The king of War - บทที่ 2255 หมื่นมังกรกราบไหว้
The king of War บทที่ 2255 หมื่นมังกรกราบไหว้
“นี่คือลิขิตสวรรค์ที่หยางเฉินทำให้เกิดขึ้น?”
บนใบหน้าเล็กที่งดงามละเอียดลออของม่อชิงจู เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
ม่อชิงซิวพยักหน้า กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มเคร่งขรึม: “คุณหยางไม่ธรรมดาอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ แม้แต่ลิขิตสวรรค์ที่เขาทำให้เกิดขึ้นยังแข็งแกร่งขนาดนี้”
“ไม่ใช่……”
ม่อชิงจูมองไปทางม่อชิงซิวด้วยความตกตะลึงกล่าว: “กำลังของเขาไม่ใช่แดนนภาขั้นห้าชั้นกลางเหรอ? ต่อให้บุกทะลวงได้ ก็คงบุกทะลวงได้ถึงแดนนภาขั้นห้างชั้นปลาย จะเป็นไปได้ยังไงที่จะทำให้เกิดลิขิตสวรรค์?”
ตอนจากแดนเหนือมนุษย์บุกทะลวงมาจนถึงแดนนภา จะทำให้เกิดลิขิตสวรรค์ครั้งที่หนึ่ง ตอนจากแดนนภาขั้นสามชั้นยอดบุกทะลวงมาจนถึงแดนนภาขั้นสี่ชั้นต้น จะทำให้เกิดลิขิตสวรรค์ครั้งที่สอง จากนั้นก็คือตอนจากแดนนภาขั้นหกชั้นยอดบุกทะลวงมาจนถึงแดนนภาขั้นเจ็ดชั้นต้น จะทำให้เกิดลิขิตสวรรค์ครั้งที่สาม
จากมุมมองของที่ม่อชิงจู หยางเฉินสามารถเอาชนะม่อชิงซิวที่กำลังแดนนภาขั้นห้าชั้นต้นได้ ก็หมายความว่ากำลังของเขาคือแดนนภาขั้นห้างชั้นกลาง ต่อให้ต้องข้ามผ่านลิขิตสวรรค์ นั่นก็คือตอนที่อยู่แดนนภาขั้นหกชั้นยอดบุกทะลวงมาจนถึงแดนนภาขั้นเจ็ดชั้นต้น ข้ามผ่านลิขิตสวรรค์ครั้งที่สาม
แต่ว่าตอนนี้ หยางเฉินได้ทำให้เกิดลิขิตสวรรค์ เธอจะไม่ตกตะลึงได้ยังไง
ม่อชิงซิวตอนที่มาถึงสงบเป็นอย่างยิ่ง กล่าวเสียงขรึม: “ถ้าหากผมเดาไม่ผิด ที่คุณหยางเดินคือเส้นทางฝึกเซียน นักบูโดที่ฝึกเซียน ทุกครั้งที่บุกทะลวงจะทำให้เกิดลิขิตสวรรค์”
“ตอนนี้คุณหยางต้องข้ามผ่านลิขิตสวรรค์ ที่ทำให้เกิดลิขิตสวรรค์ คงจะเป็นเพราะจากระยะสร้างรากฐานปราณบุกทะลวงไปถึงระยะรวมยา”
หลังจากได้ยินคำของม่อชิงซิวแล้ว ม่อชิงจูเข้าใจได้ทันที แต่ในไม่ช้า ความประหลาดใจบนใบหน้าของเธอก็มากขึ้นกว่าเดิม เอ่ยปากกล่าว: “ถ้าเป็นแบบนี้ ตอนนี้เขายังเป็นนักบูโดระยะสร้างรากฐานปราณ แต่นักบูโดระยะสร้างรากฐานปราณ ไม่ใช่ตรงกับนักบูโดแดนนภาขั้นสามกับแดนนภาขั้นสี่เหรอ?”
“ต่อให้กำลังของเขาจะแข็งแกร่งอีกสักแค่ไหน อย่างมากสุดก็เป็นนักบูโดแดนนภาขั้นสี่ชั้นยอด จะเอาชนะพี่ชายได้ยังไง?”
ม่อชิงซิวส่ายหน้า: “เรื่องนี้ก็ไม่รู้แล้ว บางทีบนตัวคุณหยางอาจจะมีความลับอะไรบางอย่าง”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ความกังวลภายในดวงตาของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
แม้แต่เขายังมองออกว่าบนตัวของหยางเฉินมีความลับ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้อาวุโสรอง
เป็นอย่างที่คิดไว้ ตอนที่เขามองไปทางผู้อาวุโสรอง ก็พบว่าภายในดวงตาของผู้อาวุโสรองเต็มไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรง สายตาที่จ้องหยางเฉิน ก็เหมือนกับกำลังจดจ้องของล้ำค่าหายากของโลกใบนี้ชิ้นหนึ่ง
“ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าหนุ่มนี้จะมีพลังรบที่น่ากลัวเช่นนี้ ที่แท้เป็นผู้ฝึกเซียน อีกอย่างยังไม่ใช่ผู้ฝึกเซียนทั่วไปอีกด้วย ไม่อย่างนั้น เป็นไปไม่ได้ว่าตอนที่เขาอยู่ในระยะสร้างรากฐานปราณ ก็สามารถมีกำลังของแดนนภาขั้นห้างชั้นกลาง”
ผู้อาวุโสรองแอบกล่าวภายในใจ: “ถ้าหากฉันสามารถได้รับความลับบนร่างกายของเขาได้ ด้วยกำลังแดนนภาขั้นหกชั้นยอด จะต้องสามารถสยบโลกบู๊โบราณกลางได้แน่นอน!”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อารมณ์รุนแรงภายในดวงตาของเขาก็มีมากยิ่งขึ้น
เพียงแต่ เขาเองก็ไม่กล้าจะก้าวมาข้างหน้าง่ายๆ เมื่อครู่นี้ถูกลิขิตสวรรค์ของหยางเฉินฟาดเข้า เกือบจะทำให้เขาเสียแขนไปข้างหนึ่ง
ในเวลานี้ อำนาจรอบตัวของหยางเฉินเปลี่ยนไปแล้ว พรสวรรค์อันน่าหวาดกลัวกลุ่มหนึ่ง ใช้หยางเฉินเป็นศูนย์กลาง ตลบอบอวลไปทั่วทุกสารทิศ
ทั่วทั้งท้องฟ้าของสำนักเทียนไห่ ได้กลายเป็นทะเลสายฟ้าสีทองไปแล้ว มังกรสายฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนแหวกว่ายอยู่กลางอากาศ
ในเวลานี้ ด้านในถ้ำบำเพ็ญเพียรของสำนักเทียนไห่แห่งหนึ่ง ผู้เฒ่าผมสีขาวคนหนึ่งกำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกโพลงขึ้น ภายในรูม่านตามีแสงเจิดจ้าปรากฏขึ้น
“ลิขิตสวรรค์ที่แข็งแกร่ง!”
ร่างของผู้เฒ่ากะพริบ ก็ปรากฏกายขึ้นที่ด้านนอก หลังจากที่เขามองเห็นบนท้องฟ้าของสำนักเทียนไห่มีมังกรสายฟ้าสีทองรวมตัวกันอย่างหนาแน่น รูม่านตาหดตัว กล่าวอย่างตกตะลึง: “คาดไม่ถึงว่านี่จะเป็นลิขิตสวรรค์สีทองในตำนาน!”
ในประวัติศาสตร์ของโลกบู๊โบราณกลาง ลิขิตสวรรค์สีทอง ก็ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนเช่นกัน แต่ที่ผู้เฒ่าทราบ ก็เป็นเพราะเคยเห็นจากในหนังสือโบราณเล่มหนึ่ง
สีทองเป็นสัญลักษณ์ของโชคชะตาของฟ้าและดิน สามารถทำให้เกิดลิขิตสวรรค์สีทอง ก็หมายความว่าอีกฝ่ายเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ท่านหนึ่ง
“สำนักเทียนไห่มีจอมคนที่ไร้เทียมทานขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ผู้เฒ่าขมวดคิ้ว กล่าวพึมพำกับตัวเอง
ในฐานะที่เป็นเจ้าสำนักของสำนักเทียนไห่ บูโดอัจฉริยะของสำนักเทียนไห่คนใดก็ตาม เขาล้วนชัดเจน แต่จอมคนที่ทำทำให้เกิดลิขิตสวรรค์ท่านนี้ เขากลับไม่เคยเจอมาก่อน
“หรือว่า เป็นจอมคนบูโดที่ผู้อาวุโสรองตามหามาจากที่ไหน ในระหว่างที่ฉันกำลังจำศีลบำเพ็ญเพียร?”
เขาเห็นว่าผู้อาวุโสรองก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นก็กล่าวพึมพำกับตัวเอง
ในเวลาเดียวกัน ที่โลกบู๊โบราณกลาง คฤหาสน์ประมุขโลก
ประมุขโลกเจียงยืนอยู่บนยอดเขาสูงแห่งหนึ่ง จ้องมองไปทางสำนักเทียนไห่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวเสียงขรึม: “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เจ้าหนุ่ม ต่อให้เจ้าไม่ยินยอมที่จะรับช่วงตำแหน่งประมุขโลกต่อ เกรงว่าก็จะหนีชะตากรรมนี้ไปไม่พ้น!”
ไม่เพียงแค่สำนักเทียนไห่และคฤหาสน์ประมุขโลกเท่านั้น ยังมีสุดยอดอิทธิพลของโลกบู๊โบราณกลางอื่นๆ ทั้งต่างก็มองไปที่ทิศทางของสำนักเทียนไห่ด้วยความตื่นตะลึง
“นี่คือสำนักเทียนไห่จะฝืนกฎสวรรค์ นึกไม่ถึงว่าเกิดจอมคนไร้เทียมทานที่สามารถทำให้เกิดลิขิตสวรรค์สีทองได้”
“โชคดีที่พวกเรากับสำนักเทียนไห่ไม่ใช่ศัตรูกัน ไม่อย่างนั้น เมื่อหลังจากจอมคนไร้เทียมทานคนนี้เติบโตขึ้นมา จะกลายเป็นฝันร้ายของสำนักพวกเรา”
“ดูเหมือนว่า อีกไม่นาน สำนักเทียนไห่ก็จะสามารถกลายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลแข็งแกร่งที่สุดของโลกบู๊โบราณกลาง”
เนื่องจากการปรากฏของลิขิตสวรรค์สีทอง ทำให้ตื่นตะลึงไปทั่วทั้งโลกบู๊โบราณกลาง
อย่างไรก็ตาม ลิขิตสวรรค์ประเภทนี้ เป็นเพียงแค่ลิขิตสวรรค์ที่มีอยู่ในเรื่องเล่าขานเท่านั้น อีกทั้งนักบูโดที่สามารถทำให้เกิดลิขิตสวรรค์สีทองได้ ไม่มีข้อยกเว้น ทั้งหมดยืนอยู่ที่จุดบนสุดของทั่วทั้งโลกบู๊โบราณ
สำนักเทียนไห่ทางด้านนี้ ลูกศิษย์ทุกคนของสำนักเทียนไห่ ได้ตกตะลึงไปตั้งแต่แรกแล้ว
ผู้มีอิทธิพลทั้งหลายของสำนักเทียนไห่ปรากฏกายขึ้น ได้เปิดใช้งานค่ายใหญ่คุ้มกันสำนักของสำนักเทียนไห่ทันที
พวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึง ลิขิตสวรรค์ที่หยางเฉินทำให้เกิดนั้นน่ากลัวยิ่งนัก ทันทีที่ไม่ระวัง ก็จะทำลายทั้งสำนักเทียนไห่
มีเพียงอวีเวยเท่านั้น เกรงว่าที่จะสามารถสังหารลูกศิษย์สำนักได้นับไม่ถ้วน
ภายใต้การชี้นำของผู้มีอิทธิพลของสำนักเทียนไห่ทั้งหลาย ในไม่ใช่ รอบด้านของหยางเฉิน ก็ไร้ผู้คน
มีเพียงหยางเฉินที่ยังคงนั่งสมาธิอยู่บนพื้น ลมปราณที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวกลุ่มหนึ่ง กำลังไหลตลบอบอวลออกมาจากในร่างกายของเขา
ลิขิตสวรรค์ที่บนท้องฟ้าของสำนักเทียนไห่ ราวกับก็กำลังเตรียมความพร้อม สามารถผ่าลงมาได้ทุกเมื่อ
ในเวลานี้ หยางเฉินเข้าสู่แดนลืมตัวเองประเภทหนึ่งโดยสมบูรณ์แล้ว สำหรับเรื่องรอบตัวทุกอย่างที่เกิดขึ้น ก็ไม่ชัดเจนแล้ว
เขาเหมือนกับตกเข้าไปท่ามกลางการกลับชาติ ท่ามกลางการกลับชาตินี้ เขาเป็นคนตัดไม้คนหนึ่ง ตลอดชีวิตอาศัยการตัดไม้บนภูเขาเพื่อประทังชีวิต จนกระทั่งมีวันหนึ่ง เขากวัดแกว่งขวานนับครั้งไม่ถ้วน หลังจากที่กวัดแกว่งออกมาอีกครั้ง ที่ว่างก็ถูกฟันเป็นรอยแยกรอยหนึ่ง แสงสีทองนับไม่ถ้วนไหลทะลักออกมาจากกลางรอยแยก ทำให้พรสวรรค์ด้านบูโดถูกปลุกขึ้นมาทันที จากนั้นเป็นต้นมาก็ปลายเป็นผู้ฝึกเซียนอมตะคนหนึ่ง
ในไม่ช้า เขาก็ตกลงไปท่ามกลางการกลับชาติอีกอันหนึ่งอีกครั้ง ในชาตินี้ เขาเป็นคนไร้ประโยชน์ของตระกูลบูโดชั้นยอดคนหนึ่ง ตั้งแต่เล็กถูกพี่น้องในวงศ์ตระกูลดูถูกเหยียดหยาม ถึงขนาดแม้แต่พ่อแม่ของตนก็ยังดูถูกดูแคลนเขา เขาที่โดดเดี่ยวไรที่พึ่งพาในที่สุดก็ออกจากตระกูลไป แอบสาบานตน จะต้องมีสักวันหนึ่ง จะต้องทำให้ทุกคนเสียใจ หลังจากผ่านประสบการณ์ชีวิตมาหลายปี เขาก็ได้ไปยืนอยู่จุดสุดยอดบูโด แต่ตระกูลบูโดที่ทำให้เขานึกถึงนั้น ได้พินาศย่อยยับไปตั้งนานแล้ว
การกลับชาติซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนกับสายฟ้าที่แลบผ่านภายในหัวสมองของเขาอย่างรวดเร็ว
ทุกครั้งที่ผ่านพ้นการกลับชาติ ลมปราณบนตัวของเขาก็แข็งแกร่งขึ้น จนกระทั่งหลังจากการกลับชาติครั้งที่แปดสิบเอ็ด ลมปราณที่น่ากลัวกลุ่มหนึ่ง ก็ปะทุออกมาจากในร่างกายของเขา
“โฮก!”
ทันใดนั้น สายฟ้ามังกรสีทองนับไม่ถ้วนก็แผดเสียงร้องคำรามออกมา เหมือนกับว่ากำลังกราบไหว้บูชาราชาของพวกเขา
“เปรี้ยง!”
จากนั้น ก็เกิดฉากที่ทำให้ทุกคนตื่นตะลึงขึ้น สายฟ้ามังกรสีทองปกคลุมทั่วท้องฟ้า มุ่งหน้าลงมาที่หยางเฉินพร้อมเพรียงกัน