The king of War - บทที่ 219 จูบลึกล้ำ
หยางเฉินยกยิ้มมุมปาก เขากอดฉินซีและดิ่งลงไปข้างล่าง
“ฟู่วว”
เสียงลมโชยผ่านข้างหู การทิ้งตัวแบบอิสระ ทำให้หัวใจของฉินซีแทบจะกระเด็นออกมา เธอหลับตาปี๋และกอดหยางเฉินแน่น
“กรี๊ด……”
เสียงกรีดร้องของฉินซีดังไปทั่วสวนสนุก
หยางเฉินเบิกตาโต เขาจ้องใบหน้าอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและเอ็นดู
“เสี่ยวซี ผมจะทำให้คุณเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดบนโลกนี้!”
จู่ๆ หยางเฉินก็ตะโกนออกมา นี่คือคำสัญญาที่เขาให้ไว้กับฉินซี
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ฉินซีลืมตาขึ้นมาทันที เธอจ้องดวงตาสดใสของหยางเฉิน หัวใจของเธอเต้นตึกตัก
กระโดดบันจี้จัมพ์ยังไม่ทันเสร็จ แต่ความหวาดกลัวในใจเธอหายไปหมดแล้ว เมื่อเห็นใบหน้าแน่วแน่ของหยางเฉิน เธอรู้สึกประทับใจขึ้นมา
ทั้งสองจ้องตากัน ราวกับว่าจะจดจำอีกฝ่ายเอาไว้ในสมองตลอดไป
ขณะนั้น ฉินซีหลับตาลงและยื่นหน้าเข้าไปจูบหยางเฉิน
หยางเฉินอึ้งไป เมื่อรับรู้ถึงความอบอุ่นบนริมฝีปาก เขาก็ตั้งสติได้ และเคลิ้มไปกับความชุ่มชื้นนั้น
จูบอันลึกล้ำ!
ตอนนี้ทั้งสองคน ไม่สามารถห้ามตัวเองได้
เชือกบันจี้จัมพ์แกว่งไปมาในอากาศ มันเริ่มแกว่งช้าลง จนกระทั่งเท้าของทั้งสองคนสัมผัสกับพื้น ทั้งคู่จึงตั้งสติได้
“ภาพนั้นช่างงดงามเหลือเกิน! น่าอิจฉาจัง!”
“ที่รัก จู่ๆ ฉันก็อยากไปโดดบันจี้จัมพ์คู่กับนาย!”
“ความรักระหว่างทั้งสองคน จะต้องลึกซึ้งมากแน่ๆ ถึงทำให้พวกเขาไม่แยแสอะไรแบบนี้สินะ”
……
รอบๆ เต็มไปด้วยคนที่มายืนมอง สีหน้าของผู้คนเต็มไปด้วยความอิจฉา
แต่ทว่าระยะค่อนข้างไกล ทำให้พวกเขาเห็นแค่ทั้งคู่กำลังจูบกัน แต่ไม่เห็นหน้าตาของทั้งคู่
เมื่อฉินซีตั้งสติได้ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเขินอาย หน้าแดงไปถึงหู
“คุณใช้ลิปยี่ห้ออะไรเหรอ”
จู่ๆ หยางเฉินก็ถามขึ้น
“หา?”
สีหน้าของฉินซีเต็มไปด้วยความตกใจ
“ จุ๊ๆ!”
เธอยังไม่ทันได้ตั้งสติ ก็ได้ยินเสียงเม้มปากของหยางเฉิน เขาพูดด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม “ลิปยี่ห้อนี้ รสชาติไม่เลว หวานมาก!”
เมื่อฉินซีที่กำลังจะตั้งสติได้ ได้ยินคำพูดของเขา หน้าของเธอแดงขึ้นมาอีกครั้ง
“หยางเฉิน!”
สีหน้าของฉินซีเต็มไปด้วยความเขินอาย
“ฮ่าๆ!”
หยางเฉินหัวเราะเสียงดัง เขาจูงมือฉินซีเดินออกมา นี่ช่างเป็นวันที่ดีเหลือเกิน
สำหรับหยางเฉิน เป็นอีกวันที่ควรค่าแก่การจดจำเอาไว้ จูบนี้ทำให้ความรู้สึกระหว่างทั้งคู่เพิ่มมากขึ้น
สำหรับฉินซี เธอก็อยากจดจำเอาไว้เหมือนกัน ในที่สุดคนที่ไม่เคยมีความรักแบบเธอ ได้รับรู้ความรู้สึกของความรักเป็นครั้งแรก
ทั้งสองอยู่ในสวนสนุกทั้งบ่าย เสียงหัวเราะของทั้งสองคนดังขึ้นทุกที่
หยางเฉินจับมือฉินซีเอาไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ ราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป
จนกระทั่งตกเย็น ทั้งสองจึงออกจากสวนสนุก
“พี่ชาย พี่สาวคนนี้เป็นแฟนของพี่เหรอ พี่สาวสวยมากเลย! พี่จะไม่ซื้อดอกกุหลาบให้พี่สาวคนสวยสักดอกเหรอ ดอกไม้ของหนูไม่แพง ดอกละสิบหยวนเอง”
เมื่อเดินออกจากสวนสนุก มีเด็กผู้หญิงอายุประมาณเจ็ดแปดขวบยืนอยู่หน้าประตู ในมือของเธอหิ้วตะกร้าดอกไม้ ในตะกร้ามีดอกไม้กว่าร้อยดอก เป็นดอกกุหลาบที่ห่อเป็นดอกๆ
ดวงตาโตเป็นประกาย เธอยิ้มตาหยีและพูดกับหยางเฉิน
หยางเฉินกับฉินซีสีหน้าปลง เด็กสมัยนี้พูดเก่งขนาดนี้เชียวหรือ
เด็กน้อยแต่งตัวธรรมดา ไม่ไกลมีผู้หญิงวัยกลางคน หน้าตาธรรมดา ถือตะกร้าดอกกุหลาบอยู่เช่นกัน เธอกำลังเดินขายไปรอบๆ
“หนูอายุเจ็ดแปดขวบใช่ไหม เด็กขนาดนี้ ทำไมถึงออกมาขายของล่ะ”
หยางเฉินถามด้วยใบหน้าอ่อนโยน
เด็กน้อยพูดเก่งมาก เธอยิ้มอย่างใสซื่อ “หนูอายุแปดขวบแล้ว! ไม่ใช่เด็กแล้ว แม่เลี้ยงหนูคนเดียว แถมยังต้องเลี้ยงครอบครัวด้วย ลำบากมากเลย วันนี้เป็นวันหยุด หนูทำการบ้านเสร็จก็ออกมาช่วยแม่ขายดอกไม้”
เด็กในครอบครัวยากจน ต้องเลี้ยงดูตัวเองตั้งแต่เด็ก คงเป็นเช่นนี้สินะ
จู่ๆ หยางเฉินก็นึกถึงฉินซี เธอผ่านแต่ละวันมาด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม คงลำบากมากเหมือนกัน!
ถึงเด็กน้อยจะอายุแปดขวบเท่านั้น แต่เธอดูโตกว่าเด็กในครอบครัวทั่วไป
“หนูมีดอกกุหลาบทั้งหมดกี่ดอก” หยางเฉินถามขึ้น
“หนูมีดอกกุหลาบเหลืออยู่หนึ่งร้อยดอก!” เด็กน้อยยิ้มและเอ่ยขึ้น
หยางเฉินยิ้ม เขาหยิบปึกแบงก์ร้อยหยวนออกจากกระเป๋าเงิน จากนั้นนับให้เด็กน้อยสิบสองใบ
“พี่เหมาดอกไม้ของหนูหมดเลย ส่วนเงินที่เหลือ ถือว่าเป็นค่าตะกร้าดอกไม้ ได้ใช่ไหม” หยางเฉินยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
เมื่อเด็กน้อยได้ยินว่าหยางเฉินจะเหมา จู่ๆ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และรีบพูดออกมา “ขอบคุณค่ะพี่ชาย ขอให้พี่ชายกับพี่สาวรักกันนานๆ และมีความสุขตลอดไป!”
พูดจบ เธอก็ยื่นแบงก์ร้อยหยวนให้หยางเฉินสองใบ เธอยิ้มอย่างสดใส
“พี่ชายซื้อเยอะขนาดนี้ ตะกร้านี้ไม่ได้มีค่าอะไร เอาเป็นว่าหนูให้พี่ก็แล้วกัน”
เพื่อไม่ให้เป็นการทำลายเกียรติของเด็กน้อย หยางเฉินจึงรับเงินมา และรับตะกร้าดอกไม้มาด้วยรอยยิ้ม
เขาหยิบดอกกุหลาบออกมาจากตะกร้าหนึ่งดอก จากนั้นจึงยื่นให้เด็กน้อย “พี่ให้หนูหนึ่งดอก อยากให้หนูจำเอาไว้เสมอว่า บนโลกใบนี้ ทุกคนล้วนไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเจอเรื่องลำบากอะไร ยังไงหนูก็เก่งที่สุด และหนูคือความภาคภูมิใจของแม่เสมอ!”
พูดจบ หยางเฉินจึงลุกขึ้นและจูงมือฉินซีเดินออกมา
เด็กน้อยน้ำตารื้น เธอมองหยางเฉินกับฉินซีเดินออกไปจนลับตา เธอจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ขอบคุณค่ะพี่ชาย!”
“คิดไม่ถึงว่านายจะพูดเก่งขนาดนี้ พูดจนเด็กประทับใจแล้ว!”
ฉินซีมองใบหน้าด้านข้างของหยางเฉินด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข เธอมองตะกร้าดอกกุหลาบในมือหยางเฉิน เธอพูดอย่างยโสว่า “นายจะเอาดอกไม้ให้สาวสวยคนไหนเหรอ”
หลังจากซื้อดอกกุหลาบ 99 ดอก หยางเฉินก็เอาแต่ถือไว้ในมือ ไม่มีท่าทีว่าจะส่งให้ฉินซี
ฉินซีจึงทนไม่ไหว และเอ่ยถามออกมา
หยางเฉินแอบขำในใจ อดทนไม่ไหวแล้วสินะ
“คุณทายดูสิ!”
หยางเฉินยิ้มตาหยีแล้วเอ่ยขึ้น
ฉินซีกลอกตามองบน เธอพูดดูสีหน้าหยิ่งๆ ว่า “ฉันไม่ทายหรอก!”
หยางเฉินยิ้มบางๆ และไม่ได้พูดอะไร เขาจูงมือฉินซีเดินต่อไป
“หยางเฉิน ดูนั่นสิ!”
จู่ๆ ฉินซีก็ชี้ออกไป และพูดอย่างประหลาดใจ
เขาเห็นสามีภรรยาวัยชรา กำลังเดินจูงมือกัน เดินอย่างช้าๆ อยู่ข้างหน้าพวกเขา
ฉินซีมองอย่างชื่นชม “ฉันคิดว่าสิ่งที่มีความสุขที่สุดในชีวิตนี้ คือเมื่อแก่ตัวลง แต่ยังสามารถจูงมือเดินเล่นกับคู่ชีวิตได้ นี่สิคือรักที่ยืนยาว!”
หยางเฉินยิ้ม เขาเดินเข้าไปหาสองสามีภรรยาคู่นั้น จากนั้นจึงยื่นตะกร้าดอกกุหลาบให้คุณปู่ “คุณปู่ครับ ผมให้ดอกไม้ตะกร้านี้!”
คนชราทั้งสองตกใจ และรีบเอ่ยขอบคุณ รอยยิ้มแห่งความสุข ปรากฏบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของทั้งสองคน