The king of War - บทที่ 2127 พ่อบ้านส่งแขก
The king of War บทที่ 2127 พ่อบ้านส่งแขก
เซี่ยหลินรีบพยักหน้า กอดแขนของหยางเฉินไว้อย่างรักใคร่ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณปู่คะ นี่ค่ะคุณลุงที่หนูเคยพูดถึง!”
หยางเฉินทำหน้าหมดคำจะพูด เธอจะให้ฉันมาแกล้งเป็นแฟนของตัวเองไม่ใช่รึไง? ทำไมเปิดปากมาก็คุณลุงเลยล่ะ?
นอกจากนั้น หยางเฉินยังรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เพราะเมื่อกี้กู้ไท่ชูเพิ่งบอกว่าก่อนหน้านี้เซี่ยหลินเคยพูดถึงเขา และบอกว่าทั้งคู่ได้รู้จักกันบนเครื่องบิน
เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วัน ก็เป็นแฟนกันแล้วเหรอ?
“ฮ่าฮ่า ดี! ดูดีมีราศี แต่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นชายหนุ่มที่มีความสามารถ!”
ไม่มีใครคาดคิดว่ากู้ไท่ชูจะดีใจมาก สายตาที่มองหยางเฉิน ก็เปี่ยมด้วยความชื่นชม
กู้ไท่ชูรีบพูดขึ้นว่า “คุณหยาง รีบเข้ามาข้างในก่อน!”
หยางเฉินพยักหน้าเบาๆ แล้วเดืนตามกู้ไท่ชูเข้าไปในห้องรับรองด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
เขาสามารถรับรู้ๆ ได้อย่างชัดเจนว่าตอนที่กู้ไท่ชูมองเขา มีความเคารพอยู่ในแววตา แถมยังต้อนรับเขาอย่างกระตือรือร้นเกินไป มันไม่เหมือนการพบหน้ากับแฟนของหลานสาวเลยสักนิดแต่เหมือนพบหน้าคนที่มีตำแหน่งสูงกว่า
ไม่นาน หยางเฉินก็พอเดาสาเหตุได้ ดูท่า กู้ไท่ชูน่าจะรู้ฐานะที่แท้จริงของเขาแล้ว ต่อให้จะยังไม่มั่นใจ แต่ก็กำลังสงสัย
หยางเฉินหันมองคนไร้หัวใจอย่างเซี่ยหลินที่อยู่ข้างๆ เซี่ยหลินยังไม่รู้ว่าหยางเฉินรู้ความจริงแล้วและยังพูดมาอย่างซื่อๆ ว่า“คุณลุง วันนี้ฉันได้รับอานิสงส์จากบารมีของคุณเต็มๆขฌ เลย ปกติคุณตาท่านไม่ได้ออกมารับแขกด้วยตนเองตั้งหลายปีแล้ว”
หยางเฉินยิ้มๆ แล้วหันไปพูดกับกู้ไท่เซี่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณความให้เกียรติของเจ้าบ้านกู้มากๆ เลยนะครับ”
“ฮ่าฮ่า! ไม่ต้องเกรงใจ!”
กู้ไท่ชูหัวเราะชอบใจ
ส่วนหยางเฉินก็มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว คืนพรุ่งนี้เขาจัดงานเลี้ยงขึ้น เพื่อสร้างภาพว่าตัวเองเป็นนักปรุงยา
ตามแผนที่หวยหลันวางไว้ หลังจากที่สร้างภาพว่าตัวเองเป็นนักปรุงยาคนหนึ่งแล้ว ยังต้องเดินทางไปทุกโจว ตามหาตระกูลตัวแทน เพื่อช่วยเขารับสมัครนักบูโดของโลกนี้
เดิมที หยางเฉินตั้งใจจะให้เศรษฐีอันดับหนึ่งของจงโจวอย่างตระกูลเหอเป็นตระกูลตัวแทน แต่ในเวลาต่อมา หลังจากที่เขาทำการตรวจสอบตระกูลเหอถึงได้รู้ว่า ตระกูลเหอมีการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์กับตระกูลบู๊โบราณ เขาจึงได้พาเซี่ยเหอกลับมา
และเมื่อคืน หลังจากที่หยางเฉินได้กินข้าวเย็นกับเซี่ยเหอแล้ว มีชายหนุ่มจากตระกูลสวีที่ชื่อสวีต๋ามาหาพวกเขา แถมยังเป็นฝ่ายเข้ามาหาเรื่อง และความจริงก็ได้พิสูจน์ว่า เหอซานลูกพี่ลูกน้องของเซี่ยเหอที่ถูกตระกูลเหอส่งมาเพื่อจับตาดูเธอ ได้ส่งตำแหน่งของหยางเฉินกับเหอเซี่ยไปให้สวีต๋า
ตอนแรกหยางเฉินคิดว่าเหอหยวนหงเศรษฐีอันดับหนึ่งของจงโจว หรือปู่แท้ๆ ของเซี่ยเหอได้รู้เรื่องนี้แล้ว จะลงโทษเหอซานอย่างหนัก เพื่อให้ความเป็นธรรมกับเซี่ยเหอ
ใครจะไปคิดว่า เหอหยวนหงไม่เพียงไม่ลงโทษเหอซานอย่างหนัก แต่กับกักบริเวณเซี่ยเหอไว้ในตระกูลเหอ และพร้อมให้เซี่ยเหอแต่งงานเพื่อผลประโยชน์กับตระกูลบู๊โบราณทุกเมื่อ
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เซี่ยเหอเป็นเพื่อนของเขา ต่อให้เซี่ยเหอกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย ถ้าให้เขารู้เรื่องนี้เข้า เขาก็ไม่มีทางให้ตระกูลเหอมาเป็นตระกูลตัวแทนเด็ดขาด
และหยางเฉินก็รู้ดีว่า เมื่อไหร่ที่เขาเลือกตระกูลกู้ให้เป็นตระกูลตัวแทน เรื่องนี้จะทำให้ฐานะของตระกูลกู้ในจงโจวพุ่งทะยานขึ้นทันที สามารถก้าวขึ้นเป็นตระกูลที่สูงที่สุดในจงโจว โดยไม่มีคำว่าหนึ่งใน
เป้าหมายของหยางเฉิน คือต้องการให้เหล่าตระกูลตัวแทนช่วยเขารับสมัครผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง และใช้โอกาสนี้ให้ผู้แข็งแกร่งพวกนี้ช่วยปกป้องกฎใหม่ ถึงตอนนั้น ยังจะมีใครกล้าทำผิดกฎใหม่อีก?
เหอหยวนหงไม่มีทางนึกถึงว่าจากการกระทำของตน จะทำให้เสียโอกาสครั้งใหญ่ไป เป็นโอกาสที่ทำให้ตระกูลเหอสามารถรุ่งโรจน์ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยปี
“เจ้าบ้านกู้ คนที่เพิ่งมาที่บ้านตระกูลกู้เมื่อกี้ ใช่คนของตระกูลบู๊โบราณรึเปล่าครับ?”
ตอนกินข้าว จู่ๆ หยางเฉินก็ถามกู้ไท่ชูไปอย่างนั้น
ถึงเขาจะรู้แล้ว แต่ก็อยากใช้โอกาสนี้มาดูการตอบสนองบางอย่างของกู้ไท่ชู
พอได้ยินอย่างนั้น กู้ไท่ชูก็ทำหน้าโมโหขึ้นมาทันที กัดฟันแล้วพูดว่า “เป็นคนจากตระกูลบู๊โบราณนั่นแหละ! คนพวกนี้มันช่างชั่วช้าไร้ยางอายซะจริง พวกมันเอาของที่เคยได้ไปจากตระกูลกู้ มาสู่ขอที่ตระกูลกู้ของเรา”
“ถ้าเป็นการสู่ขอกันจริงๆ ก็ไม่เป็นไร แต่พวกมันดันมาด้วยเจตนาที่จะมารับเมียเก็บชัดๆ นี่มันเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตระกูลกู้ชัดๆ”
“ถึงตระกูลกู้ของเราจะไม่ใช่ตระกูลสูงสุดของจงโจว แต่ก็เป็นตระกูลที่เป็นรองแค่ตระกูลสูงสุดเท่านั้น แล้วจะเคยไปเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนได้ยังไง?”
หยางเฉินพยักหน้า จากนั้นก็พูดไปว่า “ตอนนี้ม่านพลังแตกสลาย โลกบู๊โบราณล่างกับโลกมนุษย์ได้หลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แล้ว และนักบูโดของโลกบู๊โบราณล่างก็ยังมีความได้เปรียบในวิถีบู๊ ต่อให้สมาคมผู้อาวุโสจะออกกฎใหม่แล้วก็ตามมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงในโลกวิถีบู๊ได้”
“ถ้าตระกูลกู้เกี่ยวดองกับตระกูลบู๊โบราณจริง แถมยังเป็นตระกูลเฉินที่เป็นชั้นแนวหน้าของตระกูลบู๊โบราณละก็ ฐานะของตระกูลกู้ที่อยู่ในโลกมนุษย์ก็จะสูงตามไปด้วย”
“เมื่อเป็นแบบนี้ แล้วทำไมเจ้าบ้านตระกูลกู้ถึงต้องปฏิเสธการเกี่ยวดองกับตระกูลเฉินด้วยค่ะครับ?”
พอได้ฟังที่หยางเฉินพูด กู้ไท่ชูก็ถึงกับตาโต เซี่ยหลินที่อยู่ข้างๆหญ ก็ตาโตเหมือนกัน
เซี่ยหลินพูดออกมาด้วยความโมโหว่า “หยางเฉิน นึกไม่ถึงว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้! นี่คุณฟังไม่เข้าใจรึไงว่า ตระกูลบู๊โบราณเฉินอยากให้พี่ซือซือไปเป็นเมียเก็บ? เห็นๆ กันอยู่ว่าพวกนั้นต้องการใช้ข้ออ้างนี้มากลืนกินตระกูลกู้แบบไม่ต้องทำอะไรมาก”
เซี่ยหลินนั่นโมโหมากจริงๆ แม้แต่คุณลงก็ไม่เรียกแล้ว แต่เรียกชื่อหยางเฉินไปตรงๆ
กู้ซือซือก็ทำหน้าโมโหเหมือนกัน พูดกับหยางเฉินด้วยดวงตาที่แดงก่ำว่า “คุณเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง จะไม่รู้อะไร? ถ้าไม่รู้เรื่องก็อย่ามาพูดอะไรมั่วๆญทหภ นะ!”
ไม่รู้ว่ากู้ไท่ชูกำลังคิดอะไรอยู่ ตอนที่จ้องมองหยางเฉิน เห็นได้ชัดว่ามีความผิดหวังปรากฏขึ้นในสายตา
การแสดงออกของทุกคน หยางเฉินต่างอยู่ในสายตาของหยางเฉิน
เขาทำตัวเหมือนไม่มีอะไร และพูดอย่างเรียบเฉยไปว่า “ผมไม่ได้พูดมั่วๆ แต่กำลังพูดถึงความจริงอย่างหนึ่ง! เดิมโลกบู๊โบราณล่างก็เล็กมากอยู่แล้ว วันนี้ม่านพลังแตกสลาย พวกนั้นก็ต้องรุกรานเข้ามาในโลกมนุษย์เป็นจำนวนมากอย่างแน่นอนผู้แข็งแกร่งในโลกมนุษย์ฝีมืออ่อนแอต่อให้เป็นสมาคมผู้อาวุโส ก็ยากที่จะต้านทานนักบูโดจากโลกบู๊โบราณได้”
“โลกใบใหม่ที่เกิดขึ้นใบนี้ มันจะกลายเป็นโลกใบใหม่ที่วิถีบู๊เป็นใหญ่ ส่วนกฎใหม่ที่สมาคมผู้อาวุโสตั้งขึ้น อย่างมากก็ควบคุมได้แค่พวกนักบูโดที่ฝีมืออ่อนแอเท่านั้น แต่จะไม่สามารถควบคุมเหล่านักบูโดระดับสูงได้”
“ตระกูลบู๊โบราณเฉินที่เป็นตระกูลระดับสูงนั้น มีผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นยอดคอยปกป้อง ถ้าสามารถเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลบู๊โบราณระดับนี้ได้ ต่อให้เป็นตระกูลที่เล็กที่สุดในจงโจว ก็สามารถกลายเป็นตระกูลระดับสูงในชั่วข้ามคืนได้”
คำพูดของหยางเฉินไม่ได้เป็นการพูดให้ดูน่ากลัว ถ้าสมาคมผู้อาวุโสไม่สามารถควบคุมนักบูโดจากโลกบู๊โบราณได้ สิ่งที่เขาพูดก็จะกลายเป็นจริงขึ้นมา
สีหน้าของกู้ไท่ชูดูไม่ชัดเจนนัก แต่เซี่ยหลินกับกู้ซือซือกลับโมโหมาก ต่างพากันกล่าวโทษหยางเฉิน
หยางเฉินไม่ได้สนใจคำตำหนิของเซี่ยหลินกับกู้ซือซือ นั่ง อย่างมั่นคงราวกับภูผา รอคอยการตอบสนองของกู้ไท่ชู
กู้ไท่ชูเงียบไปพักใหญ่ ยกเหล้าขึ้นมาแก้วหนึ่ง ดื่มลงไปในทีเดียว จากนั้นก็มองไปที่หยางเฉินแต่การมองหยางเฉินในครั้งนี้ไม่เหลือความกระตือรือร้นใดๆ ในสายตา เหลือเพียงความเฉยชาเท่านั้น
“ถ้าเพียงเพราะต้องการให้ตระกูลกู้กลายเป็นตระกูลระดับสูง แต่ต้องแลกด้วยความสุขของเด็กสาวในตระกูล ฉันยอมละทิ้งโอกาสที่ตระกูลกู้จะได้ขึ้นเป็นตระกูลระดับสูงดีกว่า!”
คำพูดของกู้ไท่ชูเสียงดังฟังชัด พูดกับหยางเฉินด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “ฉันยอมรับว่าตระกูลบู๊โบราณนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ถ้าพวกนั้นคิดว่าเราเป็นตระกูลที่สามารถกดขี่ได้ง่ายๆ ก็ดาหน้ากันเข้ามาได้เลย ต่อให้ต้องกัด อย่างตระกูลกู้ของเราก็จะกัดเนื้อของพวกมันออกมาสักก้อน!”
พูดจบ กู้ไท่ชูก็ยืนขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “พ่อบ้าน ส่งแขก!”