The king of War - บทที่ 2254 มังกรทองในท้องฟ้า
The king of War บทที่ 2254 มังกรทองในท้องฟ้า
ม่อชิงซิวไม่คิดจะจากไป เขาถือดาบยาวจ้องมองไปทางผู้อาวุโสรอง
ศิษย์ทุกคนของสำนักเทียนไห่แทบไม่กล้าหายใจ มองไปยังม่อชิงซิวอย่างประหม่า
ในทางกลับกัน หยางเฉินยังคงนั่งสมาธิ อยู่ในสภาวะรู้แจ้ง
“ม่อชิงซิว ฉันจะให้โอกาสนายเป็นครั้งสุดท้าย ว่าจะไปให้พ้นสายตาของฉันเองหรือให้ฉันจัดการ ถ้าฉันทำร้ายนายบาดเจ็บขึ้นมาแล้วหัวหน้าสำนักเอ่ยถาม ล้วนเป็นความผิดของนาย”
ผู้อาวุโสรองพูดอีกครั้ง
แม้ว่าเขาจะไม่ชอบม่อชิงซิว แต่เขาก็รู้ว่าม่อชิงซิวถือว่ามีตำแหน่งค่อนข้างสูงในของหัวหน้าสำนัก หากม่อชิงซิวได้รับบาดเจ็บขฌ หัวหน้าสำนักจะไม่พอใจอย่างแน่นอน
แต่ตราบใดที่เขาไม่ฆ่าม่อชิงซิวหรือขับไล่ไป หัวหน้าสำนักก็จะไม่สามารถทำอะไรเขาได้
ม่อชิงซิวพูดอย่างเย็นชา “ผู้อาวุโสรองทำเกินเหตุไป คุณหยางเป็นแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญจากผู้อาวุโสสาม และเป็นเพื่อนของผมด้วยจจ ผมจะไม่มีวันยืนดูเพื่อนของผมได้รับความอยุติธรรมในสำนักเทียนไห่แห่งนี้แน่นอน”
“เหอะ!”
ผู้อาวุโสรองตะคอกอย่างเย็นชาและพูดว่า “ดื้อรั้น ไร้ประโยชน์! ฉันอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าแกคนเดียวจะปกป้องเขาได้เหรอ?”
เมื่อเสียงเงียบลง ผู้อาวุโสรองก็มายืนอยู่ตรงหน้าม่อชิงซิวแล้ว
จู่ ๆ ม่อชิงซิวก็เหงื่อแตก ยังไม่ทันตั้งตัว ผู้อาวุโสรองก็ตบหน้าอกเขาด้วยฝ่ามือ
“บูม!”
ม่อชิงซิวกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ร่างของเขาลอยขึ้นไปในอากาศมากกว่าสิบเมตร
“พี่ชาย!”
สีหน้าของม่อชิงจูเปลี่ยนไปทันที เธอพุ่งไปข้างหน้าหาพี่ชาย
ม่อชิงซิวพยายามลุกขึ้นจากพื้น ส่ายหน้าเบา ๆ “พี่ไม่เป็นไร!”
เขาต้องการที่จะพุ่งไปอีกครั้ง แต่ก็สายเกินไปเพราะเมื่อปราศจากการป้องกันของม่อชิงซิว ผู้อาวุโสรองได้มายืนอยู่ตรงหน้าหยางเฉินแล้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่เย็นชา
“ไอ้หนู ถ้าเต็มใจที่จะเข้าสำนักของฉัน ฉันสามารถฝึกนายให้เป็นผู้สืบทอดของฉันได้ เมื่อทักษะด้านบู๊ของนายทะลวงไปถึงแดนนภาขั้นหก ฉันจะให้นายสืบทอดตำแหน่งผู้อาวุโสของฉันได้”
ขณะที่ทุกคนคิดว่าผู้อาวุโสรองกำลังจะโจมตีหยางเฉิน แต่เขากลับพูดแบบนั้นออกมา
“อะไรนะ?”
“ผู้อาวุโสรองต้องการส่งต่อตำแหน่งผู้อาวุโสให้กับเด็กคนนี้ที่มาจากโลกมนุษย์?”
“ผู้อาวุโสรองไม่ควรฆ่าเจ้าหมอนี่หรอกเหรอ? ทำไมถึงทำเช่นนี้?”
ศิษย์ของสำนักเทียนไห่ไม่สามารถยอมรับได้ในชั่วพริบตา
เหอตงเฉิงเดินโซเซถอยหลังไปหลายก้าว
เขาเป็นเพียงศิษย์คนที่ห้าของผู้อาวุโสรอง เขาจึงไม่เคยคิดที่จะสืบทอดตำแหน่งผู้อาวุโสนี้ เพราะเขารู้ว่าถึงยังไงก็ยังมีศิษย์พี่อีกสี่คนอยู่เหนือเขา เขานั้นไม่มีความหวังเลย
แต่ตอนนี้ ผู้อาวุโสรองกล่าวต่อที่สาธารณะว่าถ้าหยางเฉินเต็มใจละก็ เขาจะได้รับการสืบทอดตำแหน่งผู้อาวุโสเมื่อไปถึงแดนนภาขั้นหก
เหอตงเฉิงในตอนนี้ ท้องดูปั่นปวนสับสนมึนงง
นักบู๊ผู้ต่ำต้อยจากโลกมนุษย์ มีคุณสมบัติอะไรจะมาสืบทอดตำแหน่งผู้อาวุโสของสำนักเทียนไห่?
หลิวชิ่งรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน ในไม่ช้าเขาก็สงบลง เพราะรู้ว่าตอนนี้หยางเฉินจะอยู่รอดได้ก็ต่อเมื่อเขาตกลงเข้าร่วมสำนักของผู้อาวุโสรอง
ใบหน้าของม่อชิงซิวเคร่งขรึม เขาไม่ได้รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขาเต็มไปด้วยความกังวล
เพราะรู้แน่ชัดว่าผู้อาวุโสรองกำลังวางแผนอะไรอยู่ ผลงานของหยางเฉินก่อนหน้านี้เหนือความคาดหมายของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการที่เขาใช้ในการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บในช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้น่าตกใจยิ่งกว่า
ผู้อาวุโสรองไม่ต้องการให้หยางเฉินเข้ามาในสำนักธรรมดา ๆ แต่เพราะอยากรู้ความลับของหยางเฉินต่างหาก
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือหยางเฉินยังคงหมกมุ่นอยู่กับสภาวะรู้แจ้งของเขา ไม่มีท่าทีใด ๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสรอง
ผู้อาวุโสรองขมวดคิ้ว เจตนาสังหารในแววตาของเขาก็รุนแรงขึ้นเรื่อยญญ ๆ เขาต้องการรู้ความลับจากหยางเฉิน โดยให้หยางเฉินมาเป็นศิษย์เขา
แต่หยางเฉินไม่ได้สนใจเขาแม้แต่น้อย
ผู้อาวุโสรองพูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าหนู ฉันจะให้โอกาสครั้งสุดท้ายแก่นาย ว่านายจะเข้าร่วมสำนักของฉัน หรือจะให้ฉันจะฆ่านายตอนนี้!”
แต่ยังไงก็ตาม ครั้งนี้หยางเฉินยังคงไม่ตอบสนอง และอยู่ในสถานะของผู้รู้แจ้งดังเดิม
ลมหายใจบนร่างกายของเขาแรงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าจะทะลวงแดนได้ทุกเมื่อ
“ดูเหมือนว่านายตั้งใจจะต่อต้านฉันสินะภด ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะส่งนายไปในทางที่เลือกเอง!”
ทันใดนั้นออร่าบนร่างของผู้อาวุโสรองก็ทวีเพิ่มขึ้น เจตนาสังหารที่รุนแรงก็ปะทุออกมาจากเขา
แม้เขาจะต้องการรู้ความลับของหยางเฉินมากเท่าไร แต่ท่าทีนิ่งเฉยของหยางเฉินก็ทำให้เขาโกรธขึ้นจริง ๆ
“ผู้อาวุโสรอง ท่านจะทำอะไรกับคุณหยางจริงหรือ? ท่านไม่กลัวหรือว่าหากเหตุการณ์นี้ถูกแพร่ออกไป จะส่งผลเสียอย่างมากต่อสำนักเทียนไห่เหรอ?”
ม่อชิงซิวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ผู้อาวุโสรองหรี่ตาลงเล็กน้อย ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นกันว่า “เจ้าหมอนี่ได้ทำลายจิตใจแห่งเต๋าของศิษย์ฉัน มันก็เป็นความผิดร้ายแรง ถ้าฉันต้องการฆ่าเขา ใครจะพูดอะไรได้?”
หลังจากกล่าวจบ จู่ ๆ เขาก็ยกฝ่ามือขวาขึ้น ออร่าที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากฝ่ามือขวา
“ไอ้หนู ให้ตายเถอะ!”
ผู้อาวุโสรองคำรามออกมา ฝ่ามือที่ควบแน่นไปด้วยพลังน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งไปที่หยางเฉิน
“บูม!”
แต่ทันใดนั้น สายฟ้าสีทองเหมือนมังกรยักษ์ก็คำรามลงมาจากท้องฟ้า
ศิษย์ทุกคนของสำนักเทียนไห่รู้สึกว่าวิญญาณของพวกเขากำลังจะออกจากร่างของ พลังอันน่าสะพรึงกลัวจากสวรรค์ห่อหุ้มพวกเขาไว้ราวกับว่ามันต้องการที่จะบดขยี้ทุกคน
ผู้อาวุโสรองที่เพิ่งโจมตีหยางเฉิน รู้สึกว่าร่างกายของเขาเย็นเฉียบ จิตใต้สำนึกต้องการที่จะหลบหลีก
ความรู้สึกไม่สบายใจที่รุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา
แต่มันก็สายเกินไปที่เขาจะหลบได้
“บูม!”
ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของทุกคน สายฟ้าซึ่งดูเหมือนมังกรทองลงมาจากท้องฟ้า เจาะทะลุร่างของผู้อาวุโสรองโดยตรง
ทำให้ร่างกายของผู้อาวุโสรองแข็งอยู่กับที่ทันที พลังแห่งการทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวก็โหมกระหน่ำในร่างกายของเขา
ฝ่ามือที่เขาเหวี่ยงออกไปเมื่อครู่ ตอนนี้เป็นสีดำไหม้เกรียม เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บจากสายฟ้าเมื่อกี้
ตอนนั้นเองที่ทุกคนจึงได้พบว่า ณ จุดหนึ่งท้องฟ้าเหนือสำนักเทียนไห่ได้กลายเป็นทะเลแห่งฟ้าร้องไปแล้ว
พายุฝนฟ้าคะนองจำนวนนับไม่ถ้วนกระโจนเข้าสู่ความว่างเปล่าราวกับมังกรสายฟ้า
พลังสวรรค์อันน่าสะพรึงกลัวโผล่ออกมาจากท้องฟ้าและพุ่งลงมาโดยตรง
“ใครบอกฉันได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“นี่ฟ้าถล่มหรือยังไง?”
“ตัวที่บินอยู่บนท้องฟ้าคือมังกรทอง?”
ศิษย์ของสำนักเทียนไห่ที่ไม่เคยเห็นฉากอันน่าตกใจมาก่อน ต่างก็พากันตกตะลึง
ม่อชิงซิวเงยหน้าขึ้นมองไปยังความว่างเปล่านี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงจัง
ม่อชิงจูที่อยู่ข้าง ๆ พูดด้วยความประหลาดใจว่า “พี่ชายคะ ทำไมฉันถึงรู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งหายนะจากท้องฟ้าแบบนี้? หรือจะมีคนกำลังจะฝ่าฟันภัยพิบัติสวรรค์?”
ม่อชิงซิวพยักหน้า สายตามองไปทางหยางเฉินที่ยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “ถ้าพี่เดาไม่ผิดไปละก็ คงเป็นคุณหยางที่ทำให้เกิดภัยพิบัติสวรรค์นี้”