The king of War - บทที่ 2123 ฟังออกมั้ย
The king of War บทที่ 2123 ฟังออกมั้ย
คนทั้งหมดที่อยู่ภายในห้อง ไม่มีใครรู้สึกถึงว่าข้างนอกมีคนแอบฟังอยู่
ถึงแม้แต่ละคนเป็นคนใกล้ชิดที่สุดของหยางเฉิน นอกจากเฝิงเสียวหว่านเห็นกับตาที่หยางเฉินปรุงยาด้วยพรสวรรค์อันร้ายกาจแล้ว คนอื่นนอกนั้นไม่มีใครเชื่อว่าหยางเฉินจะใช้เวลาเพียงสั้น ๆ แค่ช่วงกลางวันวันเดียว ก็สามารถปรุงยาขั้นสามชั้นกลางออกมาได้
แต่นี่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เชื่อถือหยางเฉิน เพียงแต่การจะเป็นหมอปรุงยาได้นั้นมีเงื่อนไขในหลายปัจจัยที่โหดมาก หยางเฉินอายุก็จัดว่ามากแล้ว คิดจะใช้เวลาแค่ภายในวันเดียวนั้นเรียนวิชาปรุงยาจนเป็น ก็เป็นเรื่องที่ฝืนธรรมชาติมากอยู่แล้ว คิดจะปรุงยาขั้นสามออกมา ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
“หวยหลัน จัดการแต่งตัวให้ฉันเป็นหมอปรุงยา อีกทั้งเรื่องการจัดงานราตรี มอบให้เธอจัดการให้ด้วยนะ”
หยางเฉินก็ขี้เกียจที่จะชี้แจง แต่มองไปที่หวยหลันแล้วสั่งการไป
หวยหลานเห็นหยางเฉินพูดเรื่องเป็นการเป็นงาน ก็รีบวางตัวในสภาพพร้อมทำงาน ผงกหัวถามไปว่า “งานราตรีจองเป็นแปดโมงคืนพรุ่งนี้ จัดกันที่โรงแรมจงโจว ดีไหมคะ?”
หยางเฉินผงกหัว “ได้!”
สมรรภนะในการทำงานของหวยหลันนั้นเก่งมาก พื้นฐานก็มีฝีมือบูโดอยู่ในตัว ปล่อยให้หล่อนจัดการงาน หยางเฉินมีความไว้วางใจมาก
สั่งงานกับหวยหลันเรียบร้อยแล้ว หยางเฉินก็มองไปที่หม่าชาว
เห็นหยางเฉินมองมา หม่าชาวก็รู้ว่าภารกิจของตัวเองมาแล้ว รีบลุกยืนขึ้นตรง
หยางเฉินหันมองไปที่อ้ายหลินก่อน แล้วค่อยหันมาที่หม่าชาวพูดว่า “แกก็รู้แล้วนะ เวลาต่อจากนี้ไป พี่จะต้องปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งของสมาคมผู้อาวุโส และที่จงโจวนี้ก็เพียงจุดที่หนึ่ง หลังจากนี้ก็ยังต้องไปอีกหลายเขต”
หม่าชาวผงกหัวต่อ ๆ กัน พูดเสียงทุ้มหนักว่า “พี่เฉิน พี่จัดวางงานอะไรยังไง ขอให้สั่งมาได้เลย!”
หยางเฉินพูดว่า “เวลานี้ มีแต่ที่เยี่ยนตู จัดว่ามีความปลอดภัยที่สุด พี่อ้ายกับเสี่ยวจิ้งอันถ้าตามอยู่กับพวกเรา จะอันตรายมาก แน่นอนว่า ไม่เฉพาะพี่อ้ายกับเสี่ยวจิ้งอัน แม้แต่เจียอี๋ อีกทั้งท่านจั่วกับท่านโย่วผู้อาวุโสทั้งสอง ก็ล้วนจะมีอันตรายมาก”
ได้ยินดังนั้น ทุกคนก็เข้าใจถึงความหมายของหยางเฉิน
ไม่รอให้หม่าชาวเอ่ยปากพูด อ้ายหลินพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังว่า “พี่เฉิน ฉันตอนนี้พร้อมแล้วที่จะไปเยี่ยนตู พวกคุณวางใจไปปฏิบัติภารกิจของพวกคุณให้ดีได้เลย ไม่ต้องกังวลกับพวกเรา”
ได้ยินอ้ายหลินพูดมาแบบนี้ หยางเฉินก็ให้รู้สึกอุ่นใจ ผงกหัวรับ
หม่าชาวถึงแม้จะรู้สึกอาวรณ์อยู่บ้าง แต่ก็เข้าใจชัดเจนที่หยางเฉินพูดนั้นไม่ผิด สถานการณ์ของพวกเขาในขณะนี้ไม่ดีอยู่มาก ๆ ถ้าอ้ายหลินกับเสี่ยวจิ้งอันอยู่ข้างตัวพวกเขา มีแต่จะเป็นภาระถ่วงพวกเขา
ส่วนสมาคมผู้อาวุโสยังมีโลกใบเล็กที่ลึกลับอยู่เบื้องหลัง อีกทั้งเยี่ยนตูก็เป็นเขตต้องห้ามของโลกบู๊โบราณ คนของโลกบู๊โบราณไม่กล้าย่างก้าวเข้าไปได้ง่าย ๆ
เฝิงเจียหยีนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่งแล้ว พูดกับหยางเฉินอย่างจริงจังว่า “แต่ฉันคิดว่าจะไปกับพี่!”
หยางเฉินขมวดคิ้ว เฝิงเจียหยีถึงแม้ว่าพรสวรรค์บูโดก็ไม่เลวอยู่ อายุเพียงน้อย ๆ ภายใต้การช่วยเสริมจากยาเม็ดของเฝิงเสียวหว่าน ระดับขั้นบูโดก็ทะลุไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอดแล้ว
แต่ว่า เมื่อเทียบกับผู้แข็งแกร่งโลกบู๊โบราณล่างแล้ว พลังฝีมือของเฝิงเจียหยีก็ยังคงอ่อนเกินไป ส่วนผู้แข็งแกร่งที่หยางเฉิงกับหม่าชาวต้องไปเผชิญด้วยนั้น เป็นกันถึงระดับผู้แข็งแกร่งแดนนภา ถึงผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสอง แค่เพียงฝ่ามือเดียวของฝ่ายตรงข้าม ก็สามารถปลิดชีวิตเฝิงเจียหยีได้
แต่ทว่า ใบหน้าเฝิงจียหยีเต็มไปด้วยความแข็งกล้า ทำตาแดง ๆ จ้องที่หยางเฉิน ท่าทีไม่ยอมถอย
มองเฝิงเจียหยีอยู่ครู่ใหญ่ หยางเฉินจึงพูดขึ้นว่า “เธอรู้ไหม ตามไปกับฉันนี่ มีอันตรายมากแค่ไหน?”
เฝิงเจียหยีผงกหัว “ฉันรู้แน่นอนอยู่แล้ว!ที่พวกคุณจะไปรับมือด้วยล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแดนนภา ฝ่ายตรงข้ามแค่เพียงยกมือ ก็สามารถเก็บฆ่าฉันทิ้งได้!”
หยางเฉินชมวดคิ้วย่น “แล้วเธอยังจะตามพวกเราไปทำไมอีก?”
เฝิงเจียหยีพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ฉันอยากจะปรับเปลี่ยนตัวเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น!”
หยางเฉินถึงกับนิ่งอึ้งในฉับพลัน
ซ่งจั่วก็เอ่ยปากพูดขึ้นบ้างในตอนนี้ “คุณหยาง พวกเราสองพี่น้อง ก็คิดจะไปกับท่านด้วย หวังว่าท่านจะเห็นด้วย!”
หยางเฉินฝืนยิ้มส่ายหน้าด้วยความลำบากใจ พูดอย่างเสียไม่ได้ว่า “ผู้อาวุโสทั้งสองทำไมจะมาวุ่นวายตามด้วยนะ?”
สีหน้าของซ่งจั่วกับซ่งโย่วต่างก็ดูจริงจังขึ้นมา ซ่งจั่วเอ่ยปากพูดว่า “คุณหยาง ท่านก็รู้อยู่ ผมสองพี่น้องมีความแค้นสุมอกอยู่ ลำพังพลังฝีมือของพวกผมสองคนพี่น้อง ไม่มีทางเลยที่จะแก้แค้นได้!”
“ถึงแม้การติดตามคุณหยางท่านไปนั้นอันตรายมากยิ่ง แต่พวกผมก็ไม่มีอะไรจะต้องหวาดหวั่น การเป็นนักบู๊ ก็ต้องก้าวไปข้างหน้า ไม่มีอะไรต้องไปกลัว!”
“ก็มีแต่อยู่กับความเป็นความตาย พวกผมถึงจะยกระดับขึ้นได้ในวงกว้าง”
หยางเฉินรู้สึกละอายแก่ใจขึ้นมาในทันใด เขาได้รับปากกับสองพี่น้องตระกูลซ่งไว้แต่แรก รอให้เขาเองมีกำลังพอแล้ว จะไปช่วยแก้แค้นกับพวกเขา
แต่ทว่า นี่ก็ผ่านไปเป็นเวลานานเท่าไหร่แล้ว เขาตอนนี้มีพลังฝีมือเทียบไปได้ถึงแดนนภาขั้นสามชั้นต้นแล้ว กลับยังไม่ได้ไปช่วยแก้แค้นกับพวกเขา
เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “สองท่านผู้อาวุโสจั่วกับผู้อาวุโสโย่ว ผมขอรับรอง ให้ภารกิจครั้งนี้แล้วเสร็จ ผมจะไปแก้แค้นกับพวกคุณด้วยตัวเอง!”
สองพี่น้องตระกูลซ่งดีใจขึ้นมาในพลัน แต่ซ่งจั่วยังคงพูดไปอีกว่า “คุณหยาง ต้องขอบคุณเป็นอย่างสูง!และในตอนนี้พลังฝีมือของพวกผม ก็ได้ก้าวขึ้นไปอีกมาก ห่างเวลาที่เราจะล้างแค้น ก็ไม่ไกลแล้ว”
“ถ้าหากเป็นไปได้ พวกเราก็ยังหวังที่จะลงมือล้างแค้นด้วยตัวของตัวเอง!”
ได้ยินดังนั้น หยางเฉินก็ไม่ได้ต้องมีลังเล ผงกหัวแล้วพูดว่า “ก็ได้!ในเมื่อพวกคุณคิดจะตามไปกับพวกเรา งั้นก็อยู่ที่นี่กันก็ได้!แต่ว่า พวกคุณต้องเข้าใจนะ พวกเราต้องพร้อมเข้าปฏิบัติภารกิจในทันที หากว่ามีใครจะใช้พวกคุณมากดดันบังคับผม ผมคงต้องยึดภารกิจเป็นสำคัญ!”
ซ่งจั่วรีบพูดขึ้นทันที “คุณหยางวางใจได้เลย พวกผมติดตามอยู่ข้าง ๆ ท่าน จะไม่ได้คิดพึ่งท่านทำให้เป็นภาระกับท่านอย่างเด็ดขาด ถ้าหากถึงเวลาที่มีเหตุทำให้ท่านลำบากใจ ท่านไม่จำเป็นต้องมาช่วย”
“สองปีที่ผ่านมานี้ ได้ติดตามอยู่กับท่าน ก็ได้ทำให้พวกเรารับประโยชน์ไม่น้อย พลังฝีมือก็ขยับขึ้นในวงกว้าง พวกผมสองพี่น้อง ก็รู้สึกขอบคุณอยู่เป็นอันมากแล้ว!”
หยางเฉินยังจำได้ ตอนที่พบกับสองพี่น้องตระกูลซ่งเป็นครั้งแรกนั้น พวกเขายังอยู่เพียงแค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นสามหรือขั้นสี่เท่านั้น มาตอนนี้ พี่น้องสองคนนี้ ได้มาถึงขั้นพร้อมทะลวงขึ้นไปถึงแดนนภาได้ทุกเวลา ซึ่งเป็นการก้าวขึ้นที่รวดเร็วมาก
แน่นอนว่า ผลงานที่ยิ่งใหญ่ในนั้น ต้องยกให้เป็นของเฝิงเสียวหว่าน
ในทุกวันเป็นปกติที่เฝิงเสียวหว่านปรุงยา ทุกครั้งจะต้องเอายาเม็ดที่เป็นสุดยอดเก็บไว้ให้คนข้างตัว
ให้แม้แต่เฝิงเจียหยี ขณะนี้ก็ล้วนไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอดแล้ว ต้องรู้ว่า ในช่วงที่ผ่านมา พลังฝีมือระดับนี้ เฝิงเจียหยีก็มีคุณสมบัติเป็นทายาทสืบทอดตระกูลเฝิงอันเป็นหนึ่งตระกูลในราชวงค์โบราณแล้ว
สุดท้ายหยางเฉินก็มองไปที่เฝิงเจียหยีที่มีสีหน้าเด็ดเดี่ยว เฝิงเจียหยีก็รีบแสดงจุดยืนออกไป “ฉันไม่ต้องให้พี่ช่วย!”
ถึงแม้สั้น ๆ เพียงหกคำ แต่ก็เป็นการแสดงท่าทีที่ชัดเจน
หยางเฉินผงกหัว “ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอก็อยู่ด้วยละกัน!”
และแล้ว สุดท้ายก็มีแต่เฝิงเสียวหว่านกับอ้ายหลิน อีกด้วยกับเสี่ยวจิ้งอันที่เพิ่งกำลังหัดพูดกลับไปเยี่ยนตู
แน่นอน หม่าชาวดูแลส่งพวกเขาเดินทางกลับไปเยี่ยนตู
ถึงแม้จะไปที่เยี่ยนตู หยางเฉินก็ไม่ได้จะวางใจ และในก่อนหน้านี้ได้ติดต่อไปที่สมาคมผู้อาวุโส ให้พวกเฝิงเสียวหว่านพักเป็นการชั่วคราวอยู่ในสำนักงานใหญ่ของสมาคมผู้อาวุโส
จัดการกับเรื่องทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อย หยางเฉินกำลังเตรียมจะไปทำการปรุงยาต่อ แต่ในขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเขาก็มีเสียงเรียกเข้า
พอรับสาย เสียงที่คุ้นเคย และออกแนวขี้เล่นเสียงหนึ่งดังเข้ามา “คุณอา ฟังออกไหมว่าเสียงใคร?”