The king of War - บทที่ 240 คำรามด้วยความโกรธ
ตระกูลเฉินเป็นตระกูลอันดับต้นๆ ของเมืองโจวเฉิง ที่นี่คือถิ่นของพวกเขา แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าฆ่าเฉินอิงจวิ้นที่นี่ นี่มันเหมือนการตบหน้าตระกูลเฉินชัดๆ
ภายในคฤหาสน์เดี่ยวสุดหรูของตระกูลเฉิน
ศพของเฉินอิงจวิ้นวางอยู่บนพื้น บนตัวของเขาเต็มไปด้วยเลือด มีรอยแผลที่น่าตกใจบนคอของเขา
ถึงเขาจะตายไปแล้ว แต่บนใบหน้ายังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เขาตายตาไม่หลับ
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าก่อนตาย เขาสิ้นหวังแค่ไหน
บรรดาเครือญาติของตระกูลเฉินอยู่ที่นี่ทั้งหมด
เฉินซิงไห่นั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
มีชายวัยกลางคนนั่งอยู่ด้านซ้ายมือของเขา ตอนนี้ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
เขาชื่อเฉินเห้า เฉินอิงจวิ้นที่โดนฆ่า เป็นลูกชายของเขา
เฉินอิงเหานั่งอยู่ข้างเขา มองน้องชายแท้ๆ ของตัวเองโดนปาดคอ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ใครกันแน่ ที่กล้าฆ่าหลานชายของฉัน ฉันจะหั่นมันเป็นหมื่นชิ้น!”
เฉินซิงไห่ตวาดออกมาด้วยดวงตาแดงก่ำ
คืนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นสองเรื่อง เรื่องแรก คือเรื่องที่เฉินอิงเหาไปล่วงเกินมู่ตงเฟิง เขาไปหามู่ตงเฟิงที่ร้านอาหารด้วยตัวเอง ตระกูลเสียเงินจำนวนมาก เพื่อที่จะช่วยเฉินอิงเหา
แต่ทว่า เขาคุยเงื่อนไขที่ไม่ยุติธรรมกับมู่ตงเฟิง เฉินอิงเหาโดนชายหนุ่มคนหนึ่ง บังคับให้คุกเข่าขอโทษ
เรื่องที่สอง คือการตายของเฉินอิงจวิ้น
หลายปีมานี้ ตระกูลเฉินกับตระกูลหยวนร่วมมือกัน ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองโจวเฉิง ไม่เคยมีครั้งไหนที่อัดอั้นเท่าตอนนี้
แค่คืนเดียว เขาต้องมาเจอเรื่องใหญ่ขนาดนี้
“พ่อ เราต้องสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง ไม่ว่าจะเป็นใคร กล้ามาฆ่าอิงจวิ้น ยังไงมันก็คือศัตรูของตระกูลเฉิน!”
เฉินเห้ากัดฟันกรอด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“นั่นเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว!”
เฉินซิงไห่พูดด้วยสีหน้าเฉยชา
ขณะนั้นมีร่างของชายวัยกลางคน วิ่งเข้ามาในคฤหาสน์
“เจ้าบ้าน สืบเรื่องคร่าวๆ ได้แล้วครับ เรื่องทั้งหมด พุ่งเป้าไปยังชายหนุ่มที่ชื่อว่าหยางเฉิน แต่เรายังหาหลักฐานที่แน่ชัดไม่ได้”
ชายวัยกลางคนพูด
“นายบอกว่าเกี่ยวข้องกับใครนะ”
เฉินซิงไห่ลุกขึ้นทันที เฉินอิงเหาก็ได้ยินชื่อที่คุ้นหู จู่ๆ เขาก็สั่นไปทั้งตัว
“ชายหนุ่มที่ชื่อว่าหยางเฉินครับ มาจากเจียงโจว เป็นลูกเขยที่แต่งเข้ามาในบ้านผู้หญิง ซูซานคนของตระกูลซู เป็นคนพาไป……”
ชายวัยกลางคน รายงานสิ่งที่สืบมาได้ให้ฟังทั้งหมด
รวมไปถึงเรื่องที่เฉินอิงจวิ้นส่งคนไปลอบฆ่าหยางเฉินด้วย
แต่เขารู้ประวัติของหยางเฉินเพียงผิวเผินเท่านั้น
“ปัง!”
เฉินซิงไห่ได้ยินสิ่งที่ชายวัยกลางคนรายงานให้ฟัง เขาใช้ฝ่ามือตบโต๊ะอย่างแรง เขาตวาดพร้อมดวงตาแดงก่ำ “คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแกอีก! ก็แค่ลูกเขยธรรมดาๆ ที่แต่งเข้ามาในบ้านผู้หญิง กล้าดียังไงถึงมาเป็นศัตรูกับตระกูลเฉิน รนหาที่ตายชัดๆ!”
ตอนเจอหยางเฉินที่ร้านอาหารเป่ยหยวนชุนก่อนหน้านี้ เพราะท่าทีนอบน้อมของมู่ตงเฟิง เขาจึงไม่กล้าทำอะไร เพราะลูกชายของมู่ตงเฟิง ถูกหยางเฉินทำร้ายจนแขนพิการไปข้างหนึ่ง
มู่ตงเฟิงไม่ได้พูดว่าจะทำร้ายหยางเฉิน เขาจึงไม่กล้าพูดอะไร
แต่ตอนนี้ เฉินอิงจวิ้นตายแล้ว แถมยังเกี่ยวข้องกับหยางเฉินอีก นี่มันทำให้เขารับไม่ได้
“เจ้าบ้านมู่!”
เฉินซิงไห่โทรหามู่ตงเฟิงทันที เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้าบ้านมู่ คุณคงได้ยินเรื่องที่หลานชายคนเล็กของผมโดนฆ่าแล้วใช่ไหม”
แน่นอนว่ามู่ตงเฟิงรู้แล้ว เขารีบถามว่า “เจ้าบ้านเฉิน ผมกำลังจะโทรหาคุณ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“เจ้าบ้านมู่ ไอ้เด็กที่ทำร้ายคุณชายมู่ ที่ร้านอาหารเป่ยหยวนชุนก่อนหน้านี้ ไม่ทราบว่าคุณได้สืบเรื่องหรือยัง” เฉินซิงไห่ถาม
มู่ตงเฟิงอึ้งไป เขารีบพูดว่า “ผมส่งคนไปสืบแล้ว แต่ยังไม่ได้ข่าวอะไร”
“ผมสืบมาแล้วว่ามันเป็นใคร จริงๆ มันไม่ได้เป็นคุณชายตระกูลไฮโซอะไรหรอก มันเป็นแค่ลูกเขยที่แต่งเข้ามาในบ้านผู้หญิง และต่อสู้เก่งแค่นั้น……”
เฉินซิงไห่เล่าเรื่องที่ลูกน้องรายงานให้มู่ตงเฟิงฟัง
มู่ตงเฟิงยังไม่พูดอะไร จนกระทั่งเฉินซิงไห่พูดจบ เขาจึงถามว่า “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับการตายของหลานชายคนเล็กของคุณล่ะ”
“ถึงจะยังไม่มีหลักฐานอะไร แต่จากที่สืบได้ในตอนนี้ การตายของหลานชายผม ล้วนพุ่งเป้าไปที่หยางเฉิน”
เฉินซิงไห่เอ่ยขึ้น “ผมจะจัดการมัน เลยอยากบอกคุณไว้ก่อน”
มู่ตงเฟิงรีบพูดว่า “ผมร่วมมือด้วย กล้าทำให้ลูกชายของผมแขนพิการ ผมจะทำให้มันตาย!”
ตอนแรกมู่ตงเฟิงจะจัดการกับหยางเฉิน หลังจากที่สืบได้เรียบร้อย แต่ทว่าตอนนี้หลานชายของเฉินซิงไห่โดนฆ่าตาย เรื่องที่เขาสืบมาได้ น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน
มู่ตงเฟิงรีบตอบตกลง ทั้งสองวางสาย หลังจากที่ปรึกษากันเรื่องแผนการเสร็จเรียบร้อย
อีกด้านหนึ่ง หยางเฉินกับซูซานกลับมาถึงโรงแรม
“คืนนี้ ขอบใจนายมากนะหยางเฉิน!”
เมื่อมาถึงหน้าโรงแรม ซูซานพูดด้วยสีหน้าซาบซึ้ง
เดิมทีเธอกะจะยั่วหยางเฉิน แต่เมื่อเธอรู้จักหยางเฉินในตอนนี้ แน่นอนว่าคงไม่มีทางทำแบบนั้นได้
ถ้าทำเกินไป อาจจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี
อีกแง่หนึ่ง ในใจของซูซานรู้สึกขัดแย้งมาก ด้านหนึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเธอ อีกด้านก็เป็นคนที่เธอชอบ ซึ่งกว่าจะชอบก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ความรู้สึกระหว่างเธอกับฉินซี เธอยังอยากทะนุถนอมมันเอาไว้
แต่ว่าทุกครั้งที่คิดถึงหยางเฉิน เธอควบคุมความคิดที่อยากจะครอบครองเขาไม่ได้
หยางเฉินยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร!”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง
เช้าตรู่วันต่อมา หยางเฉินรับสายของซูซาน
“หยางเฉิน เฉินอิงจวิ้นตายแล้ว!”
น้ำเสียงของซูซานเต็มไปด้วยความตกใจ
หยางเฉินพูดแบบเนิบๆ ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ตายไปก็ดี เรื่องแต่งงานระหว่างคุณกับเขา จะได้สิ้นสุดลงสักที”
เมื่อสัมผัสถึงความนิ่งจากน้ำเสียงของหยางเฉิน ซูซานรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในใจ
ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าหยางเฉินเป็นใครกันแน่ แต่สิ่งที่เธอสามารถยืนยันได้ก็คือ หยางเฉินไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
จู่ๆ เธอก็รู้สึกกังวลขึ้นมาว่าการตายของเฉินอิงจวิ้น น่าจะเกี่ยวข้องกับหยางเฉิน
ไม่ว่าหยางเฉินจะเก่งแค่ไหน แต่ยังไงตระกูลเฉินก็เป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่
ถึงการตายของเฉินอิงจวิ้นจะไม่เกี่ยวกับหยางเฉิน ยังไงตระกูลเฉินต้องพุ่งเป้ามาที่หยางเฉินแน่นอน
ถ้าหยางเฉินต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะเธอ เธอต้องรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
“พอเถอะ ไว้ค่อยว่ากัน เสี่ยวซีโทรมาบอกว่าจะพาผมไปร่วมงานแต่งงาน”
หยางเฉินพูดจบก็วางสาย
ซูซานที่อยู่ห้องข้างๆ ยังคงเป็นกังวล
ไม่นาน เธอได้รับสายของซูเฉิงอู่
พอรับสาย ซูเฉิงอู่ก็ตวาดใส่เธอด้วยความโกรธ “ซูซาน แกบอกฉันมานะ การตายของเฉินอิงจวิ้นเกี่ยวข้องกับแกไหม อีกอย่าง ชายหนุ่มที่อยู่กับแกเมื่อคืน เป็นใครกันแน่”
ซูเฉิงอู่เพิ่งรู้ข่าวการตายของเฉินอิงจวิ้นเมื่อเช้า
เขารีบโทรหาตระกูลเฉินเป็นอย่างแรก เมื่อโทรติด คนของตระกูลเฉินด่าเขาจนหูดับตับไหม้ จากนั้นก็ตัดสายไป
ต่อมาเขาขอให้คนไปสอบถาม จึงรู้ว่า ก่อนที่เฉินอิงจวิ้นจะโดนฆ่า เขาเคยมีความแค้นกับชายหนุ่มคนหนึ่ง