The king of War - บทที่ 236 รวดเร็วและรุนแรง
“นายอยากจะกลับคำ?” ซูซานพูดอย่างโกรธเคือง
เฉินอิงจวิ้นหน้าตาหยอกเย้า “คนในเหตุการณ์ต่างรู้กันหมด ตั้งแต่เริ่มแรก ฉันพูดกับเธอแล้วว่าจะแข่งรถกัน ต่อให้มันเอาชนะเสือดำได้ แล้วสามารถอธิบายอะไรได้ล่ะ?”
“ทั้งที่นายบอกว่าขอเพียงคนที่ฉันหามาเอาชนะนายได้ จะถือว่านายแพ้! นี่นายเล่นแง่หน้าด้านๆ?” ซูซานรีบพูด
“เธอถามดูได้ มีใครเคยได้ยินฉันพูดประโยคนี้บ้าง?”
เฉินอิงจวิ้นพูดจาหน้าตาไร้ยางอาย
“คุณซูคนสวย คุณชายจวิ้นไม่เคยพูดประโยคนี้จริงๆ นะครับ”
“คุณชายจวิ้นเพียงพูดว่าเขาเตรียมคนไว้ เพื่อแข่งรถกับคนที่คุณเรียกมา”
“คนที่คุณชายจวิ้นเตรียมไว้คือสวีเทาเทพรถน้อย ในเมื่อคนของคุณมาแล้ว งั้นรีบแข่งกันดีกว่า! ถ้าไม่กล้าแข่ง ก็แค่ยอมแพ้ไป”
……
เวลานี้ ทุกคนล้วนเอนเอียงตามความหมายของเฉินอิงจวิ้น ช่วยพูดจาแทนเขา
สีหน้าซูซานดูแย่ถึงขีดสุด เบ้าตาแดงก่ำ เหมือนใกล้จะร้องไห้แล้ว
“หยางเฉิน เมื่อกี้ทั้งที่เขาไม่ได้พูดแบบนี้……”
ซูซานมองทางหยางเฉินด้วยท่าทางไม่ได้รับความเป็นธรรม
คำพูดของเธอยังไม่ทันจบ ก็ถูกหยางเฉินขัดจังหวะเสียก่อน “ไม่เป็นไร อย่าว่าแต่แข่งรถเลย ต่อให้แข่งรถถัง แข่งเครื่องบิน ผมก็กล้าแข่งกับพวกเขาทั้งนั้น!”
“ดี!”
หยางเฉินพึ่งพูดจบ เฉินอิงจวิ้นรีบบอกทันที “นี่เป็นแกที่รับปากเองนะ ไม่ใช่ว่าฉันบีบบังคับแก! ห้ามมากลับคำทีหลัง!”
“วางใจได้ ฉันหยางเฉินพูดคำไหนคำนั้นมาแต่ไหนแต่ไร รับผิดชอบต่อคำที่เคยพูด คงไม่เหมือนคุณชายตระกูลเฉินที่ยิ่งใหญ่อย่างแก พูดจาก็ไร้สาระ”
หยางเฉินพูดจาเยาะเย้ย
“หึๆ!”
ซูซานที่เมื่อสักครู่ยังอารมณ์ย่ำแย่มากๆ กลับมาตลกคำพูดประโยคนี้ของหยางเฉินเอาง่ายๆ
ผู้คนมากมายข้างกายของเฉินอิงจวิ้นต่างหัวเราะแบบช่วยไม่ได้จริงๆ เช่นกัน
เฉินอิงจวิ้นโมโหจนเกือบจะระเบิด “แกก็แค่เก่งแต่ปาก มีความสามารถชนะนักแข่งรถของฉันให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาทำอวดดีใส่ฉัน!”
สวีเทาเดินออกมาแล้วเช่นกัน มองหยางเฉินแวบหนึ่งด้วยหน้าตาเย้ยหยัน จากนั้นพูดกับเฉินอิงจวิ้นว่า “คุณชายจวิ้นครับ นี่คือคู่แข่งที่คุณหามาให้ผม? เขาขับรถเป็นหรือเปล่า?”
เฉินอิงจวิ้นฉีกริมฝีปากขึ้น “นายไม่เคยได้ยินเหรอ? เมื่อกี้มันพูดมาแล้ว แม้แต่เครื่องบินรถถังยังกล้าแข่ง บุคคลที่เก่งกาจขนาดนี้ แค่ขับรถสำหรับมันนั้น น่าจะเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วล่ะมั้ง?”
“ฮ่าๆ ก็ถูก เขาเป็นผู้ชายที่เคยขับเครื่องบินขับรถถัง ไม่แน่ว่าอาจจะยังเคยขับยานอวกาศด้วย ผมตกใจแทบตายเลย ต่อให้แข่งแพ้เขา ก็คงไม่ขายหน้าใคร ผมพูดถูกหรือเปล่าครับ? คุณชายจวิ้น ฮ่าๆ……”
สวีเทาให้ความร่วมมือกับเฉินอิงจวิ้น หัวเราะบ้าคลั่งเสียงดัง
คนอื่นๆ ต่างหัวเราะเสียงดังเช่นกัน ราวกับหยางเฉินกำลังพูดล้อเล่นจริงๆ
ทันใดนั้นซูซานเป็นกังวลขึ้นมาอยู่บ้าง มองหยางเฉินอยู่พลางพูดว่า “สวีเทามีฉายาของเทพรถน้อยอยู่ ในวงการแข่งรถใต้ดินของเมืองโจวเฉิง เขาก็คือราชา ว่ากันว่าอาจารย์ของเขาเป็นนักแข่งรถชื่อดังระดับนานาชาติ”
หยางเฉินหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “แค่วางใจก็พอ ผมไม่แพ้หรอก!”
มองท่าทางที่มั่นใจของหยางเฉิน ซูซานกลับสบายใจอย่างมาก
“ได้ เดี๋ยวฉันนั่งไปข้างคนขับด้วย!” ซูซานพูดจาด้วยท่าทางแน่วแน่
“ตามใจคุณ!”
หยางเฉินหัวเราะแล้ว
ไม่นาน สองฝ่ายเตรียมพร้อมแข่งขัน การแข่งขันใกล้จะเริ่มต้นแล้ว
“ฉันบอกกติกาสักหน่อย ออกตัวจากตรงนี้ จากนั้นอ้อมถนนล้อมรอบภูเขารอบหนึ่งลงมา ใครกลับมาถึงตรงนี้ก่อน ถือว่าได้ชัยชนะไป”
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา บอกกติกาไปแบบง่ายดายมาก
“ได้!”
หยางเฉินพูดด้วยหน้าตาไร้อารมณ์
“ในเมื่อไม่มีข้อโต้แย้ง งั้นขึ้นรถเถอะ รอคำสั่งของฉัน!” คนผู้นั้นบอกมา
สวีเทามองรถของหยางเฉินทีหนึ่ง หัวเราะเยาะ “ฉันจะไม่รังแกนายแล้วกัน ขับรถอาวดี้R8คันนี้ ถึงแม้จะดีกว่ารถของนายอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่มีทางเลือกแล้ว ในที่นี้ของพวกเรา รถคันนี้ถือว่าเป็นรถที่แย่ที่สุดแล้ว แน่นอนว่าฉันต่อให้นายสิบวินาทีเลย!”
รถยนต์ราคาประมาณหนึ่งล้านคันหนึ่ง กับรถแข่งที่ราคาประมาณสองล้านคันหนึ่ง ไม่อยู่ในระดับเดียวกันโดยสิ้นเชิง
หยางเฉินกลับหัวเราะแบบไม่เป็นอะไร “แล้วแต่นาย!”
ไม่นาน รถทั้งสองคันวิ่งมาถึงจุดเริ่มต้น ชายหนุ่มก่อนหน้านี้คนนั้นที่อธิบายกติกาการแข่งขันทำหน้าที่เป็นกรรมการ
ในมือเขาถือธงแดงเล็กไว้อันหนึ่ง ยืนอยู่ระหว่างรถทั้งสองคัน และชั่วขณะที่เขาโบกธงแดงเล็กลง รถของหยางเฉินก็พุ่งออกไปดุจลูกธนูที่ยิงจากคันธนู เครื่องยนต์คำรามคลุ้มคลั่ง พุ่งออกไปทางด้านหน้าแล้ว
เดิมทีสวีเทาบอกว่าจะต่อให้หยางเฉินสิบวินาที ตอนที่มองเห็นการออกตัวของหยางเฉิน สีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ในชั่วพริบตาเดียว “เชี้ย! เป็นยอดฝีมือนี่!”
“ปัง!”
เขาจำเรื่องที่ตนเองเคยบอกว่าจะต่อให้หยางเฉินสิบวินาทีได้ที่ไหนกัน?
เหยียบคันเร่งลงไปทันที ชั่วพริบตาเดียวรถแข่งสีดำก็พุ่งออกไปแล้ว
เพียงแต่ไม่ว่าสวีเทาจะเพิ่มความเร็วอย่างไร ล้วนไม่มีทางตามหยางเฉินทัน
“เชี้ย! รถของเขาปรับแต่งมา!”
สวีเทาตะโกนบอก ถึงแม้เมื่อสักครู่จะเป็นเพียงช้ากว่าหนึ่งวินาที แต่ในหนึ่งวินาทีนั้น กลับทำให้หยางเฉินชิงพุ่งไปด้านหน้าเขาก่อนแล้ว
ที่ยิ่งทำให้เขาตื่นตกใจคือ ตั้งแต่เริ่มการแข่งขัน รถของหยางเฉินเพิ่มความเร็วมาตลอด ความเร็วในเวลานี้มาถึงขีดสุดแล้ว
“แม่งเอ๊ย ให้แกได้ใจไปก่อนสักหน่อย เดี๋ยวพอหมดทางตรง ตอนถึงทางโค้ง ฉันจะแซงแกให้ได้แน่!”
สวีเทากัดฟันพูด ใช้เท้าเหยียบคันเร่งไปจนสุด
ในรถอาวดี้A8 ซูซานที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
เธอเพียงมองเห็นแสงไฟข้างทาง เคลื่อนลับหลังไปอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นภาพวืด
เธอมีภาพลวงตาบางอย่าง ที่ตนเองนั่งอยู่ไม่ใช่รถ แต่เป็นเครื่องบิน ความรู้สึกที่พุ่งสุดตัวเป็นเส้นตรงก่อนเครื่องจะบินขึ้น เหมือนกันอย่างนั้นเลย
“นั่งให้ดี!”
พอหยางเฉินพูดจบ ชั่วพริบตาเดียวก็ดึงเบรกมือขึ้น ตามมาด้วยหมุนพวงมาลัยทันที
“เอี๊ยด~”
ล้อรถลื่นไถลไปบนพื้นถนน เกิดเสียงที่เสียดแก้วหู
“อ๊าย……”
ซูซานตกใจจนกรีดร้องเสียงดังขึ้นมา
“เชี้ย! ไอ้บ้า! ไอ้บ้า! นี่แม่งเป็นคนบ้าชัดๆ!”
ในรถอาวดี้R8ที่ด้านหลัง สวีเทาถลึงตากลมโต ตะโกนขึ้นมาแล้ว
เดิมทีเขายังอยากแซงไปตรงทางโค้ง นึกไม่ถึงหยางเฉินจะเข้าสู่ทางโค้งไปเรียบร้อยแล้ว
ที่ยิ่งทำให้เขาตื่นตกใจคือ หยางเฉินผ่านทางโค้งไปแบบไม่ลดความเร็วลง คาดไม่ถึงยังใช้การดริฟต์รถพุ่งเข้าไป
นี่คือถนนล้อมรอบภูเขา ถ้าไม่ระวังเพียงนิดเดียว อาจตกลงไปจากหน้าผาสูงได้
เวลานั้น มีเพียงผลลัพธ์อย่างเดียว รถพังคนตาย
ถึงแม้เป็นเขา ก็ไม่กล้าบ้าคลั่งเช่นนี้ แต่หยางเฉินกลับทำลงไปแล้ว
ผู้คนที่อยู่จุดเริ่มต้นแข่งรถ เวลานี้ทำท่าทางอย่างกับเห็นผีกันหมด
“ใครบอกฉันได้บ้าง สรุปรถคันไหน เป็นเทพรถน้อยสวีเทากำลังขับ?”
“เชี้ยเอ๊ย! ทั้งที่เขาเป็นขั้นเทพ ใครมาบอกฉันว่าเขาเป็นพวกกระจอกกัน?”
“ต่อให้เขาบอกว่าขับยานอวกาศเป็น ฉันก็เชื่อ!”
……
ทุกคนล้วนหน้าตาตกตะลึง
ถึงแม้เฉินอิงจวิ้นกับหยวนเซ่าตื่นตะลึงกับฝีมือการขับรถของหยางเฉินมากเช่นกัน แต่ก็แค่จำกัดอยู่ที่ความรู้สึกตื่นตกใจ
“นักฆ่าที่บนยอดเขา เตรียมพร้อมแล้วเหรอ?”
หยวนเซ่าถามเสียงเบาๆ ทันใด
เฉินอิงจวิ้นฉีกมุมปากขึ้น ในสายตาเต็มไปด้วยความโหดร้าย “วางใจได้ ถึงแม้มันรอดขึ้นเขาไปได้ ก็ไม่อาจรอดลงเขามาได้หรอก!”
แรกเริ่มซูซานยังหวาดกลัวอย่างมาก แต่มาถึงตอนท้าย เธอไม่ได้หวาดกลัวสักนิด ในดวงตามีเพียงความตื่นเต้น
หยางเฉินได้สำแดงสมรรถภาพของรถออกมาถึงขั้นสุด รถอาวดี้A8คันนี้ เป็นรถที่ถูกปรับแต่งมาก่อน สมรรถภาพแต่ละด้านล้วนดีเลิศอย่างมาก
สวีเทาที่อยู่ข้างหลัง แม้พยายามสุดกำลัง ก็ยังไม่มีทางตามหยางเฉินทัน
เดิมทีเขารอคอยจะแซงขึ้นไปตรงทางโค้งมากที่สุด กลับกลายเป็นว่าหยางเฉินดึงตำแหน่งระยะห่างระหว่างเขาออกไปอีก
“หยางเฉิน คุณนี่เยี่ยมเหลือเกินจริงๆ เลย!”
ซูซานมองข้างหลังทีหนึ่ง พบว่ามองไม่เห็นรถของสวีเทาอย่างคาดไม่ถึง หน้าตาเต็มไปด้วยความดีใจ
มองเห็นรถจะไต่ขึ้นบนยอดเขา ในเวลานี้เอง แลนด์ครุยเซอร์สีดำคันหนึ่งขวางถนนของพวกเขาเอาไว้แล้ว
“พรึ่บ~”
ทันใดนั้น แสงไฟหน้ารถของรถคันนั้นเปิดขึ้นสูง แสงจ้าที่แสบตาสองดวงกระทบเข้าดวงตาของหยางเฉินและซูซานโดยตรง
“หลับตา!”
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเลย หยางเฉินตะโกนบอกเสียงดังอย่างกะทันหัน