The king of War - บทที่ 2173 ลงทุนน้อยกำไรมาก
The king of War บทที่ 2173 ลงทุนน้อยกำไรมาก
หวังหลินรีบพูดอีกครั้ง “ผู้อาวุโสสี่ สิ่งที่พวกเรารู้ก็ได้บอกท่านไปหมดแล้ว ขอให้ท่านโปรดใจกว้าง ปล่อยพวกเราไปจากที่นี่เถอะ”
ไช่เต๋อไห่มองไปที่หยางเฉินอย่างคาดหวัง อาจกล่าวได้ว่าชีวิตและความตายของพวกเขา ณ.ขณะนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของหยางเฉิน
หยางเฉินไม่สนใจทั้งสองคน แต่ขมวดคิ้ว หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็มองไปที่กู้ไท่ชูที่อยู่ข้างๆแล้วถามว่า “ตระกูลเหอกับตระกูลกู้มีความแค้นต่อกันหรือ”
กู้ไท่ชูส่ายหัว และพูดด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง “ระหว่างพวกเรากับตระกูลเหอ มีเพียงการติดต่อทางธุรกิจ ไม่มีความสัมพันธ์อื่นใด สำหรับความโกรธแค้น ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมี”
หยางเฉินพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมตระกูลเหอถึงพุ่งเป้าต่อต้านตระกูลกู้ล่ะ?”
ขณะที่เขาพูด เขามองไปที่ไช่เต๋อไห่กับหวังหลินอีกครั้ง
สีหน้าของทั้งสองคนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน หวังหลินรีบพูดว่า “ผู้อาวุโสสี่ พวกเราไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ท่านก็รู้ ตระกูลหวางและตระกูลไช่อยู่ในจงโจวถือว่าเป็นตระกูลชนชั้นสูงเท่านั้น แต่ถ้าเทียบกับตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดเช่นตระกูลเหอ มันก็เหมือนขยะ”
“ประโยคเดียวจากตระกูลเหอ สามารถเปลี่ยนตระกูลระดับของเราให้กลายเป็นตระกูลระดับต่ำ สิ่งที่ตระกูลเหอให้พวกเราทำ จะไม่อธิบายมากมาย เพียงสั่งเท่านั้น และคนที่สั่งพวกเรา ก็ไม่ใช่ผู้นำตระกูลเหอ”
เมื่อได้ยินคำพูดของ หวังหลินดูเหมือนหยางเฉินจะได้ข้อมูลสำคัญบางอย่าง และถามอีกครั้ง “คุณหมายถึง ให้พวกคุณต่อต้านคนของตระกูลกู้ ไม่ใช่เหอหยวนหง แต่เป็นสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลเหอเหรอ?
ไช่เต๋อไห่รีบพยักหน้า “เป็นลูกชายคนโตของเหอหยวนหง ชื่อเหอจื้อ!”
หวังหลินยังพูดอีกว่า “ใช่ๆๆ เขาคือเหอจื้อ! ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เหอหยวนหงค่อยๆมอบกิจการครอบครัวให้กับเหอจื้อ และหลายคนที่ต้องการประจบประแจงคนของตระกูลเหอ ก็ต้องผ่านเหอจื้อ”
“แม้กระทั่งเจอหน้าเหอหยวนหงพวกเรายังไม่มีคุณสมบัติพอด้วยซ้ำ แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับเหอจื้อ ก็ต้องระมัดระวัง เพราะกลัวจะทำให้ผู้นำในอนาคตของตระกูลเหอขุ่นเคืองใจ”
หลังจากทั้งสองพูดจบ กู้ไท่ชูก็ดูครุ่นคิดเช่นกัน พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “พวกเขาพูดถูก ในช่วงหลายปีที่ผ่าน เหอหยวนหงได้ปลูกฝังเหอจื้อในฐานะทายาทผู้สืบทอด หลายเรื่องเกี่ยวกับตระกูลเหอ ก็ได้มอบหมายให้เหอจื้อไปจัดการ”
เพียงแต่ว่า ฉันก็ยังคิดไม่ออก ตระกูลกู้ไม่ได้รุกรานเหอจื้อ และพวกเขาไม่เคยเข้าข้างใครในการแย่งชิงอำนาจของตระกูลเหอ ทำไมเหอจื้อต้องต่อต้านตระกูลกู้? และยังมีทัศนคติที่ต้องการทำลายตระกูลกู้ด้วย”
ในขณะนี้ ทันใดนั้นกู้ซือซือก็พูดว่า “อาจเป็นเพราะตระกูลเหอรู้ตัวว่าได้รุกรานผู้อาวุโสสี่ อิทธิพลของตระกูลเหอที่อยู่ในจงโจวจะลดลง และตระกูลกู้เป็นตระกูลมหาเศรษฐีอันดับสองเพียงตระกูลเดียวที่อยู่ในจงโจว หากตระกูลเหอตกต่ำ ตระกูลกู้จะเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในบรรดาตระกูลมหาเศรษฐีอันดับต้นๆหรือไม่?”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่กู้ซือซือ
กู้ซือซือรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย และรีบพูดว่า “ฉันแค่เดาไปเรื่อยเปื่อย ไม่ใช่เรื่องจริง”
กู้ไท่ชูไม่สนใจกู้ซือซือ แต่มองไปที่หยางเฉิน
หยางเฉินพยักหน้าเล็กน้อย
เห็นได้ชัด พวกเขาต่างรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้
เช่นเดียวกับที่กู้ซือซือพูด ตระกูลเหอรุกรานหยางเฉิน ก็ถูกกำหนดให้ล่มสลาย และตระกูลกู้ก็เป็นตระกูลมหาเศรษฐีอันดับสองเพียงตระกูลเดียว และมีแนวโน้มมากที่จะมาแทนที่ตระกูลเหอ และกลายเป็นตระกูลมหาเศรษฐีใหม่ในจงโจว
“ผู้อาวุโสสี่ พวกเราไปได้หรือยัง?”
หวังหลินถามอย่างระมัดระวัง ไช่เต๋อไห่ก็มองไปที่หยางเฉินอย่างตื่นเต้น กลัวว่าหยางเฉินจะโจมตีพวกเขากะทันหัน
หยางเฉินพูดอย่างเย็นชา “ไปให้พ้น!”
“ขอบคุณผู้อาวุโสสี่ พวกเราจะรีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
ทั้งสองดีใจมาก รีบวิ่งหนีทันที
เมื่อเห็นหวังหลินและไช่เต๋อไห่จากไปแล้ว กู้ซือซือก็กังวลทันที และรีบพูดว่า “ผู้อาวุโสสี่ พวกเขาเกือบพาคนไปทำลายตระกูลกู้ จะปล่อยพวกไปอย่างง่ายดายหรือ?”
“หุบปาก!”
ก่อนที่หยางเฉินจะพูด กู้ไท่ชูก็ตะโกนใส่กู้ซือซือ แล้วพูดว่า “แค่ตระกูล หวังกับตระกูลฉ่ายไม่สามารถที่จะสร้างกระแสอะไรได้ นอกจากนี้ วันนี้มีผู้อาวุโสสี่ออกหน้า ในอนาคตแม้พวกเขาจะมีความกล้าแค่ไหนก็ไม่กล้าโจมตีตระกูลกู้แน่นอน”
กู้ไท่ชูพูดตำหนิ ดวงตาของกู้ซือซือแดงก่ำ สีหน้าเต็มไปด้วยความคับข้องใจ
เซี่ยหลินไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตากลมโตที่สวยงามมีแสงแวววาบแล้วมองไปที่หยางเฉิน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ทันใดนั้นกู้ไท่ชูก็พูดว่า “พวกคุณออกไปได้แล้ว!”
“ค่ะ!”
เซี่ยหลินกับกู้ซือซือหันหลังและจากไป
หลังจากที่สองสาวจากไปแล้ว กู้ไท่ชูก็มองไปที่หยางเฉิน และพูดขอโทษ “ผู้อาวุโสสี่ ทำให้ท่านเดือดร้อนจริงๆ!”
หยางเฉินส่ายหัวและพูดว่า “เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ตระกูลเหอลงมือกับตระกูลกู้ เพราะกังวลว่าตระกูลกู้จะมาแทนที่ตระกูลเหอ ตอนนี้ผู้นำตระกูลกู้มีแผนอะไรบ้าง?”
กู้ไท่ชูยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และส่ายหัว “ตระกูลกู้ในปัจจุบันก็เอาตัวเองไม่รอดแล้ว หากไม่ใช่ท่านผู้อาวุโสสี่ออกหน้าจัดการให้ ตระกูลกู้จะต้องหลั่งเลือดเป็นสายน้ำ”
“ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่มีประสบการณ์ยิ่งได้เปรียบกว่า แม้ว่าตระกูลกู้จะรู้ว่าตระกูลเหอต้องการทำลายล้างตระกูลกู้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ความคับข้องใจนี้ ทำได้เพียงอดกลั้นไว้”
“แต่ก็ไม่เป็นไร ทุกอย่างอยู่ภายใต้ความอดทนของตระกูลกู้ ตราบใดที่ตระกูลกู้ยังสามารถรักษารากเหง้าที่อยู่ในจงโจวได้ แม้ว่าจะกลายเป็นตระกูลธรรมดา ผมก็ยอมรับ!”
แม้ว่าเขาจะพูดว่ายอมรับ แต่น้ำเสียงของเขามีความไม่เต็มใจและหมดหนทาง
หยางเฉินยิ้มและถามทันที “ตระกูลกู้ต้องการไปต่อหรือไม่?”
กู้ไท่ชูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และพูดด้วยความสงสัย “ผู้อาวุโสสี่ ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
หยางเฉินไม่ได้พูดอะไร แต่หยิบขวดพอร์ซเลนสีขาวขนาดเท่ากำปั้นออกมาจากแหวน แล้วยื่นให้กู่ไท่ชู
กู้ไท่ชูรับขวดพอร์ซเลนสีขาวด้วยความสงสัย และภายใต้สัญญาณบอกของหยางเฉิน ก็เปิดจุกขวด
ทันทีที่เปิดจุกขวด กลิ่นยาแรงก็ลอยออกมาจากขวด
กู้ไท่ชูก็เป็นนักบูโดท่านหนึ่งด้วย ทันทีที่เขาได้กลิ่นหอมของยา เขารู้สึกสบายตัวอย่างมาก และชั่วขณะดูเหมือนเลือดลมในร่างกายจะเดือดพล่าน
“นี่คือยาอะไร?”
กู้ไท่ชูรีบปิดจุกขวดอย่างรวดเร็ว และถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ
เขารู้ว่าหยางเฉินสามารถกลั่นยาได้ และก็เคยเห็นยา แต่ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลกู้ เขาใช้เงินในราคาสูงเสียดฟ้า ถึงได้ยามาสามเม็ดจากตระกูลโลกบู๊โบราณ
แต่ตอนนี้ ขวดขนาดเท่ากำปั้นนี้ เต็มไปด้วยเม็ดยาจริงๆ น่าจะมีประมาณยี่สิบเม็ด
ประเด็นสำคัญก็คือ กลิ่นของยาเม็ดนี้ แรงกว่ายาเม็ดที่เขาเคยซื้อมาก่อนหน้านี้ซึ่งมีราคาสูงเสียดฟ้า
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ยาที่บรรจุอยู่ในขวดพอร์ซเลนสีขาวนั้น มีระดับที่สูงกว่ายาที่เขาซื้อมาในราคาที่สูงเสียดฟ้า
ยาทั้งสามเม็ด สูญเสียเงินไปหลายพันล้าน
เม็ดยายี่สิบเม็ดที่มีระดับสูงกว่านี้ จะมีมูลค่าเกินหมื่นล้านแล้วมั้ง?
ถึงหมื่นล้าน!
ยิ่งคิด ก็ไท่ชูก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นาน จิตใจกู้ไท่ชูก็สงบลงและพูดว่า “ผู้อาวุโสสี่ นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม “ยาที่อยู่ในขวดนี้ ทั้งหมดนี้เป็นยาระดับต้นชั้นสอง และมีทั้งหมดสิบแปดเม็ด! และที่อยู่ในมือของผม นอกจากยาสิบแปดเม็ดที่อยู่ชั้นสองนี้แล้ว ยังมียาระดับอื่นๆอีก ตั้งแต่ระดับต้นชั้นหนึ่งไปจนถึงระดับสูงชั้นสอง รวมแล้วมีถึงร้อยเม็ด”
“นี่เป็นยาที่ผมใช้เวลาเพียงสามวันในการกลั่น ขอเพียงมีวัสดุยาและเวลาเพียงพอให้ผม ผมจะกลั่นยาให้มากกว่านี้”
หลังจากได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ใบหน้าของกู้ไท่ชูเต็มไปด้วยความตกใจและความอิจฉา
ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนในโลกบู๊โบราณล่างต่างพูดว่า นักกลั่นยาเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุด และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ใช้เวลาสามวันในการกลั่นยา ก็สามารถกลั่นยาหลายร้อยเม็ดที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้าน หากเขามีเวลามากกว่านี้ หยางเฉินจะไม่กลายเป็นมหาเศรษฐีเหรอ?
หยางเฉินยิ้มและถามว่า “ผู้นำกู้ คุณคิดว่ายาเม็ดเหล่านี้ มีมูลค่าเท่าไหร่?”
ก็ไท่ชูพูดอย่างจริงจัง “ในตลาดปัจจุบัน ยาเม็ดชั้นหนึ่งมีมูลค่าหนึ่งร้อยล้านถึงสามร้อยล้าน ยาเม็ดชั้นสองมีมูลค่าสามร้อยล้านถึงหนึ่งพันล้าน และสำหรับยาเม็ดชั้นสาม ไม่เคยได้ขายออกสู่ตลาดเลย”
“ยาเม็ดเหล่านี้ที่อยู่ในมือของผู้อาวุโสสี่ ถ้าวางสู่ตลาด เกรงว่าน่าจะขายได้อย่างน้อยห้าหมื่นล้าน! แน่นอน นี่ไม่นับยาเม็ดชั้นสาม หากผู้อาวุโสสี่มียาชั้นสามห้าเม็ด มูลค่ารวมของยาทั้งหมดที่มีอาจเกินห้าแสนล้าน!”
หยางเฉินยิ้มและพูดว่า “ผมมียาเม็ดระดับต้นชั้นสามจริงๆ ยิ่งกว่านั้นแล้วไม่ใช่มีแค่ห้าเม็ดเท่านั้น แต่เป็นสิบเม็ด ถ้าผมบอกว่า ยาเหล่านี้ ใช้เงินซื้อวัดุยาหนึ่งล้านกว่าเท่านั้น คุณเชื่อหรือไม่?”
ในขณะนี้ กู้ไท่ชูตกตะลึงจนนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ยาที่มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งแสนล้าน ใช้เงินซื้อวัสดุยาแค่หนึ่งล้านกว่าเท่านั้นก็สามารถกกลั่นยาออกมาได้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่านั้น ยังอยู่ข้างหลัง