The king of War - บทที่ 2146 เรายอมรับโทษ
The king of War บทที่ 2146 เรายอมรับโทษ
พอเห็นหยางเฉินที่นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้อาวุโสสี่ ทุกคนที่อยู่ในงานต่างตกอยู่ในความเงียบ นอกจากบางคนที่รู้ฐานะที่แท้จริงของหยางเฉินแล้ว คนอื่นๆ ที่เหลือต่างทำหน้าตะลึง
“ทะ ทำไมเขาถึงไปนั่งบนที่นั่งของผู้อาวุโสสี่ล่ะ?”
ข้างๆ กู้ไท่ชู กู้ซือซือจ้องมองไปทางหยางเฉินแล้วพึมพำออกมาเบาๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติ
เซี่ยหลินก็ทำหน้าตะลึงเหมือนกัน อ้าปากกว้างๆ จ้องมองไปทางหยางเฉิน ทำไม่ไหวจนพูดออกมาว่า “หรือจะบอกว่า ฐานะที่แท้จริงของคุณลุง จะเป็นผู้อาวุโสสี่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากสมาคมผู้อาวุโสเมื่อไม่นานมานี้?”
ถึงกู้ไท่ชูจะรู้สึกสงสัยในตัวตนขอหยางเฉินอยู่แล้ว แต่ยังไงก็ยังไม่มั่นใจ ตอนนี้พอเห็นการกระทำของหยางเฉิน ในที่สุดเขาก็มั่นใจแล้วว่าหยางเฉินก็คือผู้อาวุโสสี่
ทางด้านตระกูลเหอ เหอหยวนหงถึงกับตาโต รู้สึกเข่าอ่อน โซซัดโซเซถอยหลังไปหลายก้าว จนเกือบจะล้ม
เหอหยวนหงทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ “ไม่! มันเป็นไปไม่ได้! เขาจะไปเป็นผู้อาวุโสสี่ได้ยังไง?”
เขาไม่สามารถยอมรับเรื่องที่หยางเฉินคือผู้อาวุโสสี่ได้
แน่นอนว่า คนที่ยอมรับเรื่องนี้ได้ยากที่สุดไม่ใช่เหอหยวนหง แต่เป็นสองพ่อลูก เฉินไห่โจวกับเฉินหยางต่างหาก
“เจ้าหนู แกนี่ช่างกล้าจริงๆ เลยนะ ถึงกล้าไปนั่งบนที่นั่งของผู้อาวุโสสี่แบบนี้!”
เฉินไห่โจวกัดฟันแล้วพูดกับหยางเฉิน “อีกอย่าง แกยังกล้าสั่งคนให้ฆ่าคนของโลกบู๊โบราณต่อหน้าผู้คนอีก แกรู้รึเปล่าว่าตู้ฉุนเป็นคนของตระกูลเฉิน?”
หยางเฉินหันมองเฉินไห่โจวอย่างขบขันแล้วพูดไปว่า “ดูท่า คุณเฉินจะไม่ค่อยเข้าใจกฎที่สมาคมผู้อาวุโสเพิ่งประกาศออกมาสินะเมื่อเป็นอย่างนั้น ผมว่านะ ตระกูลบู๊โบราณเฉินควรเปลี่ยนตัวแทนที่อยู่ในจงโจวแล้วล่ะ”
พูดจบ เขาก็หันไปสั่งคนข้างๆ ว่า “แจ้งไปที่ตระกูลเฉิน ให้เปลี่ยนตัวแทนคนใหม่ซะ”
“ครับ ผู้อาวุโสสี่!”
สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจคือ จางจี้หนึ่งในสี่รองผู้บัญชาการกองยุทธการจงโจว ได้ก้าวออกมาทำการตอบรับคำสั่ง
ก่อนหน้านี้ยังมีคนสงสัยในตัวตนของหยางเฉิน แต่ว่าตอนนี้ จางจี้ เป็นตัวแทนของกองยุทธการจงโจวที่มาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ กลับรับคำสั่งของหยางเฉิน แถมยังเรียกหยางเฉินว่าผู้อาวุโสสี่ด้วย
ไม่เท่ากับว่า ฐานะที่แท้จริงของหยางเฉิน ก็คือผู้อาวุโสสี่อย่างนั้นเหรอ?
เฉินไห่โจวสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ซีดเซียวอย่างถึงที่สุด
เขารู้ดีว่า เมื่อไม่กี่วันก่อน ตัวแทนของห้าตระกูลใหญ่แห่งตระกูลบู๊โบราณ กับผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นสุดยอดห้าคนและผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นปลายอีกห้าคน ร่วมมือกันทั้งสิบห้าคน แต่กลับถูกผู้อาวุโสสี่ฆ่าตายด้วยตัวคนเดียว
และในตอนนี้ แม้แต่จางจี้ที่บรรลุถึงแดนนภาแล้วยังเรียกหยางเฉินว่าผู้อาวุโสสี่
และในเมื่อคืน รวมถึงเมื่อกี้ เขาเพิ่งมีเรื่องกับหยางเฉินไป
ไหนจะชายหนุ่มที่สามารถสังหารตู้ฉุนได้ในทีเดียวเมื่อกี้ อายุน้อยกว่าหยางเฉินเสียอีก แต่กลับมีความสามารถที่ฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นได้ในการโจมตีเดียวแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ราวกับเป็นฝ่ามือที่ตบใส่หน้าเขาอย่างแรง
“ทำไม? คุณเฉินยังอยากคุยเรื่องกฎใหม่กับผมอย่างนั้นเหรอ?”
หยางเฉินหรี่ตามองเฉินไห่โจว แล้วถามออกไป
เฉินไห่โจวกำสองหมัดแน่น เขาอยากประจันหน้ากับหยางเฉินจริงๆ แต่พอได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของหยางเฉินแล้ว เขาจะไปกล้าได้ยังไง?
ถ้ามีข้ออ้างให้หยางเฉินได้ลงมือ เกรงว่าเขาอาจจะถูกฆ่าตายจริงๆ ก็ได้
เขาหันมองไปทางคนจากห้าตระกูลใหญ่จากตระกูลบู๊โบราณตามสัญชาตญาณ แล้วพบว่าทุกคนต่างกำลังมองเขาด้วยสายตาที่ขบขัน เขาจึงได้รู้ว่า คนพวกนี้ต่างรู้ฐานะที่แท้จริงของหยางเฉินมีเพียงเขาที่ไม่รู้ฐานะที่แท้จริงขอหยางเฉินยังพอว่าแต่กลับยังให้คนของตัวเองไปหาเรื่องหยางเฉินอีก
เฉินไห่โจวลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วพูดไปว่า “ผู้อาวุโสสี่ ขอโทษครับ! ผมขอโทษกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผมเมื่อกี้ด้วย!”
ตูม!
ทุกคนต่างพากันตะลึง!
เฉินไห่โจวเป็นถึงตัวแทนของตระกูลบู๊โบราณเฉินที่อยู่ในจงโจว แต่กลับมาก้มหัวต่อหน้าหยางเฉิน
ไม่ว่าจะในสายตาของคนในโลกมนุษย์หรือในสายตาของคนจากโลกบู๊โบราณ ต่อให้เป็นผู้อาวุโสสี่ของสมาคมผู้อาวุโส แต่สุดท้ายก็เป็นคนในโลกมนุษย์อยู่ดี ซึ่งไม่สามารถทำอะไรคนจากโลกบู๊โบราณล่างได้
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า หยางเฉินพูดเพียงไม่กี่คำ ก็ทำเอาเฉินไห่โจวถึงกับก้มหัวขอโทษ
เฉินหยางถึงจะทำหน้าไม่เต็มใจ แต่ก็เลือกที่จะทน หยางเฉินเป็นถึงตัวตนที่สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นยอดได้อย่างง่ายดาย
ไม่มีใครคาดคิด ในตอนที่ทุกคนนึกว่าหยางเฉินจะยอมความเพื่อยุติความขัดแย้ง หยางเฉินกลับทำหน้าเคร่งขรึม แล้วตวาดออกไปว่า “คุกเข่า!”
ทุกคนรู้สึกด้านชากับการกระทำของหยางเฉินที่ทำให้ตะลึงอย่างต่อเนื่องแล้ว
เฉินไห่โจวเป็นถึงตัวแทนของตระกูลบู๊โบราณเฉินที่อยู่ในจงโจว ก้มหัวขอโทษยังพอว่า แต่หยางเฉินยังต้องการให้อีกฝ่ายคุกเข่าอีก
ในจงโจว ทุกการกระทำของเฉินไห่โจวต่างหมายถึงการกระทำของตระกูลบู๊โบราณเฉิน ถ้าเขาคุกเข่าลงจริงๆ มันก็เท่ากับตระกูลบู๊โบราณเฉินคุกเข่าไปด้วย
เฉินไห่โจวทำหน้าช็อกไปครู่หนึ่ง แล้วทำหน้าโกรธเกรี้ยว กัดฟันแล้วพูดไปว่า “มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”
“เกินไป?”
หยางเฉินยิ้มเยาะ จากนั้นก็หันไปพูดกับจางจี้ว่า “รองผู้บัญชาการจาง คุณมาพูดซิ ตั้งแต่ที่ตัวแทนตระกูลบู๊โบราณเฉินคนใหม่คนนี้มาถึงจงโจว ได้ทำอะไรที่มันผิดกฎใหม่ไปบ้าง”
เฉินไห่โจวหนังตากระตุกไปทีหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา
ส่วนจางจี้ก็เดินมาข้างหน้า เอาเอกสารออกมาชุดหนึ่ง แล้วพูดเสียงดังว่า “นับตั้งแต่ที่เฉินไห่โจวมารับตำแหน่งเป็นตัวแทนของตระกูลเฉินในจงโจว เรียงลำดับจากการใช้กำลังบังคับ โดยไปที่ตระกูลมู่ ตระกูลฉิน ตระกูลกู้ รวมถึงตระกูลเหอ”
“ในระหว่างนั้น ด้วยความที่ตระกูลมู่ ตระกูลฉิน ตระกูลกู้ไม่สามารถทนรับต่อการใช้กำลังกดดันจากตระกูลบู๊โบราณเฉินได้ จึงถูกบีบให้ต้องยอมรับการรับเมียเก็บของเฉินหยาง ซึ่งเป็นลูกชายของเฉินไห่โจวเอง”
“โดยใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง แล้วใช้ทรัพยากรในการฝึกวิชาที่คุณภาพต่ำมาแลกกับกิจการมากมายของตระกูลมู่ ตระกูลฉินและตระกูลกู้”
“ส่วนตระกูลเหอ ไม่มีการต่อต้านแต่อย่างใด แถมยังยอมส่งหญิงสาวในตระกูลให้ไปเป็นเมียเก็บของเฉินหยางอย่างเต็มใจ และยังถึงขั้นใช้วิธีการบังคับให้หญิงสาวในตระกูลไปเป็นเมียเก็บของเฉินหยางด้วย”
“มีเพียงตระกูลกู้ที่ยอมถูกตระกูลบู๊โบราณเฉินเล่นงาน ถึงขั้นถูกกดดันจากรอบด้าน แต่ก็ยังยึดมั่นในการตัดสินใจ ปฏิเสธที่จะส่งหญิงสาวในตระกูลให้ไปเป็นเมียเก็บของเฉินหยาง”
“ตามกฎใหม่ข้าที่สามสิบเจ็ด ควรต้องทำลายวิถีบู๊ของสองพ่อลูกเฉินไห่โจวกับเฉินหยาง จากนั้นก็ขับออกจากโลกมนุษย์ที่เคยอยู่”
หลังจากที่จางจี้ประกาศรายละเอียดเสร็จแล้ว สองพ่อลูกเฉินไห่โจวกับเฉินหยางสีหน้าได้เปลี่ยนไปทันที และเริ่มร้อนรนขึ้นมาทันที
รวมถึงเหอหยวนหงที่เข่าอ่อนทั้งสองข้าง จนลงไปนั่งกับพื้น สีหน้าที่แสดงออกมา มีแต่ความหวาดกลัว
ถ้าจางจี้จะประกาศแค่บทลงโทษของเฉินไห่โจวกับเฉินหยางเท่านั้น แต่กลับเอ่ยชื่อตระกูลเหอออกมาโดดๆ ต่อให้วันนี้ไม่ทำอะไรตระกูลเหอ เกรงว่าวันข้างหน้า ก็คงไม่มีตระกูลไหนกล้าร่วมงานกับตระกูลเหออีกแล้ว
หยางเฉินมองไปทางเฉินไห่โจวกับเฉินหยางด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจ แล้วตวาดไปว่า “เฉินไห่โจว เฉินหยางพวกคุณจะยอมรับโทษมั้ย?”
เสียงตวาดนี้ ทำให้เฉินไห่โจวกับเฉินหยางตืนขึ้นจากความหวาดกลัวได้ “ตุบ!”
เฉินไห่โจวทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาได้คุกเข่าลงอย่างแรง แล้วเฉินหยางก็ตามลงไปติดๆ
พวกเขารู้ดี งานเลี้ยงในคืนนี้ บอกว่าจะเป็นการจัดแสดงยาของผู้อาวุโสสี่ แต่ความจริงแล้ว ยังตั้งใจที่จะเชือดไก่ให้ลิงดูด้วย
และตระกูลบู๊โบราณเฉิน ก็ถูกยกมาเป็นแบบอย่าง
ถ้าหยางเฉินไม่อยากปล่อยพวกเขาไป เกรงว่าจะทำลายวิชาของพวกเขาพ่อลูกจริงๆ และอาจถึงขึ้นไม่ได้เหยียบเข้ามาในโลกมนุษย์อีกเลย
“ผู้อาวุโสสี่ เราสองพ่อลูกยอมรับผิดแล้ว ขอท่านช่วยเห็นแก่การกระทำผิดครั้งแรก ปล่อยเราไปด้วยนะครับ ต่อไปพวกเราไม่กล้าอีกแล้ว”
เฉินไห่โจวขอร้องอ้อนวอนด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว