The king of War - บทที่ 222 ดวงดาวชมพู
“ทำไมนายถึงหน้าไม่อายอย่างนี้ ฉันเหลือที่นั่งตรงนี้ให้พี่ ใครใช้ให้นายมานั่ง รีบลุกออกไปเลย!”
เจิ้งเหม่ยหลิงตวาดใส่หยางเฉิน
“พอแล้ว!”
ฉินซีตวาดออกมา เธอลุกขึ้นยืนและมองด้วยสายตาโกรธเคือง “เจิ้งเหม่ยหลิง ไม่ว่ายังไง เขาก็เป็นพี่เขยของเธอ ถ้าเธอยังดูถูกเขาอีก ฉันจะกลับเดี๋ยวนี้!”
เจิ้งเหม่ยหลิงพุ่งเป้าไปที่หยางเฉินหลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุดฉินซีก็ทนไม่ไหว
เจิ้งเหม่ยหลิงช็อกไป นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินซีเรียกชื่อเธอเต็มๆ
จนถึงตอนนี้ เธอจึงได้รู้ว่าหยางเฉินสำคัญกับฉินซีแค่ไหน
เธอไม่พอใจมาก จึงแอบก่นด่าในใจ: นังผู้หญิงต่ำ รอก่อนเถอะ คืนนี้แกเจอดีแน่!
“ฉันก็แค่อยากให้พี่คุยกับพี่เหาได้สะดวก อีกอย่างพี่เหาเป็นคนช่วยเชิญทุกท่านมาในวันนี้” เจิ้งเหม่ยหลิงแสร้งทำเป็นคนดี
เจิ้งเหม่ยหลิงทำเป็นว่านอนสอนง่าย และหันไปถลึงตาใส่หยางเฉิน จากนั้นจึงไม่ทำอะไรอีก
“ว้าว เมื่อกี้เกิดเรื่องใหญ่ที่วานด้าพลาซ่า แถวๆ สวนสนุกเมืองโจวเฉิงน่ะ!”
จู่ๆ ก็มีวัยรุ่นคนหนึ่งถือมือถือ และพูดด้วยสีหน้าตกตะลึง
“เรื่องอะไร ทำไมนายถึงตกใจขนาดนั้น” อีกคนพูดกระแหนะกระแหน
เฟิ๋งผิงเปิดวิดีโอ และหันหน้าจอให้ทุกคนดู “มีคนใช้เงินกว่าล้าน ขอแต่งงานที่วานด้าพลาซ่า ลูกโป่งกว่าสามสิบล้านลูกลอยลงมาจากท้องฟ้า”
วิดีโอนั่น คือวิดีโอที่หยางเฉินขอฉินซีแต่งงาน คิดไม่ถึงว่าจะมีคนเอาลงอินเทอร์เน็ตแล้ว
“คุณชายตระกูลไหนกัน ขอแต่งงานซะอลังการเชียว เห็นคุณชายตระกูลใหญ่อย่างพวกเราอยู่ในสายตาหรือเปล่า” มีคนพูดขึ้นด้วยสีหน้าอวดดี
หยางเฉินกับฉินซีเห็นวิดีโอในมือถือเฟิ๋งผิง น่าจะเป็นวิดีโอที่อัดจากชั้นสาม เห็นเพียงลูกโป่งมากมาย แต่ไม่เห็นตัวของหยางเฉินกับฉินซี
“ฉันเตือนว่าอย่าหาเรื่อง หมอนี่ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน”
หลังจากดูจบ เฟิ๋งผิงเก็บมือถือ และพูดกับคนที่สีหน้าอวดดี
“ก็แค่ใช้เงินไม่กี่สิบล้านขอแต่งงาน ถ้าเป็นเราก็จ่ายได้เหมือนกัน”
คนนั้นยิ้มอย่างเย็นชา แววตาของเขาหยุดลงที่หยางเฉิน เขาแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “แต่ไม่รวมไอ้จนนี่นะ”
“ฉันเห็นข่าวด้วย ข่าวบอกว่าวัยรุ่นที่ขอแต่งงาน เป็นคุณชายใหญ่แปดตระกูลแห่งเย็นตู แหวนที่เขาขอแต่งงานคือแหวนดวงดาวชมพู”
เฟิ๋งผิงพูดอีกว่า “ประมาณสองเดือนก่อน ในงานประมูลแห่งหนึ่งในเจียงโจว มีคนประมูลแหวนดวงดาวชมพูในราคาห้าร้อยล้าน”
เมื่อคนที่อวดดีได้ยินคำพูดของ เฟิ๋งผิง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “ใช้เงินห้าร้อยล้าน เพื่อซื้อแหวนวงเดียวเนี่ยนะ”
เฟิ๋งผิงยิ้มบางๆ “เราเจ๋งสุดในเมืองโจวเฉิง แต่เมื่อมองไปทั้งจิ่วโจว คนที่เจ๋งกว่าเรามีอีกเยอะ วัยรุ่นที่สามารถใช้เงินห้าร้อยล้านเพื่อซื้อแหวนเพชร นายคิดว่าจะเป็นคนธรรมดาเหรอ”
ตอนนี้แม้แต่เฉินอิงเหา ก็ยังพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คิดไม่ถึงว่าคุณชายใหญ่แห่งแปดตระกูลแห่งเย็นตู จะอยู่ที่เมืองโจวเฉิงด้วย พวกเราไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคือใคร”
“พี่เหา ถ้าเราใช้อำนาจของตระกูลสืบดูว่าคนที่มาจากแปดตระกูลแห่งเย็นตูคือใครล่ะ” มีคนพูดเสนอขึ้นมา
เฉินอิงเหาส่งเสียงหึ จากนั้นจึงพูดอย่างเย็นชา “นายนี่มันโง่จริงๆ อย่าพูดถึงแปดตระกูลแห่งเย็นตูเลย ขนาดคุณชายในเมืองเอก เรามีสิทธิ์ไปสืบด้วยเหรอ ถ้าขืนโดนจับได้ขึ้นมา ตระกูลของนายจะถูกทำลายยังไงก็ยังไม่รู้เลย อย่าลืมสิว่าตระกูลหยางทำลายอย่างไร”
เมื่อได้ยินดังนั้น คนที่เพิ่งพูดอวดดี เหงื่อแตกเต็มหน้า และรีบพยักหน้า “พี่เหา ผมเข้าใจแล้ว คุณวางใจได้เลย ผมจะไม่ก่อเรื่องวุ่นวายแน่นอน!”
“เอาเถอะๆ อย่าไปสนใจคุณชายใหญ่แปดตระกูลแห่งเย็นตูอะไรนั่นเลย เราไม่มีสิทธิ์ไปพูดเรื่องของเขาหรอก”
เฉินอิงเหาพูดอย่างเหลืออด
วันนี้ให้พวกสุนัขรับใช้มา เพื่อจัดการกับหยางเฉิน ดูพวกมันทำสิ เอาแต่พูดเรื่องของคนอื่น
ฉินซีได้ยินสิ่งที่เหล่าคุณชายในเมืองโจวเฉิงพูดกัน เธอตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เธอนึกว่าแหวนเพชรที่หยางเฉินให้ เป็นเพียงแหวนเพชรธรรมดา ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่ามันมีมูลค่าห้าร้อยล้าน
คนอื่นไม่รู้ที่มาที่ไปของแหวนวงนี้ แต่เธอรู้ดี เป็นแหวนที่หยางเฉินใช้ขอแต่งงานเป็นครั้งแรก
เธอหันไปมองหยางเฉิน เห็นเขากำลังยิ้มให้เธอ
“โอ๊ะ พี่ ฉันจำได้ว่าตอนที่พี่เพิ่งมาถึงเมืองโจวเฉิงเมื่อเช้า เหมือนที่นิ้วพี่มีแหวนอยู่ด้วย”
เจิ้งเหม่ยหลิงเห็นแหวนดวงดาวชมพู บนนิ้วนางข้างขวาของฉินซี เธอจึงถามขึ้นอย่างตกใจ
แหวนวงนี้ไม่ว่าจะทำด้วยมือ หรือเป็นของหายาก ล้วนแล้วแต่เป็นของหรู ไม่ว่าผู้หญิงคนไหน ก็ต้านทานความดึงดูดของมันไม่ไหว
ตอนนี้สีหน้าของเจิ้งเหม่ยหลิงเต็มไปด้วยความตกตะลึง คนที่ปกติใส่แต่แบรนด์เนมอย่างเธอ ดูแวบเดียวก็รู้ว่าแหวนวงนี้ไม่ธรรมดา
และคำพูดของเธอ ดึงดูดสายตาของทุกคนทันที ทุกคนมองไปบนนิ้วนางข้างขวาของฉินซี
แหวนเพชรวงใหญ่ ส่องแสงระยิบระยับ
“ว้าว! ดวงดาวชมพู!”
เฟิ๋งผิงดีดตัวขึ้นยืน และพูดด้วยความตกตะลึง
เฟิ๋งผิงเพิ่งเห็นรูปแหวนดวงดาวชมพูในข่าวของเมืองโจวเฉิง แค่พริบตาเขาก็เห็นของจริง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาช็อกมา
สายตาของคนอื่นมองมาที่นิ้วของฉินซี สีหน้าตกตะลึงเช่นเดียวกับเฟิ๋งผิง
เมื่อกี้เฟิ๋งผิงบอกว่า แหวนดวงดาวชมพูเป็นของคุณชายใหญ่แปดตระกูลแห่งเย็นตู ที่ประมูลมาในราคาห้าร้อยล้าน
อย่าบอกนะว่าคุณชายนั่นชอบผู้หญิงคนนี้
ไม่งั้นแหวนวงนี้จะมาอยู่บนนิ้วเธอได้ยังไง
แต่ดูจากลักษณะของฉินซี ถูกคนใหญ่คนโตแบบนั้นชอบ ก็เป็นเรื่องปกติ
สำหรับหยางเฉิน พวกเขาคิดโดยอัตโนมัติว่าหยางเฉินต้องไม่เกี่ยวข้องกับคุณชาย ที่ให้แหวนวงนี้อย่างแน่นอน
“พะ พะพี่ แหวนเพชรวงนี้ เป็นแหวนดวงดาวชมพูจริงเหรอ”
เจิ้งเหม่ยหลิงพูดจาสะเปะสะปะไปหมด
ตระกูลเจิ้งไม่ใช่ตระกูลไฮโซอะไร เป็นเพียงตระกูลเล็กๆ ที่มีฐานะเล็กน้อยเท่านั้น ถึงเอาตระกูลเจิ้งไปขายก็ไม่ถึงห้าร้อยล้าน
สายตาของเฉินอิงเหาจ้องไปที่ฉินซีเขม็ง ถ้าแหวนนั่นเป็นแหวนดวงดาวชมพูจริง ถึงเอาผู้หญิงคนนี้มาจ่อตรงปากของเขา เขาก็ยังไม่กล้ากิน
“แหวนนี่ สามีของฉันเป็นคนให้!”
ภายใต้สายตาตกตะลึงของทุกคน จู่ๆ คนที่กำลังตื่นตระหนกอย่างฉินซี พูดขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อกี้ทุกคนดูถูกหยางเฉิน ตอนนี้เธออยากบอกทุกคนว่า หยางเฉินเก่งแค่ไหน
“ที่แท้ไอ้กากเดนนี่ให้เหรอ!”
เจิ้งเหม่ยหลิงตบหน้าอกตัวเอง เธอพูดอย่างโล่งใจว่า “งั้นต้องเป็นของปลอมแน่!”
“โอ๊ย! ข้าตกใจแทบแย่ นึกว่าแหวนดวงดาวชมพูของจริงซะอีก!”
“ฉันว่าแล้ว! แหวนราคาตั้งห้าร้อยล้าน จะเห็นได้ง่ายๆ เชียวหรือ”
“ที่แท้ไอ้คนจนให้ของปลอมนี่เอง!”
จู่ๆ ทุกคนก็โล่งอก และมองหยางเฉินด้วยสายตาเยาะเย้ย จากนั้นจึงพากันพูดขึ้นมา
ฉินซีรีบพูดว่า “นี่เป็นแหวนดวงดาวชมพูของจริง!”