลวคนนี้ ติดต่อกับฉันเป็นการส่วนตัวมาโดยตลอด และเธอก็ยังต้องการให้ผมสนับสนุนเธอขึ้นครองตำแหน่ง เธอยังบอกด้วยว่า ขอเพียงเธอได้ขึ้นครองตำแหน่ง ต่อไปทั้งตระกูลเหอจะเชื่อฟังผม”
ดวงตาของเซี่ยเหอเบิกกว้าง และเธอพูดอย่างเหลือเชื่อ”เธอพูดอย่างนั้นจริงหรือ?”
สวีต๋าพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีกและพูดว่า”ผมกับเธอได้ติดต่อกันมาโดยตลอด และมีการบันทึกเสียงทางโทรศัพท์ คุณเซี่ย ตอนนี้ผมก็สามารถให้ไฟล์บันทึกการโทรของผมกับเธอกับคุณเลย ท่านช่วยบอกให้คุณหยางปล่อยผมไปเถอะ ผมจะไม่ก่อกวนคุณอีก”
ดวงตาของหยางเฉินเย็นชา หรี่ตาและจ้องไปสวีต๋าและพูดว่า”คุณกำลังใช้ไฟล์บันทึกการโทรขู่เราหรือ?”
“ไม่กล้าๆ แม้ว่าคุณหยางจะไม่ยอมปล่อยผมไป แต่ผมก็ยินดีที่จะส่งเอกสารให้พวกคุณ”
สวีต๋าตกใจกลัวจนเกือบจะร้องไห้ รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วพูดว่า”คุณเซี่ย ผมส่งไฟล์ให้คุณเดี๋ยวนี้เลย”
ในไม่ช้า เซี่ยเหอก็ได้รับไฟล์บันทึกการโทรจากสวีต๋า และหลังจากฟังมัน มันเป็นเนื้อหาของการโทรระหว่างเหอซานและสวีต๋าจริงๆด้วย
แม้แต่หยางเฉินก็ยังประหลาดใจมาก เพราะเหอซาน ผู้หญิงคนนี้อยากให้ตระกูลสวีฆ่าเหอหยวนหง แล้วสนับสนุนเธอขึ้นครองตำแหน่ง
ช่างเป็นผู้หญิงที่ชั่วร้ายจริงๆ!
สวีต๋าถามอย่างระมัดระวัง”คุณหยาง ดูสิ ผมได้มอบเอกสารทั้งหมดให้กับคุณเซี่ยแล้ว ผมไปได้หรือยัง?”
เซี่ยเหออดไม่ได้ที่จะมองไปที่หยางเฉิน แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็มีแววตาอ้อนวอนเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงใจดีคนนี้ ไม่ต้องการให้หยางเฉินฆ่าสวีต๋า
“ไสหัวไปซะ!”
หยางเฉินตะโกนใส่สวีต๋า
สวีต๋าเหมือนได้รับการอภัยโทษ และวิ่งหนีไปโดยไม่ลังเล
ปล่อยสวีต๋าไปไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เรื่องที่หยางเฉินได้สังหารผู้นำคนสำคัญห้าคนของตระกูลใหญ่ทั้งห้าในโลกบู๊โบราณในจงโจง เขาไม่ได้คิดจะปิดบังมันอยู่แล้ว
แน่นอน แม้ว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดเผย แต่ผู้คนจากโลกบู๊โบราณล่างก็คงไม่เชื่อว่า หยางเฉินอาศัยความแข็งแกร่งของเขาเองและฆ่าผู้นำทั้งห้าคน
ผู้คนที่มาจากตระกูลบู๊โบราณที่รู้สึกว่าตนเองสูงส่ง จะคิดแค่ว่า ผู้ร้ายตัวจริงที่ฆ่าผู้นำทั้งห้าคือวิญญาณของเทพมารที่ใช้ร่างของหยางเฉินทำ
ส่วนเรื่องที่หยางเฉินได้ฆ่าผู้พิทักษ์แดนนภาทั้งสองที่ติดตามสวีต๋าในการโจมตีเพียงครั้งเดียว มันก็งั้นๆ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร
ดังนั้น การปล่อยสวีต๋าไป ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร
“หยางเฉิน ขอบคุณมากนะ!”
เซี่ยเหอมองไปที่หยางเฉิน และพูดอย่างจริงใจ
หยางเฉินยิ้มเล็กน้อย”เราเป็นเพื่อนกัน ระหว่างเพื่อน อย่าพูดประโยคนี้อีก ไปกันเถอะ ผมจะส่งคุณกลับบ้าน!”
หยางเฉินไม่ได้ถาม ว่าเซี่ยเหอจะทำอย่างไรกับไฟล์บันทึกการโทรที่สวีต๋าเพิ่งส่งให้เธอ เขาแค่ส่งเซี่ยเหอกลับไป จากนั้นก็ขับรถออกไป
เย่จางกั๋วเพิ่งติดต่อเขา และบอกว่ามีเรื่องที่ต้องหารือ