The king of War - บทที่ 2119 พรรคบำเพ็ญเซียน
The king of War บทที่ 2119 พรรคบำเพ็ญเซียน
หยางเฉินมองไปที่เมิ่งชินหลัน รอคำตอบจากฝ่ายตรงข้าม
เมิ่งชินหลันสีหน้าขึงขังจริงจังขึ้นมา ไม่พูดไม่จา ได้แต่ดึงพาหยางเฉินขึ้นรถไป จนแน่ใจว่าไม่มีบุคคลที่สามได้ยินเสียงคุยกันของพวกเขาแล้ว หล่อนจึงได้พูดขึ้นมาว่า “คุณเคยได้ยินเรื่องพรรคบำเพ็ญเซียนไหม?”
หยางเฉินส่ายหน้า เขายังเพิ่งจะได้ยินชื่อนิกายนี้เป็นครั้งแรกนี่เอง จึงถามว่า “นี่เป็นนิกายถ่ายทอดวิชาฝึกบำเพ็ญแบบการถ่ายทอดบู๊โบราณหรือเปล่า?”
เมิ่งขินหลันผงกหัว “ที่จริงแล้ว วิชาการฝึกบำเพ็ญแบบที่พวกเราสัมผัสอยู่ในขณะนี้ ล้วนจัดเป็นสายบู๊โบราณทั้งนั้น รวมไปถึงพวกกลุ่มพลังอิทธิพลบูโดชั้นยอดในโลกบู๊โบราณล่าง ความจริงแล้วก็ล้วนแต่ฝึกวิชาสายบู๊โบราณกัน”
“ส่วนพรรคบำเพ็ญเซียนนั้น เป็นสายพรรคชั้นสูงมาก ๆ สายหนึ่ง วิชาที่ผู้แข็งแกร่งพรรคบำเพ็ญเซียนฝึกกันนั้น ไม่ว่าด้านไหน ล้วนแล้วแต่เป็นไม้ตายใช้สยบวิชาของพรรคบู๊โบราณ”
“อาจารย์ของฉันยังเคยบอกว่า เวลานี้ในโลกนี้ไม่มีพรรคบำเพ็ญเซียนไปนานแล้ว พรรคบำเพ็ญเซียนเป็นพรรคที่มีการฝึกในสายที่คนชั้นอารยธรรมชั้นสูงจึงจะมี และวิชาการฝึกที่ยังมีหลงเหลืออยู่ในโลกนี้ทั้งหมด ความจริงแล้วก็เป็นวิชาการขั้นต่ำที่สุดของการฝึกบำเพ็ญในอารยธรรมชั้นสูงที่ได้รับการแก้ไขดัดแปลงแล้วถ่ายทอดสืบต่อลงมา ต่อให้ในกลุ่มอิทธิพลโลกบู๊โบราณบน ก็ไม่แน่ว่าจะมีหลงเหลือวิชาการฝึกบำเพ็ญที่แท้จริงอยู่”
“อาจารย์ฉันยังเคยบอกอีกว่า ผู้แข็งแกร่งในสายพรรคบำเพ็ญเซียน ขั้นแดนบูโดของพวกเขานั้น แตกต่างกันไปทั้งหมด กับขั้นแดนบูโดสายบู๊โบราณ เป็นขั้นแดนบูโดที่อยู่ในรูปแบบใหม่อย่างสิ้นเชิง”
“การเลื่อนขั้นในแต่ละแดนของฝ่ายพรรคบำเพ็ญเซียนนั้น พลังฝีมือของผู้แข็งแกร่งจะก้าวขึ้นในวงกว้าง การก้าวขึ้นในบางชั้นเล็ก ๆ ในแดน ยังเทียบไปได้ถึงขนาดการก้าวขึ้นแดนใหญ่ของสายบู๊โบราณด้วยซ้ำ”
“คุณก็ได้บอกว่า ตั้งแต่ขั้นแดนบูโดของคุณไปถึงแดนนภาแล้ว พลังฝีมือในแต่ละแดนจะก้าวขึ้นเป็นวงกว้าง เวลานี้ถึงขนาดว่าระดับแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นกลาง พลังการต่อสู้ระเบิดขึ้นไปเทียบเท่าระดับแดนนภาขั้นสามชั้นต้นแล้ว”
“ฉะนั้นจึงว่า วิชาที่คุณฝึกบำเพ็ญมา เป็นไปได้อย่างมากว่าไม่ใช่การฝึกบำเพ็ญสายบู๊โบราณ แต่เป็นการฝึกบำเพ็ญสายพรรคบำเพ็ญเซียน!”
บนใบหน้าเมิ่งชินหลันเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ส่อแววความห่วงกังวลที่หนักหนา
หยางเฉินอึ้งเงียบลงไปในทันที จู่ ๆ เขาก็ฉุกคิดขึ้นมา ตั้งแต่เขาเริ่มฝึกตำราเทพสงครามที่ผู้แข็งแกร่งลึกลับที่เรียกว่าตี้เทียนจากตี้ชุนท่านนั้นให้เขามา พลังฝีมือของเขาก็เริ่มก้าวระเบิด สามารถสยบคู่ต่อสู้แบบข้ามแดนได้
ยิ่งกว่านั้นในเวลานี้ยังสามารถใช้พลังฝีมือแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นกลาง ระเบิดพลังต่อสู้เทียบได้ถึงแดนนภาขั้นสามชั้นต้น
ถึงแม้เขามีการอาศัยใช้ลูกเล่นเสริมมากมาย จึงจะสามารถระเบิดพลังฝีมือแข็งแกร่งขนาดนั้น แต่ถึงให้ว่าไม่มีการใช้ตัวช่วยมากมายนั้น เขาก็ใช้ความสามารถเท่าที่มีอยู่ล้วน ๆ สยบผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นปลาย หรือถึงชั้นยอดก็ยังได้
เขายังรู้สึกประหลาดใจอย่างมากมาตลอด ตี้ชุนนั้นเป็นสถานที่อะไรที่ไหน และตี้เทียนก็เคยปรากฏตัวให้เขาเห็นอยู่แค่ครั้งเดียวตอนที่เขาได้เป็นคิงแห่งเยี่ยนตู ทั้งยังแสดงความเหยียดหมิ่นตัวเขาอย่างมาก ถึงขนาดว่าไว้ มีแต่ว่าเขาต้องมีพลังฝีมือไปให้ได้ถึงแดนนภา จึงจะมีศักดิ์ศรีพอที่จะรู้จักตี้ชุน
เวลานี้พลังฝีมือบูโดขึ้นมาถึงแดนนภาแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าตี้ชุนให้เห็นเป็นที่ไหนกันแน่ และก็ไม่เคยได้พบตี้เทียนอีกเลย
หรือว่า ตี้ชุนก็คือกลุ่มอิทธิพลผู้ฝึกบำเพ็ญสายอารยธรรมชั้นสูงที่หลงเหลืออยู่?และตำราเทพสงครามที่ตี้เทียนถ่ายทอดให้มา เป็นวิชาฝึกบำเพ็ญเซียนในอารยธรรมชั้นสูงที่หลงเหลือมา?
ยิ่งคิดไป หยางเฉินยิ่งรู้สึกเป็นที่น่าเป็นไปได้
มิฉะนั้น ตี้ชุนทำไมหายสาบสูญไปนานขนาดนั้น ทำไมมาถึงเวลานี้ก็ยังไม่เคยมีปรากฏให้เห็นเลย?
ถึงแม้เขาเองก็ยังไม่เคยเข้าไปถึงตี้ชุน แต่ก็พอจะมองเห็นอะไรลาง ๆ จากพฤติกรรมของตี้เทียนแล้วอยู่บ้าง ในตี้ชุนนั้นให้มีผู้แข็งแกร่งเดินออกมาสักคน น่ากลัวมีแต่ระดับแดนนภาทั้งนั้น
กลุ่มอิทธิพลบูโดที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ ถ้าปรากฏตัวมาในโลกนี้ น่ากลัวจะกวาดล้างได้หมดไปทั้งโลก?
ในขณะที่หยางเฉินคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อยนั้น เมิ่งชินหลันพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “หยางเฉิน อันนี้เป็นความลับของคุณ ฉันจะไม่ถาม แต่ทว่า ฉันก็ต้องย้ำบอกคุณชัด ๆ ว่า ไม่ว่าเวลาไหนก็ตาม จะต้องไม่เปิดเผยวิชาการฝึกบำเพ็ญพลังฝีมือของคุณอย่างเด็ดขาด”
“ถึงแม้ว่ามีใครเดาถูก คุณก็จะต้องยืนกราน บอกไปว่าคุณอาศัยพลังมาจากข้างนอก ถึงไส้มีพลังฝีมือมาได้ขนาดนี้”
“หากวันไหนเกิดมีใครสงสัยว่าวิชาที่คุณฝึกมานั้นเป็นสายทางพรรคบำเพ็ญเซียน จะต้องเป็นเรื่องนำพาภัยพิบัติมาให้คุณเป็นแน่!ถึงยังไง ในโลกปัจจุบันนี้ ไม่มีพรรคบำเพ็ญเซียนแล้ว ว่าไปถึงวิชาฝึกบำเพ็ญเพียรที่มีอยู่กันในทุกวันนี้ คิดว่าห่างไกลจนยากจะเทียบกับวิชาบำเพ็ญเซียนของคุณแล้ว”
หยางเฉินผงกหัว พูดด้วยความขอบคุณว่า “คุณวางใจได้ ผมจะระวังตัวให้อยู่ในสติกับเรื่องนี้”
บนใบหน้าเมิ่งชิงหลันยังคงความกังวลอยู่ไม่น้อย พูดต่อไปอีกว่า “ฉันเป็นห่วงอยู่ว่า การต่อสู้กันที่ชั้นบนสุดของโรงแรมจงโจวในวันนี้พอเป็นข่าวเปิดออกไปแล้ว จะต้องมีการตั้งข้อสงสัยถึงวิชาที่คุณฝึกมา จะเป็นของพรรคบำเพ็ญเซียน!”
พอรู้ว่าวิชาที่ตัวเองฝึกบำเพ็ญมานั้น เป็นไปได้อย่างมากที่เป็นของสายพรรคบำเพ็ญเซียน ในใจของหยางเฉินก็ให้รู้สึกกังวล
การฝึกสายบำเพ็ญเซียน ที่เหนือชั้นไปกว่าทุกวิชาฝึกบำเพ็ญเพียรในโลก ถ้าเป็นที่เปิดเผยออกมา แทบไม่ต้องคิดก็รู้ จะสร้างความฮือฮากันครึกโครมขนาดไหน
ถึงเวลานั้น กลัวว่าพวกเจ้าพ่อระดับยอดทั้งหลายในโลกบู๊โบราณล่าง จะมุ่งจ้องมาที่เขา
ในโลกปัจจุบันขณะนี้ สิ่งที่มีค่ามากที่สุดมีอยู่สองอย่าง หนึ่งคือ ยาเม็ด และอย่างที่สอง ก็คือวิชาฝึกบำเพ็ญ
และหยางเฉินมีเคล็ดวิชาฝึกบำเพ็ญชั้นยอดอยู่กับตัว ข้างตัวเขาก็มีเฝิงเสียวหว่าน ที่ปรุงยาเม็ดได้
ไม่ต้องสงสัย สถานการณ์เฉพาะหน้าของเขากับเฝิงเสียวหว่าน ต่างก็อยู่ในวิกฤตที่เลวร้ายที่สุด
หยางเฉินเอ่ยปากพูดขึ้นมาในทันใดนั้นว่า “ชินหลัน ผมมีเรื่องต้องขอไหว้วานคุณสักเรื่อง”
เมิ่ชินหลันชะงักอึ้งนิดหนึ่ง แล้วรีบพูดไปอย่างจริงจัง “หยางเฉิน คุณกับฉัน ไม่ต้องมาวางตัวอะไรกันแบบนั้น มีอะไรที่ฉันช่วยได้ ขอให้คุณพูดออกมาเลย ขอให้เป็นเรื่องที่ฉันช่วยได้ จะไม่มีการปฏิเสธเด็ดขาด”
หยางเฉินผงกหัว แล้วจึงได้เอาเรื่องของเฝิงเสียวหว่านเล่าให้เมิ่งชินหลันฟัง แล้วพูดไปว่า “ถึงแม้ให้ทั่วทั้งโลกบู๊โบราณล่าง นักปรุงยาเม็ดก็มีน้อยมาก ถ้าวันไหนเป็นที่เปิดเผยกันว่าเฝิงเสี่ยวหว่านมีฝีมือในการปรุงยาเม็ด จะต้องพาปัญหาเดือดร้อนมาใส่มากมายแน่นอน”
“ผมรู้ว่าตระกูลเมิ่งไม่ธรรมดา ถ้าเป็นไปได้ ผมหวังจะขอฝากเฝิงเสียวหว่านไว้ที่บ้านตระกูลเมิ่ง”
พอได้ยินเขาพูดจบ เมิ่งชินหลันนิ่งอึ้งไปในพลัน
หยางเฉินรู้อยู่ บ้านตระกูลเมิ่งไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็นกันผิวเผิน ถึงแม้จัดอยู่ในตระกูลโลกมนุษย์ แต่ผู้แข็งแกร่งในบ้านตระกูลเมิ่งมีนับไม่ถ้วน จัดเป็นตระกูลฤๅษีในโลกมนุษย์
ว่ากันว่า แม้แต่พันธมิตรพิทักษ์ ก็ยังต้องเห็นแก่หน้าตระกูลเมิ่งอยู่หลายส่วน
ในครั้งก่อนตอนม่านพลังยังไม่พังทลาย พันธมิตรพิทักษ์เฝ้าจ้องโลกมนุษย์อยู่ เมื่อไหร่พบเจอผู้แข็งแกร่งแดนนภา ก็จะบังคับพาออกไปอยู่ที่โลกบู๊โบราณล่าง แต่สำหรับตระกูลฤๅษีอย่างบ้านตระกูลเมิ่ง พันธมิตรพิทักษ์ได้แต่ทำหลับตาข้างหนึ่ง
หยางเฉินรู้ข่าวมา เคยมีผู้แข็งแกร่งตระกูลเมิ่งจำนวนหนึ่งเข้าไปอยู่ในโลกบู๊โบราณล่าง ต่อมา พวกผู้แข็งแกร่งตระกูลเมิ่งเหล่านี้ได้กลับมาที่โลกมนุษย์ ได้สร้างป้อมค่ายชั้นสูงขึ้นมาค่ายหนึ่ง ให้ตระกูลเมิ่งสามารถปลีกวิเวกอยู่ไม่ออกมา และยังสามารถบ่มเพาะผู้แข็งแกร่งแดนนภาไว้ได้
แน่นอนว่า เรื่องทั้งหมดนี้ทำกันในเชิงลับ น้อยคนนักที่จะรู้เรื่อง
นิ่งเงียบไปเป็นครู่ใหญ่ เมิ่งชินหลันจึงค่อยพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “หยางเฉิน ต้องขอโทษ เรื่องนี้ ฉันช่วยคุณไม่ได้!”
หยางเฉินฝืนแค่นหัวเราะออกมา “ไม่เป็นไร คุณคงต้องมีความลำบากใจอยู่ พอเข้าใจได้”
เมิ่งชินหลันรีบพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะช่วยคุณนะ เพียงแต่ว่าเฝิงเสียวหว่านนั้นฝีมือปรุงยาสูงมากเกินไป ถ้าให้พาไปไว้ในบ้านตระกูลเมิ่งแล้ว ต่อให้เป็นตัวฉันเอง น่ากลัวว่ายากที่จะเอาตัวหล่อนกลับออกมาได้อีก”
หยางเฉินมาตอนนี้จึงได้เข้าใจความหมายของเมิ่งชินหลันได้ชัดเจน ที่แท้หล่อนกลัวว่าเฝิงเสียวหว่านจะถูกตระกูลเมิ่งกักตัวไว้ ก็ใช่นั่นแหละ ก็แม้แต่กลุ่มอิทธิพลชั้นยอดของโลกบู๊โบราณ ยังไม่ใช่ว่าจะมีนักปรุงยาอยู่เลย แล้วจะเอาอะไรกับบ้านตระกูลเมิ่งในโลกมนุษย์
เมิ่งชินหลันพูดขึ้นอีกว่า “ฉันกลับมีความคิดที่ดีกว่านั้นอีก อาจจะทำให้คุณได้หลีกหลบไปจากเรื่องยุ่งยากต่าง ๆ ได้”