The king of War - บทที่ 273 ความพิโรธของเทพแห่งสงครามทันทีที่พูดจบ
เขาก็เดินหัวเราะออกไป พร้อมกับหยิบมือถือออกมา แล้วกดโทรหาฉินซี “นี่เสี่ยวซี ตอนนี้พวกแกอยู่ที่เป่ยหยวนชุนใช่มั้ย? อยู่ห้องที่เท่าไหร่? ฉันเพิ่งออกจากบริษัท กำลังจะนั่งรถไป!”
“บลึ้น!”
ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเครื่องยนต์ที่เสียงดังสนั่นไปทั่วถนนทั้งสาย
แล้วเห็นฮาวาล เอชห้า สีดำคันหนึ่งก็ได้พุ่งตรงมาที่ฉินต้าหย่ง
ส่วนฉินต้าหย่งที่กำลังคุยโทรศัพท์กับฉินซีนั้น ความสนใจทั้งหมดก็ได้อยู่ที่การคุยกับลูกสาวเพียงอย่างเดียว โดยไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่าภัยอันตรายนั้นกำลังเข้าหาตัวแล้ว
“ตูม!”
เกิดเสียงดังขึ้น กระจังหน้าของฮาวาล เอชห้าคันดำได้ชนเข้าที่กลางลำตัวของฉินต้าหย่งอย่างจัง
ร่างกายของฉินต้าหย่ง ราวกับว่าวที่ด้ายขาดไปแล้ว เขาถูกชนจนกระเด็นออกไปสิบกว่าเมตร
ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างก็ตกใจจนช็อกไปแล้ว
ร้านอาหารเป่ยหยวนชุน ภายในห้องวีไอพีสุดหรูที่อยู่ชั้นบนสุด
จู่ๆ ฉินยีก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา “พี่เขยคะ จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาค่ะ ฉันไม่น่าเล่าเรื่องที่เราจะจัดงานวันเกิดให้พ่อฟังก่อนเลยค่ะ”
“จะเสียใจไปทำไม?”
หยางเฉินถามด้วยรอยยิ้ม
“แบบนี้มันก็ไม่เซอร์ไพรส์แล้วสิคะ! เป็นความผิดของฉันเอง รู้อย่างนี้ให้ฉันรออยู่ที่นี่กับพี่สาว แล้วให้พี่แสร้งทำเป็นผ่านไปที่บริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอ แล้วรับพ่อมาที่นี่เลย”
ฉินยีพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่ก็ไม่เป็นไร เราได้เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ให้พ่อแล้ว แบบนี้ก็ถือเป็นการเซอร์ไพรส์เหมือนกัน”
“พ่อคะ! พ่อคะ! พ่อคะ! พ่อเป็นอะไรไปคะ?”
ในขณะที่ฉินยีกับหยางเฉินกำลังคุยเรื่อยเปื่อยกันอยู่นั้น จู่ๆ ฉินซีที่กำลังคุยโทรศัพท์กับฉินต้าหย่งอยู่นั้นก็ได้ตะโกนออกมา สีหน้านั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
แต่ทว่า ฉินต้าหย่งในตอนนี้ ได้ถูกรถชนจนกระเด็นไปแล้ว ไม่รู้เป็นหรือตาย แล้วจะไปได้ยินเสียงเรียกของฉินซีได้ยังไง? น้ำตาบนใบหน้าของฉินซีนั้นเอ่อล้นออกมา สายตาตกอยู่ในความช็อก ส่วนมือถือก็หลุดออกจากมือจนหล่นลงพื้น เธอดูตกอยู่ในอาการอกสั่นขวัญหาย
“พี่คะ นี่พี่ร้องไห้ทำไม? พ่อเป็นอะไรคะ?”
ฉินยีรู้สึกร้อนรนขึ้นมาทันที และรีบวิ่งเข้ามา จับไหล่ของฉินซีแล้วตะโกนออกไปเสียงดัง
จู่ๆ หยางเฉินก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ดูจากการตอบสนองของฉินซีแล้ว ท่าทางด้านฉินต้าหย่งต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน
“เร็ว เรารีบไปที่บริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอเร็ว!”
ถึงแม้ในใจของฉินซีจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เธอก็ยังไม่อยากยอมรับความจริงอยู่ดี
พอสิ้นเสียงของเธอ เธอก็วิ่งออกไปทันที
เมื่อกี้เธอได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่ดังสนั่น ต่อด้วยเสียงของมือถือที่ตกพื้น จากนั้นไม่ว่าจะเรียกฉินต้าหย่งยังไง มันก็ไม่มีการตอบกลับอีกเลย
“พี่คะ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับพ่อกันแน่? พี่ช่วยบอกฉันหน่อยได้มั้ยคะ?”
ฉินยีวิ่งตามฉินซี่ไปอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งไปถามไป
ความจริงที่แม้แต่ฉินซียังไม่อยากที่จะเชื่อ แล้วจะพูดให้ฉินยีฟังยังไง เธอไม่พูดอะไรเลยสักคำ ได้แต่วิ่งจากไปอย่างบ้าคลั่ง
ทันใดนั้น ภายในห้องวีไอพีก็เหลือเพียงหยางเฉินกับเสี้ยวเสี้ยวแค่สองคนเท่านั้น
“พ่อคะ แม่เขาเป็นอะไรเหรอคะ?”
เสี้ยวเสี้ยวได้แสดงสีหน้าที่หวาดกลัวออกมาด้วย แล้วถามออกมาพร้อมกอดคอของหยางเฉินเอาไว้แน่น
หยางเฉินส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดไปว่า “เสี้ยวเสี้ยวไม่ต้องกลัวนะ พ่ออยู่ตรงนี้!”
พูดจบ เขาก็หยิบมือถือออกมา แล้วกดโทรหาใครบางคน “ไปสืบให้ผมหน่อย ว่าเมื่อกี้ที่หน้าบริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วรายงานผลให้ผมโดยเร็วที่สุด!”
หลังจากวางสาย หยางเฉินก็พาเสี้ยวเสี้ยวออกจากห้องวีไอพีไปเหมือนกัน แล้วมุ่งไปที่บริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอ
พอมาถึงที่ลานจอดรถ ก็ได้รับสายของกวนเจิ้งซาน “ฉินต้าหย่ง ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง! รถฉุกเฉินกำลังเดินทางไปที่นั่นครับ!”
“อะไรนะ?”
พอได้รับข้อมูลนี้ หยางเฉินก็ตกใจจนหน้าซีด และได้กัดฟันพูดไปว่า “ไปสืบมา ว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ หรือเป็นการจงใจวางแผนเพื่อฆ่ากันแน่! แล้วช่วยติดต่อหมอที่เก่งที่สุดให้ช่วยรักษาเขาด้วย!”
“ครับ!”
กวนเจิ้งซานตอบ
หยางเฉินถึงได้เข้าใจ ว่าทำไมฉินซีเมื่อกี้ถึงไม่ยอมพูดอะไรเลย
เห็นได้ชัดว่าเธอได้รู้แล้วว่าฉินต้าหย่งนั้นประสบอุบัติเหตุ แค่ยังไม่อยากยอมรับเท่านั้น
“นี่เสี้ยวเสี้ยว ลูกยังจำน้าเซี่ยเหอได้รึเปล่า?”
หยางเฉินพยายามทำให้ตัวเองนั้นสงบที่สุด แล้วพูดกับเสี้ยวเสี้ยวด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “น้าเซี่ยเหอบอกว่าคิดถึงลูกแล้ว คืนนี้ ลูกก็ไปอยู่กับน้าเขาหน่อยนะ?”
เสี้ยวเสี้ยวรีบพยักหน้าทันที “เสี้ยวเสี้ยวก็คิดถึงน้าเซี่ยเหอแล้วเหมือนกันค่ะ แต่ว่า คืนนี้เสี้ยวเสี้ยวอยากนอนกับแม่นี่คะ”
“คืนนี้พ่อกับแม่มีเรื่องที่สำคัญมากๆ ต้องไปทำ เลยอยู่กับลูกไม่ได้ เสี้ยวเสี้ยวไปอยู่กับน้าเซี่ยเหอคืนหนึ่งนะ พอพ่อกับแม่เสร็จธุระแล้วก็จะไปรับลูกทันที โอเคมั้ย?”
หยางเฉินลูบแก้มของเสี้ยวเสี้ยวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แล้วถามออกไปด้วยความอ่อนโยน
ถึงเสี้ยวเสี้ยวจะอายุแค่สี่ขวบ แต่เธอก็รู้เรื่องมากแล้ว
พอได้ยินหยางเฉินบอกว่าพ่อกับแม่มีธุระต้องไปทำ ถึงเธอจะรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ก็ยังพยักหน้าอยู่ดี “ก็ได้ค่ะ! งั้นหนูไปอยู่เป็นเพื่อนน้าเซี่ยเหอก็ได้ค่ะ!”
“เสี้ยวเสี้ยวนี่น่ารักจริง!”
หยางเฉินหอมไปที่แก้มของเสี้ยวเสี้ยวทีหนึ่ง
จากนั้นเขาก็หยิบมือถือออกมา แล้วโทรหาเซี่ยเหอ หลังจากที่เซี่ยเหอได้รู้ว่าฉินต้าหย่งประสบอุบัติเหตุ เธอก็รับปากที่จะช่วยดูแลเสี้ยวสี้ยวทันที
ตอนนี้ฉินต้าหย่งไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง ส่วนฉินซีกับฉินยีก็กตัญญูขนาดนั้น คืนนี้คงจะอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนหยาบงเฉินเองก็ต้องอยู่ด้วยแน่นอนอยู่แล้ว
เหลือเพียงเซี่ยเหอ ที่เคยปกป้องเสี้ยวเสี้ยวไว้ในตอนที่เธออันตรายที่สุด การให้ไปอยู่กับเธอ มันก็มากพอที่จะเชื่อใจได้
หลังจากที่ส่งเสี้ยวเสี้ยวไปใหเซี่ยเหอแล้ว ในตอนที่หยางเฉินตามไปถึงที่โรงพยาบาลนั้น ฉินต้าหย่งก็กำลังอยู่ระหว่างการช่วยเหลือ ส่วนฉินซีกับฉินยีนั้นก็กำลังน้ำตานองเต็มหน้า
พอเห็นสองพี่น้องที่กำลังเศร้าโศกเสียใจนั้น หยางเฉินก็รู้สึกเป็นทุกข์มากเหมือนกัน
และสิ่งที่ทำให้หยางเฉินต้องแปลกใจก็คือ ครั้งนี้ โจวยู่ชุ่ยก็มาที่โรงพยาบาลด้วยเหมือนกัน น้ำตาเต็มหน้า ดูแล้วก็กำลังสะเทือนใจมากเหมือนกัน
ทันทีที่หยางเฉินมาถึง โจวยู่ชุ่ยก็โผเข้ามาพร้อมกับน้ำตา “เป็นเพราะไอ้สาระเลวอย่างแกแท้ๆ ที่จะมอบงานชิ้นนี้ให้เขาให้ได้ ถ้าเขาไม่ได้ทำงานที่บริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอ แล้วเขาจะมาถูกรถชนแบบนี้มั้ย?”
“มันเป็นเพราะแก! เป็นเพราะไอ้ตัวซวยอย่างแก!”
“ถ้าต้าหย่งเกิดเป็นอะไรไป ฉันไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่!”
“นี่แกยังมีหน้ามาที่นี่อีกเหรอ? ไสหัวไป! ไสหัวไปซะ!”
โจวยู่ชุ่ยนั้นน้ำตาเต็มหน้า ร้องไห้ไป ก็ยกมือขึ้นมาตบตีหยางเฉินไปด้วย
“พอได้แล้วค่ะ!”
ฉินยีตะคอกออกมาด้วยความโกรธ “ที่นี่มันโรงพยาบาลนะคะ ถ้าคุณยังจะโวยวายอยู่อีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”
ทันใดนั้นเอง มือถือของหยางเฉินก็ได้ดังขึ้น
เขาเดินไปยังบันไดหนีไฟที่อยู่ข้างๆ หลังจากที่รับสาย เสียงของกวนเจิ้งซานดังขึ้น “คุณหยางครับ คนขับที่เป็นผู้ก่อเหตุได้เสียชีวิตไปแล้วครับ!”
“ตายแล้ว? ทำไมถึงตายได้ล่ะ?”
ไฟโทสะลุกโชนขึ้นมาในอกของหยางเฉิน “ตอนนี้พ่อตาของผมยังอาการสาหัสอยู่ ไม่รู้เป็นตายยังไง แต่คุณกลับมาบอกผมว่าคนก่อเหตุตายแล้วเนี่ยนะ?”
“ต่อให้เขาตายแล้ว คุณก็ควรบอกผมไม่ใช่รึไงว่าเขาตายยังไง? มีใครบงการอยู่เบื้องหลังมั้ย? ตอนนี้เขาถูกฆ่าปิดปากไปแล้วใช่มั้ย? หรือว่า เขาเองก็ตายไปจากเหตุรถชนเหมือนกัน?”
หยางเฉินรู้สึกค่อนข้างร้อนใจ เขาพบเห็นความเป็นความตายมามาก แต่มาวันนี้ คนที่นอนอยู่ในห้องฉุกเฉินนั้นเป็นพ่อตาของเขา เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนใจ
กวนเจิ้งซานที่อยู่อีกด้าน รับรู้ได้ถึงความโกรธของหยางเฉิน สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว จึงรีบพูดไปว่า “คุณหยางครับ หลังจากที่ผู้ก่อเหตุขับรถชนพ่อตาของคุณไช รถก็เสียหลักไปพุ่งชนกับเสาไฟที่อยู่ข้างถนนเข้า จนรถเกิดระเบิดขึ้น แล้วศพก็เละจนไม่เหลือซากเลยครับ”
“ไปตามสืบให้ผมต่อ! ว่าคนขับนั้นเป็นใคร สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวเขาเป็นยังไง รวมถึงก่อนที่จะเกิดเหตุเขาเคยติดต่อกับใครบ้าง เคยติดต่อกับคนมีเงินมั้ย ข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา ผมต้องการทั้งหมด!”
หยางเฉินไม่สามารถกักเก็บความโกรธของตัวเองได้ จึงได้ตะคอกใส่มือถืออย่างดัง
ตั้งแต่ครั้งนี้ที่เขากลับมาที่เมืองเจียงโจว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้ รู้สึกโกรธแบบนี้
เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนาที ฉินต้าหย่งยังคงอยู่ระหว่างการช่วยเหลือในห้องฉุกเฉิน
ถึงแม้ระหว่างนั้นจะมีหมอและพยาบาลเข้าๆ ออกๆ จากห้องฉุกเฉิน แต่ก็ยังไม่มีข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับฉินต้าหย่งเลย