The king of War - บทที่ 246 ประธานลั่วผู้แข็งแกร่ง
เมื่อพูดเช่นนี้ ทำให้ตำแหน่งของฉินยีสูงส่งขึ้นไปอีก
“ไม่น่าเชื่อ! เสี่ยวยีเป็นคนที่ประธานลั่วปั้นมาหรอนี่! ถ้าเป็นอย่างนี้ วันใดที่ประธานลั่วออกจากต้าเหอกรุ๊ป เขาจะให้เสี่ยวยีมาเป็นผู้จัดการใหญ่หรือเปล่า”
โจวอวี้เจี๋ยพูดด้วยสีหน้าตกใจ เขากลอกตาไปมาและพูดว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ ฐานะขอเสี่ยวยีในเมืองโจวเฉิง ก็เทียบได้กับผู้นำตระกูลเฉินและตระกูลหยวนเลยน่ะสิ!”
“ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ให้เสี่ยวยีรีบช่วยตระกูลโจวสิ ให้เธอพูดประจบประธานลั่ว! จากฐานะของประธานลั่ว พูดแค่ประโยคเดียว ก็สามารถทำให้ตระกูลเรากลายเป็นตระกูลระดับกลางได้เลยนะไม่แน่อาจจะเป็นตระกูลระดับสูงเลยก็ได้!”
โจวอวี้หรงตาเป็นประกาย เธอใช้สองมือจับแขนโจวยู่ชุ่ยแน่น จากนั้นจึงพูดอย่างตื่นเต้นว่า “พี่ อนาคตของตระกูลโจวขึ้นอยู่กับพี่แล้วนะ พี่รีบบอกให้เสี่ยวยี พูดกับประธานลั่วสิ”
“ใช่ ยู่ชุ่ย รีบไปหาเสี่ยวยีสิ บอกว่าฉันบอกให้พูดกับประธานลั่วเรื่องนี้”
นายท่านตระกูลโจวสีหน้าดีอกดีใจ และพูดอย่างตื่นเต้น
ถ้าตระกูลโจวกลายเป็นตระกูลใหญ่ได้ ในช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ ถึงตายก็ไม่เสียดายเลย
คนในตระกูลโจวคนอื่นๆ ต่างพูดเร่งให้โจวยู่ชุ่ยไปหาเสี่ยวยี
“โครม!”
จู่ๆ ก็มีเสียงดังครึกโครม รถ Jeep สีดำคันหนึ่ง พุ่งชนประตูห้องบอลรูมเข้ามา
ชายชุดดำร่างกายกำยำ เดินลงจากรถ พวกเขายืนแยกฝั่งละสองคน เหมือนกำลังต้อนรับใครอย่างไรอย่างนั้น
จากนั้นก็มีชายชราคนหนึ่ง เดินค้ำไม้เท้าเข้ามาในห้องบอลรูม
มีชายชุดดำร่างกายกำยำสองสามคน เดินตามอยู่ข้างหลัง รับรู้ได้ถึงความตึงเครียด ที่แผ่ออกมาจากตัวของคนพวกนั้น
“เฉินซิงไห่ ผู้นำตระกูลเฉิน!”
มีคนรู้จักชายชราคนนั้น จู่ๆ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
เฉินซิงไห่ปรากฏตัวได้โหดเหี้ยมมาก เขาใช้รถชนประตูเข้ามา สร้างความตกตะลึงให้ทุกคน
สีหน้าคนตระกูลโจวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกเขาเพิ่งเคยเจอเฉินซิงไห่เป็นครั้งแรก และได้ยินคนในงานพูดว่าผู้นำตระกูลเฉินมาที่นี่ด้วยตัวเอง
หยางเฉินเจอเฉินซิงไห่เมื่อคืน แน่นอนว่าเขาจำได้ อีกทั้งลั่วปิงเพิ่งบอกเขาเมื่อครู่ ว่าตระกูลเฉินจะมาแก้แค้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกตกใจ
“ผู้ ผู้นำตระกูลเฉิน คุณ คุณมาได้ยังไงครับ”
เจิ้งหยันรีบเดินเข้าไปถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ไสหัวไป!”
บอดี้การ์ดคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่ข้างเฉินซิงไห่ ตบหน้าของเจิ้งหยันอย่างแรง
เจิ้งหยันเลือดกบปาก เขาล้มลงไปด้านข้าง
สีหน้าของผู้คนรอบๆ เต็มไปด้วยความหวาดกลัว โดยเฉพาะคนตระกูลโจว
วันนี้เป็นวันมงคลของตระกูล แต่เฉินซิงไห่มาที่นี่ด้วยตัวเอง ดูท่าจะมาก่อเรื่องด้วย
ในเมืองโจวเฉิง ขนาดตระกูลที่ได้รับความนิยม ตระกูลโจวยังไม่สามารถอยู่ในนั้นได้ พวกเขาเป็นแค่คนบ้านนอกที่ร่ำรวยเท่านั้น
ตระกูลเฉินเป็นหนึ่งในสองตระกูลไฮโซแห่งเมืองโจวเฉิง
เรียกได้ว่าตระกูลหนึ่งคือฟ้าที่สูงส่ง อีกตระกูลคือก้อนดินที่ต่ำต้อย ไม่สามารถเทียบกันได้ แต่การที่เฉินซิงไห่มาที่นี่ด้วยตัวเอง แน่นอนว่าต้องทำให้คนคิดไม่ถึง
เจิ้งหยันน่าเวทนา ก่อนหน้านี้ตอนที่ลั่วปิงมาถึง เขาก็โดนไล่ต่อหน้าทุกคน นี่เฉินซิงไห่มาถึง เขาก็โดนเหมือนเดิม แถมยังโดนบอดี้การ์ดของเฉินซิงไห่ตบหน้าด้วย
ทุกคนพากันมองไปที่เจิ้งหยันด้วยแววตาเห็นใจ
“หยางเฉินอยู่ไหน รีบให้มันไสหัวออกมา!”
เฉินซิงไห่เดินมากลางห้องบอลรูม บอดี้การ์ดคนหนึ่ง ลากเก้าอี้เข้ามา
เมื่อได้ยินเสียงของเฉินซิงไห่ ทุกคนรู้ทันทีว่าเขามาหาหยางเฉิน
เจิ้งหยันรู้สึกอึดอัดใจมาก ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายมาหาหยางเฉิน เขาคงไม่เข้าไปหรอก
“คุณสามี!”
ฉินซีสีหน้าเป็นกังวล เธอดึงปลายเสื้อของหยางเฉินอย่างแรง
หยางเฉินยิ้มบางๆ “อย่าลืมที่ผมพูดเมื่อวานสิ ถ้าตระกูลเฉินทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ จากวันนี้ไป จะไม่มีตระกูลเฉินในเมืองโจวเฉิงอีก!”
เสียงอันแข็งกร้าวของหยางเฉิน ดังขึ้นในห้องบอลรูมที่เต็มไปด้วยความเงียบ จนทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน
ทันใดนั้นทุกคนเบิกตาโตและพากันมองมาที่หยางเฉิน
ในที่สุดเฉินซิงไห่ก็เห็นหยางเฉิน สีหน้าของเขาเคร่งขรึม สิ่งที่หยางเฉินพูดเมื่อครู่ เป็นเพียงคำพูดโอ้อวดเท่านั้น
หยางเฉินพูดจบก็มองเฉินซิงไห่ด้วยแววตาดุดัน จากนั้นจึงพูดยียวนว่า “ผู้นำตระกูลเฉิน เมื่อคืนเพิ่งขอโทษผมไม่ใช่เหรอ วันนี้มาหาผม มีเรื่องอะไรอีกเหรอครับ”
เมื่อคืนมู่ตงเฟิงกับเฉินซิงไห่มาด้วยกัน หยางเฉินเหยียบแขนของมู่เจิ้นจนหักต่อหน้าทุกคน เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก จากนั้นเขาจึงพาฉินซีออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ผ่านไปแค่คืนเดียว เฉินซิงไห่ก็พาคนมาหาเขาที่งานแต่ง
ถ้าลั่วปิงไม่บอกเขาเมื่อครู่ หยางเฉินคงคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้
“เขาบอกว่าเมื่อคืนเฉินซิงไห่ขอโทษเขาอย่างนั้นเหรอ”
“เป็นไปได้ยังไง เฉินซิงไห่เป็นผู้นำตระกูลเฉินเชียวนะ!”
“ถ้าไม่ใช่ ทำไมเขาถึงกล้าพูดแบบนั้น ต่อหน้าเฉินซิงไห่ล่ะ”
……
ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึง คำพูดของหยางเฉิน เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก
ดูจากท่าทางและคำพูดของหยางเฉิน ถ้าเฉินซิงไห่ไม่สืบประวัติของหยางเฉินมาอย่างดี เขาคงไม่กล้าประมาทหยางเฉินอย่างแน่นอน
“ไอ้หนุ่ม อย่ามาพูดไร้สาระกับฉัน ฉันขอถามนาย การตายของเฉินอิงจวิ้นหลานชายฉัน เกี่ยวข้องกับนายหรือเปล่า”
เฉินซิงไห่ดวงตาแดงก่ำ เขาจ้องหยางเฉินเขม็ง เขาแทบอยากจะฆ่าหยางเฉินจนอดไม่ไหวแล้ว
“ผู้นำตระกูลเฉิน ผมขอเตือนว่าอย่าพูดอะไรมั่วๆ!”
ลั่วปิงพูดออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อกี้เฉินซิงไห่เห็นลั่วปิงแล้ว ถึงจะสงสัยว่าลั่วปิงอยู่กับหยางเฉินได้ยังไง แต่เขามาที่นี่ เพื่อจัดการกับหยางเฉิน เขาจึงไม่ได้สนใจลั่วปิง
แต่ตอนนี้ลั่วปิงพูดขึ้นมา เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายมาก ความโกรธก่อตัวอยู่ลึกๆ ในดวงตาของเขา เขากัดฟันพูดว่า “ประธานลั่ว จะเข้ามาก้าวก่ายเรื่องของตระกูลเฉินเหรอ”
“เรื่องของคุณหยาง ก็คือเรื่องของผม ถ้าคุณจะแตะต้องคุณหยาง ก็คิดให้ดีก่อน” ลั่วปิงพูดอย่างเย็นชา
“นายก็แค่ผู้จัดการใหญ่ของต้าเหอกรุ๊ป คิดว่าตัวเองเป็นประธานแล้วหรือไง ถึงมาข่มขู่ฉัน นายมีสิทธิ์อะไรไม่ทราบ”
เฉินซิงไห่ตบโต๊ะและลุกขึ้นยืน
“ไม่ว่าจะเป็นใคร ในเมื่อประธานให้ผมมีอำนาจรับผิดชอบต้าเหอกรุ๊ปทั้งหมด ในเมืองโจวเฉิง ใครๆ ก็ต้องฟังผม! ถ้าคุณกล้าแตะต้องคุณหยาง ผมจะทำให้ธุรกิจของตระกูลเฉินพังทลาย!”
ลั่วปิงพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “ทางที่ดีตระกูลเฉินอย่ามาหาเรื่องผม คุณน่าจะรู้ดี ไม่ยากหรอกที่ต้าเหอกรุ๊ปจะทำให้ธุรกิจของตระกูลเฉินพังลง!”
เฉินซิงไห่เบิกตาโพลง เขาคิดไม่ถึงว่าลั่วปิงจะช่วยหยางเฉิน ยิ่งไปกว่านั้น ลั่วปิงยังกล้าเอาต้าเหอกรุ๊ปมาข่มขู่เขาด้วย
ผู้คนรอบๆ พากันอึ้ง นี่คือการทะเลาะของพวกเทพเซียนในตำนานหรือเปล่า
คนหนึ่งคือผู้นำตระกูลเฉินที่ยิ่งใหญ่ในเมืองโจวเฉิง ส่วนอีกคนเป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจยักษ์ใหญ่ในเมืองโจวเฉิง
จากประสบการณ์ ลั่วปิงอาจจะสู้เฉินซิงไห่ไม่ได้ แต่เรื่องเงินทอง ตระกูลเฉินสู้ต้าเหอกรุ๊ปไม่ได้เลย
ถ้าทั้งสองฝ่ายแตกหักกัน ยังไงแล้วก็จะต้องเสียหายทั้งสองฝ่าย