The king of War - บทที่ 2186 เคนโดอัจฉริยะ
The king of War บทที่ 2186 เคนโดอัจฉริยะ
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่จางกั๋วและเมิ่งชิงหลันก็พาคนถอยออกไปร้อยเมตร พลังอันแข็งแกร่งที่ปะทุขึ้นมาจากการต่อสู้ของทั้งสองที่มีศักยภาพเทียบได้กับผู้แข็งแกร่งของแดนนภาขั้นสามชั้นกลาง ซึ่งผู้แข็งแกร่งธรรมดาทั่วไป ไม่อาจรับได้ไหวโดยสิ้นเชิง
“ตึงๆๆ!”
ตามกระบี่ที่ฟันออกไป พื้นก็แตกร้าวอย่างต่อเนื่อง พลังกระบี่อันน่าสะพรึงกลัว ได้พุ่งไปยังทิศทางของเจียงเจี้ยนอย่างรวดเร็ว
“หึ!”
สายตาของเจียงเจี้ยนเย็นชา กระบี่เล่มยาวที่สะท้อนแสงอันเยือกเย็นได้ปรากฏขึ้นในมือ
“ลุย!”
เห็นเพียงเจียงเจี้ยนถือกระบี่ด้วยมือข้างเดียว แล้วสะบัดไปทางด้านหน้าทันที ลำแสงของกระบี่ พุ่งเข้าไปเผชิญกับการจู่โจมของพลังกระบี่ของหยางเฉิน
“ชิ้ง!”
ทันทีที่แสงของกระบี่และพลังกระบี่ปะทะเข้าด้วยกัน ก็ราวกับอาวุธปรมาณูระเบิด ปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา กวาดล้างออกไปทั่วทุกสารทิศ
“ครืนๆ!”
ป้ายตกแต่งประตูขนาดใหญ่ ตกลงสู่พื้นในทันที
ต้นไม้ใบหญ้าโดยรอบ ราวกับถูกจู่โจมด้วยพายุที่โหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง
เดิมทีผู้แข็งแกร่งแดนนภาเจ็ดคนที่ยังยืนอยู่ด้านหลังเจียงเจี้ยน เวลานี้ก็กระเด็นถอยหลังไป ราวกับว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ละคนมีสีหน้าซีดเซียวเป็นอย่างมาก
ชัดเจนว่า เพียงแค่การปะทะกันครั้งแรกของหยางเฉินกับเจียงเจี้ยน พลังที่ระเบิดออกมา ก็สามารถทำได้พวกเขาได้รับบาดเจ็บได้
ตัวของเจียงเจี้ยนเองเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นปลาย แต่แดนบูโดของหยางเฉินสรุปแล้วมันคืออะไรกัน เกรงว่าแม้กระทั่งตัวของเขาเองก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เมื่อคนอื่นมองเข้ามา ตัวของเขาได้ส่งกระจายกลิ่นอายของแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นยอดออกมา
แต่พวกเขาต่างก็คิดว่า ในร่างของหยางเฉินมีจิตวิญญาณเทพมารที่มาจากยุคโบราณท่านหนึ่งซ่อนอยู่ ถ้าหากจิตวิญญาณเทพมารท่านนี้ฟื้นขึ้นมา แล้วอาศัยเนื้อหลังของหยางเฉินร่วมต่อสู้ ด้วยการโจมตีชั้นยอด กระทั่งสามารถระเบิดศักยภาพออกเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นยอดได้
ห่างออกไปร้อยเมตร บรรดาผู้แข็งแกร่งของกองยุทธการจงโจวและทีมนักบูโด เวลานี้ต่างก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง สีหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก
คนทั้งสองไม่ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด เพียงแค่การแกว่งกระบี่ยาว เป็นเพียงแค่การปะทะกันของลำแสงของกระบี่กับพลังกระบี่ คาดไม่ถึงว่าจะสามารถระเบิดพลังที่ทำลายล้างออกมาได้ขนาดนี้ ถ้าหากการจู่โจมนี้กระทบพวกเขาโดยตรง เกรงว่าพวกเขาคงจะหายวับไปในชั่วพริบตา
เจียงเจี้ยนต้องมองหยางเฉิน แล้วกล่าวด้วยสีหน้าอันสงบนิ่งว่า: “สามารถทำให้ฉันใช้กระบี่ตั้งแต่เริ่มได้ นอกเสียจากฉีเทียนเหอในปีนั้นแล้ว คุณก็คือคนที่สอง!!
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะสงบนิ่งอย่างมาก แต่หยางเฉินก็สามารถรับรู้ได้ถึง ความโกรธเดือดดาลที่ซ่อนอยู่ภายในใจเขา
ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งอันดับนภาขั้นสองของโลกบู๊โบราณล่างขฌ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาหลายปี การประมือกับชายหนุ่มของโลกมนุษย์คนหนึ่ง กลับต้องใช้กระบี่ตั้งแต่เริ่มฝภ สำหรับเขาแล้ว ถือเป็นเรื่องอัปยศอดสูอย่างยิ่ง
หยางเฉินก็แอบรู้สึกตกใจ ตอนที่เขาพบเจียงเจี้ยน เขาก็รับรู้ได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งอย่างมากในตัวของอีกฝ่าย แต่ไม่คาดคิดว่า ศักยภาพของอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้
ก่อนหน้านี้ที่อยู่บนซากปรักหักพังของเขาหวังซาน ฉีเทียนเหอเคยมาปรากฏตัว เพื่อต้องการช่วยคนของตระกูลฉีออกไป และเคยต่อสู้กันกับหยางเฉิน แต่กลับไม่สามารถควบคุมได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว จึงพ่ายแพ้ไป
แต่เมื่อหลายปีก่อน ฉีเทียนเหอเพิ่งจะเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับนภาขั้นหนึ่ง แต่ขณะนี้ เจียงเจี้ยนที่เป็นผู้แข็งแกร่งอันดับนภาขั้นสองผู้นี้ ได้อยู่เหนือเขาเสียแล้ว
ต้องเข้าใจว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่หยางเฉินต่อสู้กับฉีเทียนเหอ ไม่ได้นำกระบี่โอรสสวรรค์ออกมาใช้ แต่ในขณะนี้ เขาได้ใช้กระบี่โอรสสวรรค์ ในขณะที่ใช้กระบี่โอรสสวรรค์ มันสามารถเพิ่มศักยภาพของแดนให้ผู้ถือดาบขึ้นอีกเล็กน้อยได้
“หยางเฉิน ฉันไม่อาจไม่ยอมรับได้ว่า พรสวรรค์ด้านบูโดของคุณ แข็งแกร่งว่าฉันและฉีเทียนเหอในปีนั้นเสียอีก ถ้าหากคุณมีอายุเท่าฉันในตอนนี้ ศักยภาพที่คุณมีในครอบครอง ก็จะสามารถสังหารฉันได้อย่างง่ายดาย”
เจียงเจี้ยนกล่าวด้วยสีหน้าสงบนิ่งว่า: “แต่ถึงอย่างไร คุณในตอนนี้ก็ยังอายุน้อยมาก ถึงแม้พรสวรรค์ด้านบูโดจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แล้วจะมีประโยชน์อะไรเหรอ? เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง คุณก็มีเพียงผลลัพธ์เดียวคือความพ่ายแพ้!”
พูดจบ ลมหายใจในร่างของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งทันที
ผ่านไปสองสามวินาทีสั้นๆ พลังที่ส่งกระจายออกมาจากตัวของเขา ก็เทียบได้กับแดนนภาขั้นสามชั้นปลาย
อำนาจฟ้าที่น่าสะพรึงกลัว คล้ายกับมีพลังแห่งการทำลายล้างฟ้าดิน
บนใบหน้าของหยางเฉิน เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย คล้ายกับเกินความคาดหมายของเขา เพียงแต่ เขาในตอนนี้ ก็ไม่ใช่สถานภาพที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา
เลือดที่บ้าดีเดือดถูกกระตุ้นในชั่วพริบตา พลังอันบ้าคลั่ง ได้ระเบิดออกมาจากในร่างกายของเขา
ในดวงตาของเขา ปรากฏเลือดสีแดง
พลังของสายเลือด คล้ายกับจะแตกออกจากร่างกาย ทำให้เขายากที่จะระงับได้
ตำราเทพสงครามหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่ง และไประงับพลังสายเลือดที่จะระเบิดต่อไป
หยางเฉินมีความรู้สึกว่า เนื้อหลังของตนเองในตอนนี้ยังมีความแข็งแรงไม่เพียงพอ ถ้าหากว่าเขาสามารถผ่านพลังสายเลือดได้ ก็จะสามารถระเบิดศักยภาพที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”
นักบูโดตระกูลเจียงทุกคน หลังจากรับรู้ได้ถึงพลังจากตัวของหยางเฉินที่เพิ่มขึ้นแล้ว สีหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
ที่เจียงเจี้ยนสามารถกลายเป็นทายาทของตระกูลเจียงได้ ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ถึงความเป็นเลิศของเขา ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เขาก็มีอายุถึงสี่สิบแปดปีแล้ว
แต่หยางเฉิน ที่ดูเหมือนจะมีอายุไม่ถึงสามสิบปีด้วยซ้ำไป หลังจากที่ศักยภาพของเจียงเจี้ยนเพิ่มขึ้นแล้ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถทำให้ศักยภาพพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
เวลานี้ ไหนเลยหยางเฉินจะเหมือนกับนักบูโดธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งที่มีศักยภาพเพียงแค่แดนนภาขั้นหนึ่งชั้นยอด
ลึกๆ ในดวงตาของเจียงเจี้ยน ก็ปรากฏความตกตะลึงเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แล้ว เขาก็เขาก็สงบลงได้อย่างง่ายดาย
ถ้าหากหยางเฉินเป็นผู้แข็งแกร่งธรรมดาทั่วไปจริงๆ จะสามารถบีบบังคับให้เขาไปถึงสถานภาพนั้นได้อย่างไรกัน?
ไม่เพียงแต่นำดาบอาถรรพ์ออกมาใช้ อีกทั้งยังต้องใช้ศักยภาพวิชาลับที่แข็งแกร่งอีกด้วย
หยางเฉินในเวลานี้ ที่ถือกระบี่โอรสสวรรค์ได้เพิ่มศักยภาพของเขาเป็นอย่างมากแล้ว และเขาก็ได้กระตุ้นเลือดที่บ้าดีเดือดอีกครั้ง อีกทั้งยังใช้วิชาลับเชียนเสวียนที่ถูกปรับแก้แล้วด้วย
ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเนื้อหนังของเขาเคยถูกสามสายเลือดเทพที่ยิ่งใหญ่ปรับแก้ ซึ่งเทียบได้กับเนื้อหนังของผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นยอด ในเวลาเดียวกันนี้เขาก็คงจะไม่สามารถใช้วิธีการมากมายขนาดนี้มาเพิ่มศักยภาพได้
เขาที่อยู่ภายใต้สถานภาพนี้
เป็นสถานภาพที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาโดยสมบูรณ์แบบ
การต่อสู้ในครั้งนี้ เขาไม่อาจพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!
ถ้าหากพ่ายแพ้ ต่อไปในโลกใหม่ สมาคมผู้อาวุโสก็จะไม่อาจควบคุมตระกูลเจียงได้ ไม่เพียงแค่เช่นนี้ แต่ตระกูลบู๊โบราณอื่นๆ ก็จะใช้โอกาสนี้มาท้าประลองกับหยางเฉินด้วย
สำหรับเจียงเจี้ยนแล้วญฌ การต่อสู้ในครั้งนี้ก็มีความสำคัญอย่างมากเหมือนกัน
เพราะถ้าหากพ่ายแพ้ นักบูโดตระกูลเจียง ก็จะไม่มีเหตุผลที่จะเหยียบเข้ามาในโลกใหม่ได้อีก และจะถูกควบคุมอยู่แค่ในบริเวณของโลกบู๊โบราณล่างเดิม
เมื่อเทียบกับโลกมนุษย์อันกว้างใหญ่ไพศาลแล้ว โลกบู๊โบราณล่างเดิม ก็คือเนื้อที่เท่าแมวดิ้นตาย
เจียงเจี้ยนกล่าวเสียงดังทันทีว่า: “หยางเฉิน ถ้าหากคุณสามารถรับดาบนี้ของฉันเอาไว้ได้ ก็นับว่าฉันพ่ายแพ้แล้ว!”
ตามคำพูดของเขาที่จบลง พลังที่คล้ายกับมาจากบุพกาล ก็ได้ระเบิดออกจากดาบยาวของเจียงเจี้ยน
“ครืนๆ!”
พื้นดินได้สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง
“เกิดอะไรขึ้น?ญญ แผ่นดินไหวเหรอ?”
“พลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ หรือว่า เจียงเจี้ยนกำลังเตรียมใช้กระบวนท่าของดาบที่มีพลังทำลายล้างฟ้าดิน?”
“พื้นดินที่สั่นสะเทือนรุนแรงมากขึ้น แค่คิดก็รู้แล้วว่า กระบวนท่าของดาบนี้แฝงไปด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่งขนาดไหน”
……
ทุกคนแสดงความคิดเห็นไปตามๆ กัน บนใบหน้าของแต่ละคนล้วนแสดงออกถึงความหวาดกลัว
“เจียงเจี้ยนผู้สามารถมีชื่อของ’ดาบ’อยู่ในชื่อได้ ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงพรสวรรค์ของเคนโดของเขาว่าแข็งแกร่งแค่ไหน และตัวเขาที่เป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นกลาง ด้วยกระบวนที่ของดาบที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ หยางเฉินจะสามารถรับเอาไว้ได้เหรอ?”
ที่ด้านนอก ใบหน้าของเย่จางกั๋วเต็มไปด้วยความกังวล
เมิ่งชิงหลันที่อยู่ข้างๆ เขา ถึงแม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็ยังกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่เป็นอย่างมากว่า: “เขาจะต้องรับไว้ได้อย่างแน่นอน!”