The king of War - บทที่ 2250 ความพ่ายแพ้ในวันนี้
The king of War บทที่ 2250 ความพ่ายแพ้ในวันนี้
ทันใดนั้น ม่อชิงซิวสัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลที่พุ่งเข้ามาเพื่อจะปราบปรามเขา
แต่บนร่างกายของเขาก็มีลมปราณอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายต่างจริงจัง
“หยางเฉิน ฉันมาแล้ว”
ม่อชิงซิวตะโกนออกมา เท้าของเขาเคลื่อนไหว ร่างกายของเขากลายเป็นเงาพุ่งเข้าไปยังร่างของหยางเฉิน
ครั้งนี้หยางเฉินไร้ซึ่งความประมาทเหมือนครั้งก่อนที่ผ่านมา ในตอนที่ม่อชิงซิวพุ่งเข้ามาหาเขา เขาเองก็พุ่งออกไปหาอีกฝ่ายเช่นกัน
แม้เขาจะมั่นใจว่าสามารถเอาชนะการโจมตีของม่อชิงซิวได้ แต่เขาก็รู้ดี พลังของม่อชิงซิวนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หากเขาไม่เอาจริงเกรงว่าอาจจะแพ้ได้
อีกฝ่ายเป็นถึงนักบูโดแดนนภาขั้นห้าชั้นต้น และเวลานี้เขาเป็นเพียงผู้ฝึกเซียนระยะสร้างรากฐานปราณ ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ระหว่างแดนนภาขั้นสามถึงแดนนภาขั้นสี่เท่านั้น
พูดตามเหตุผล การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาสามารถทำได้นั้นเต็มที่ก็อยู่ในระดับของแดนนภาขั้นสี่ชั้นยอด มันคือขีดจำกัดของเขาแล้ว แต่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองถึงได้ระเบิดพลังที่แข็งแกร่งว่าผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นห้าออกมาได้
“บูม บูม บูม!”
วินาทีถัดมา การโจมตีของหยางเฉินและม่อชิงซิวเข้าปะทะกัน
เหล่านักบูโดแห่งสำนักเทียนไห่ต่างมองไปด้วยสายตาพร่ามัว พวกเขาไม่อาจมองเห็นร่องรอยการต่อสู้ของทั้งสองคนได้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของทั้งสองมากเกินไป ความเร็วก็เร็วจนน่ากลัว การโจมตีทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ทำให้ยากที่จะมองเห็นด้วยสายตา
ใบหน้าของหลิวชิ่งเต็มไปด้วยความตกใจ เขาคือคนที่เข้าใจถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหยางเฉิน แต่เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าหยางเฉินจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
ความแข็งแกร่งของม่อชิงซิวเอง เขาก็เข้าใจเป็นอย่างดี ต่อให้เป็นนักบูโดแดนนภาขั้นห้าชั้นกลางก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของม่อชิงซิว
แต่เวลานี้ หยางเฉินกลับสามารถต่อสู้กับม่อชิงซิวได้อย่างทัดเทียม
“แข็งแกร่งมาก! เจ้าเด็กนั่นสุดยอดถึงเพียงนี้เลยงั้นเหรอ?”
“ศิษย์พี่ม่อเป็นถึงนักบูโดแดนนภาขั้นห้าชั้นต้น ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขามากกว่าแดนนภาขั้นห้าชั้นกลาง เรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึง เจ้าเด็กนั่นมาจากโลกมนุษย์ เขาเป็นผู้ครอบครองความแข็งแกร่งระดับแดนนภาขั้นห้าชั้นกลางเลยเหรอ?”
“เขายังหนุ่มถึงเพียงนี้ แต่กลับมีพรสวรรค์ด้านบูโดอันน่ากลัว เช่นนั้นในอนาคตเขาจะน่าหวาดกลัวเพียงใด?”
“เมื่อเทียบกับเขา ฉันรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงแค่ขยะเท่านั้น!”
……
เวลานี้ใบหน้าของศิษย์แห่งสำนักเทียนไห่ต่างเต็มไปด้วยความตกใจ พวกเขาเข้าใจเป็นอย่างดี สภาพจิตใจทางด้านบูโดของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างหนัก
เหอตงเฉิงเห็นอย่างนั้น เขาแอบรู้สึกเสียใจอยู่ในใจ เขาเป็นคนพาศิษย์พวกนี้ออกมา และทุกคนต่างเป็นบูโดอัจฉริยะในสายของผู้อาวุโสรอง
หากสภาพจิตใจของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการต่อสู้ในครั้งนี้ สำหรับสายของผู้อาวุโสรองแล้ว มันคือการล่มสลายอย่างเห็นได้ชัด
ที่ใดมีคนอยู่ที่นั่นต่างมียุทธภพ สำนักเทียนไห่ในฐานะสำนักชั้นนำแห่งโลกบู๊โบราณกลาง แน่นอนว่าก็เป็นเช่นนั้นไปตามธรรมชาติ
ระหว่างผู้อาวุโสใหญ่ด้วยกันเองก็มีการต่อสู้ทั้งเปิดเผยและลับหลัง หากศิษย์ในสายของผู้อาวุโสรองถูกทำลายสภาพจิตใจด้วยการต่อสู้ครั้งนี้ เช่นนั้นเส้นทางบูโดในอนาคตก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เป็นแน่
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ใบหน้าของเหอตงเฉิงก็ยิ่งดูไม่ได้ขึ้นไปเรื่อย ๆ
“ต่อให้เขาแข็งแกร่งแล้วมันยังไง? ยังไงเขาก็เป็นแค่มดปลวกที่มาจากโลกมนุษย์ไม่ใช่หรือไง?”
เหอตงเฉิงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “พวกนายเป็นถึงศิษย์ที่ถูกเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีแห่งสำนักเทียนไห่ เรื่องแค่นี้ก็ทำใจยอมรับไม่ได้อย่างงั้นเหรอ?”
“กับมดปลวกที่มาจากโลกมนุษย์เพียงคนเดียวมันมีอะไรน่าตกใจนักหนา ในโลกบู๊โบราณกลาง เขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหอตงเฉิง มีเสียงอันแผ่วเบาดังขึ้นมาว่า “ศิษย์พี่ห้า จริงอยู่ว่าเขามาจากโลกมนุษย์ แต่พลังของเขานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก! หากเขาเป็นเพียงแค่มดปลวก เช่นนั้นบูโดอัจฉริยะแห่งสำนักเทียนไห่อย่างพวกเราก็เทียบกับมดปลวกไม่ได้เลยอย่างงั้นหรือ?”
“ใช่ ศิษย์พี่ห้า ไม่ใช่แค่พรสวรรค์ด้านบูโดของพวกเราสู้เขาไม่ได้ แต่อายุของพวกเราก็มากกว่าเขา เมื่อเทียบกับเขาแล้ว พวกเราก็ไม่ต่างอะไรกับขยะ!”
“ใช่ ฉันเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน พวกเรามีจำนวนคนมากขนาดนี้ แต่ไม่มีใครสู้ชายหนุ่มที่มาจากโลกมนุษย์ได้แม้แต่คนเดียว อีกฝ่ายยังอายุไม่ถึงสามสิบเลยด้วยซ้ำ หากพวกเราไม่ใช่ขยะแล้วจะเรียกว่าอะไร?”
ในตอนนั้น ศิษย์ในสายของผู้อาวุโสรองต่างพูดกันออกมา ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง สมองเต็มไปด้วยความสับสนกับเส้นทางในอนาคต
เหอตงเฉิงโกรธจนตัวสั่น เจ้าโง่พวกนี้ ดูแคลนตัวเองอย่างเดียวไม่พอ ทำไมจะต้องดึงเขาเข้ามาเกี่ยวด้วย
แต่สิ่งที่พวกเขาพูดออกมาก็เหมือนจะไม่ได้ผิดอะไร เจ้าหนุ่มที่มาจากโลกมนุษย์นั้นแข็งแกร่งจริง ๆ ถึงขั้นสามารถต่อสู้กับม่อชิงซิวได้นานถึงเพียงนี้แล้วยังไม่แพ้
ไม่ไกลจากตรงนั้น เรือนร่างอันงดงามพร้อมกับดวงตาที่มีเสน่ห์จ้องมองไปที่การต่อสู้ของทั้งสองคน ใบหน้าเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความงามนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความตกใจ
ม่อชิงจูพึมพำออกมาว่า “เขามาจากโลกมนุษย์จริง ๆ อย่างงั้นเหรอ?”
คนที่รู้และเข้าใจในตัวของม่อชิงซิวดีที่สุดก็คือเธอ!
สามารถพูดได้ว่า พรสวรรค์ด้านบูโดของม่อชิงซิว ในสายตาของโลกบู๊โบราณกลางต่างถือว่าอยู่ในอันดับต้น ๆ และเป็นผู้มีคุณสมบัติอยู่ในสิบอันดับแรกอย่างแน่นอน
แต่เมื่อเทียบกับหยางเฉิน พรสวรรค์ด้านบูโดของม่อชิงซิวยังต้อยต่ำเกินไป เช่นนั้นก็หมายความว่า พรสวรรค์ด้านบูโดของหยางเฉินต้องอยู่ในสิบอันดับแรกในโลกบู๊โบราณกลาง?
ในตอนนี้ ม่อชิงซิวอยู่ในระหว่างการต่อสู้ ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ทำให้เขาต้องตกใจก็คือ ความแข็งแกร่งของหยางเฉินเองก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
หรือพูดอีกอย่างก็คือ แม้ว่าทั้งสองจะต่อสู้กันอย่างจริงจัง แต่ทั้งสองฝ่ายล้วนเก็บซ่อนพลังเอาไว้ ไม่ว่าเขาจะเพิ่มพลังขึ้นมามากสักแค่ไหน หยางเฉินก็สามารถเพิ่มพลังขึ้นมาให้ทัดเทียมกับเขาได้
“บูม!”
การโจมตีของทั้งสองปะทะกันอีกครั้ง พวกเขาต่างถอยหลังกลับมา
เพียงแต่ครั้งนี้ หยางเฉินถอยหลังกลับมาเพียงแค่สามก้าวเท่านั้น แต่ทางด้านของม่อชิงซิวกลับถอยหลังถึงสิบกว่าก้าว
“นั่นมันอะไร?”
เวลานี้ทุกคนถึงจะมองเห็นพวกเขาสองคน และสีหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ
ม่อชิงซิวถูกโจมตีจนล่าถอยกลับไปอย่างนั้นเหรอ?
ดวงตาอันงดงามของม่อชิงจูเต็มไปด้วยความตกใจ มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
พี่ชายแพ้แล้วอย่างงั้นเหรอ?
ม่อชิงซิวยืนอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนไหว แต่ใบหน้าของเขาซีดขาว เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
ในทางกลับกัน ทางฝั่งของหยางเฉิน สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนไป มือทั้งสองข้างไพล่หลัง เสียงเสื้อผ้าโบกสะบัดราวกับเป็นปรมาจารย์แห่งยุค
หยางเฉินถามออกมาทันทีว่า “ยังจะสู้ต่ออีกไหม?”
ม่อชิงซิวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ มองไปที่หยางเฉินด้วยใบหน้าอันเคร่งขรึมพร้อมกับถามออกมาว่า “นายใช้พลังไปกี่ส่วน?”
หยางเฉินตอบกลับไป “เจ็ดส่วน!”
รูม่านตาของม่อชิงซิวหดตัวลงอย่างกะทันหัน เขารู้ว่าหยางเฉินยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มี แต่คิดไม่ถึงว่าหยางเฉินจะใช้พลังออกมาเพียงแค่เจ็ดส่วน และเขาได้ใช้พลังทั้งหมดที่มีแล้ว
หรือพูดอีกอย่างก็คือ หากสู้ต่อไป เขาก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?
อายุยังไม่ถึงสามสิบเลยด้วยซ้ำ ใช้พลังเพียงเจ็ดส่วนก็สามารถเอาชนะเขาได้
เขาเป็นถึงเทพสังหารชุดขาวผู้มีชื่อเสียงแห่งโลกบู๊โบราณกลาง ความแข็งแกร่งในแดนนภาขั้นห้าชั้นต้น และสามารถระเบิดพลังได้ถึงแดนนภาขั้นห้าชั้นต้น
หยางเฉินใช้พลังเพียงเจ็ดส่วนก็สามารถเอาชนะเขาได้ นี่มันไม่ได้หมายความว่าความแข็งแกร่งของหยางเฉินอาจจะอยู่ในแดนนภาขั้นห้าชั้นปลายเลยงั้นเหรอ??
เมื่อคิดถึงจุดนี้ แววตาของม่อชิงซิวก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เขาไม่ได้รู้สึกสิ้นหวังในเส้นทางสายบูโด แต่เป็นการสิ้นหวังที่ต้องมาเผชิญหน้ากับหยางเฉินที่อยู่ตรงหน้า
แต่เพียงแค่ชั่วพริบตาเขาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม แววตาของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ จ้องไปที่หยางเฉินโดยไม่กะพริบตา “ต้องมีสักวันที่ฉันจะทำให้นายสู้กับฉันอย่างสุดกำลัง!”
“อือ?”
“หมายความว่าอะไร?”
“นี่ม่อชิงซิว พ่ายแพ้แล้วอย่างงั้นเหรอ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของม่อชิงซิว ศิษย์แห่งสำนักเทียนไห่ต่างอยู่ในสภาพตกตะลึง
ในตอนที่ทุกคนกำลังคาดเดา ลมปราณอันแข็งแกร่งบนร่างกายของม่อชิงซิวก็สลายไป จากนั้นเขาค่อย ๆ พูดออกมาว่า “วันนี้ ฉันแพ้แล้ว!”