The king of War - บทที่ 291 แม่สะใภ้ตายแล้ว
เห็นว่าจะได้ออกพ้นอาณาเขตเจียงโจวแล้ว เวลานี้ รถเก๋งเบนซ์สีดำขับหนึ่ง อยู่ๆ ก็ได้จอดอยู่หน้ารถหยางเฉิน
มีเด็กหนุ่มผมขาวคนหนึ่ง เดินลงมาจากรถ บนหมัดซ้าย ยังมีสนับมือ มองไปทางหยางเฉินด้วยสีหน้าที่เย็นชา
หยางเฉินขมวดคิ้ว จากตัวของเด็กหนุ่มผมขาวคนนี้ เขาก็ได้รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ทำให้คนไม่พอใจเอามากๆ
เขาไม่สงสัยสักนิด เด็กหนุ่มตรงหน้า เคยฆ่าคน แล้วก็เยอะมาก
ผมสั้นสีขาว ขนาดคิ้ว ก็เป็นสีขาว ทั้งคนดูแล้วก็ไม่เข้าพวกอย่างเห็นได้ชัด
“กลับตระกูลเว่ยกับฉัน ฉันจะไม่ทำร้ายนาย!”
เด็กหนุ่มผมขาวสีหน้าไร้ความรู้สึก สีหน้าก็ได้เยือกเย็นเอามากๆ ก็เหมือนว่าได้พูดเรื่องที่มันปกติมากๆ เรื่องหนึ่ง
“หลีกไป!”
หยางเฉินพูดไปคำเดียว ก็ได้ระเบิดบรรยากาศโมโหออกไป ก็เหมือนกับทะเลที่มีพายุก่อตัว พัดไปทางเด็กหนุ่มผมขาวนั่น
“ขอแค่เป็นคนที่ฉันเซ่าไป๋หมาย ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บ! ฉัน ไม่เคยแพ้! แก ต้องชดใช้ กับความอวดดีของตัวเอง!”
คนที่เรียกตัวเองว่าเซ่าไป๋ ไม่มีความกลัวเลยแม้แต่นิด แต่กลับมีความมุ่งมั่นเต็มแมกซ์
“ไหนๆ ก็เป็นแบบนั้น งั้นฉันก็ปิดฉากแกด้วยตำนานที่ไม่เคยแพ้เลยของฉัน!”
หยางเฉินหัวเราะเลย มุมปากก็ได้ชี้ขึ้นเล็กน้อย ชี้ขึ้นมาในระดับอันตราย “ถ้านายไม่แพ้ งั้นฉันก็เป็นบรรพบุรุษของไม่เคยแพ้!”
“ฉันเคยเห็นคนที่อวดเก่ง แต่คนที่อวดเก่งแบบนี้เหมือนแก นี่ก็เป็นครั้งแรก!”
เซ่าไป๋พูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ฉันจะให้แกได้รู้ว่า อวดเก่งต่อหน้าฉันเซ่าไป๋คนนี้ ต้องชดใช้ยังไง!”
พูดจบ ร่างของเขากลายเป็นร่างเงาสีขาว พุ่งไปทางหยางเฉินทันที
ในเวลาเดียวกัน หมัดซ้ายที่เซ่าไป๋สวมสนับ ได้ต่อยไปทางหยางเฉินอย่างแรง
และหยางเฉินก็ยังยืนอยู่กับที่ ไม่ขยับสักนิด เหมือนว่าไม่ได้รู้สึกถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย
การเคลื่อนไหวของเซ่าไป๋เร็วมาก ก็เหมือนกับสายฟ้าสีขาว ชั่วพริบตา ก็ได้ไปถึงตรงหน้าของหยางเฉินแล้ว
“ตายซะเถอะ!”
เซ่าไป๋ก็ได้ต่อยหมัดซ้าย จะต่อยไปที่คางของหยางเฉินอย่างแรง
สนับบนหมัดซ้าย แสงของทองเหล็กได้เปล่งประกาย ดูก็รู้เลยว่า ถ้าต่อยไปโดย คางของหยางเฉินก็จะถูกเจาะเป็นรูทันที
“ตึ้ง!”
เห็นว่าสนับหมัดจะมาโดนคางของตัวเองแล้ว หยางเฉินก็ได้ยกเข่าขึ้นอย่างแรง ขาทั้งขาก็ได้ถีบออกไป ถีบไปตรงท้องของเซ่าไป๋
เสียงกระทบกับก็ได้ดังขึ้น สีหน้าของเซ่าไป๋ก็ได้แข็งไปเลยทันที จากนั้นก็ได้มีสีหน้าเจ็บปวด
“ครื้ง!”
ทั้งคน ก็เหมือนกับบอลที่ถูกเตะออกไป ชนไปกับกระจกหน้ารถเก๋งเบนซ์คันนั้นอย่างแรง
เมื่อกี้ยังอวดเก่งเอามากๆ ประกาศว่าเป็นเซ่าไป๋ที่ไม่เคยแพ้ ตอนนี้ก็ได้สลบไปเลย
ในเวลานี้ โทรศัพท์ของหยางเฉินก็ได้ดังขึ้นมา เขาหรี่ตาแล้วมองไปทางเซ่าไป๋สักพัก จากนั้นก็รับ
“สวัสดี ฉันคือเมิ่งฮุย!”
เสียงที่ดูหนุ่มมากๆ ก็ได้ดังขึ้น
กับชื่อแบบนี้ หยางเฉินก็ได้คุ้นเคยมากแล้ว ก็แค่ยังไม่เคยเจอตัวจริง
เขาไม่พูด ก็ได้ฟังต่อ
“ฉันรู้ นายกำลังมาหาฉันที่ตระกูลเมิ่ง เดิมที ฉันก็คิดที่จะรอให้นายมาหาความตาย แต่พอมาคิดอีกที ก็ช่างมันเถอะ!”
“ไม่ว่ายังไง ในตัวของนายก็ยังมีสายเลือดของตระกูลอวี๋เหวินอยู่ ถ้าเกิดตายในมือของฉัน ต่อให้นายเป็นคนที่ถูกตระกูลทิ้ง ก็ยังสามารถที่จะทำให้ตระกูลเมิ่งเจอกับเรื่องยุ่งยากมากมายได้”
“คิดไปคิดมา ฉันก็ได้ตัดสินใจ บอกข่าวร้ายให้นายฟรีๆ เรื่องหนึ่ง”
เมิ่งฮุยก็ได้พูดออกมายื้อยาวไปที อยู่ๆ ก็ได้หยุดลง ถึงพูดว่า “โจวยู่ชุ่ยที่นายตามหา ได้ตายไปแล้ว!”
“หยางเฉิน ฉันรู้ ว่าตอนนี้นายโมโหมากๆ แน่ๆ อยากที่จะฆ่าฉัน ฉันก็เชื่อว่า นายมีความสามารถนั้น”
“แต่ว่าอย่าลืม ว่าฉันเป็นคุณชายเมิ่งของตระกูลเมิ่ง การเรียกแบบนี้ มีแค่ฉันคนเดียวที่สามารถมีได้ รู้ว่ามันหมายความว่าอะไรไหม?”
“นี่คือสัญลักษณ์สถานะ! มันหมายถึง ฉันเมิ่งฮุยถึงแม้เป็นแค่รุ่นที่สามของตระกูลเมิ่ง แต่ก็สามารถที่จะเหมือนกับพวกลุงๆ รุ่นที่สอง สามารถแย่งตำแหน่งผู้นำได้!”
“ฉันที่เป็นแบบนี้ เป็นที่จับตามองของคนมากมาย เป็นคนที่ตระกูลเมิ่งจะคอยคุ้มกัน นาย สามารถฆ่าได้เหรอ?”
น้ำเสียงของเมิ่งฮุยก็ได้เต็มไปด้วยความอวดดี ก็เหมือนที่เขาพูด จากฐานะของเขาในตระกูลเมิ่ง ก็สามารถที่จะโอ้อวดแบบนี้ได้
ตอนที่หยางเฉินได้ยินว่าโจวยู่ชุ่ยได้ตายไปแล้วนั้น ทั้งคนก็ได้มีสีหน้าหงุดหงิดจนถึงขีดสุด
โจวยู่ชุ่ยได้หาเรื่องเขาตลอด! ได้ประชดเขาตลอด! อยากที่จะให้เขาตาย!
แต่สำหรับหยางเฉินแล้ว ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะหาเรื่องเขายังไง ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าเธอนั้นทำอะไรตนไม่ได้แม้แต่นิด
แต่ว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของฉินซี
ก็แค่อย่างนี้ หยางเฉินก็สามารถที่จะรับได้กับการกระทำทั้งหมดของโจวยู่ชุ่ย
ตอนนี้ เมิ่งฮุยกลับบอกว่า โจวยู่ชุ่ยตายแล้ว
หยางเฉินจะไปอธิบายกับฉินซียังไง?
แล้วจะไปอธิบายกับฉินยียังไง?
มองใบหน้าที่เหมือนนิ่งเรียบของเขา ก็ได้ซ่อนความอาฆาตที่น่าหวาดเกรงขนาดไหน มีแค่ตัวเองเท่านั้นที่รู้
ก้อนหินที่โดนเหยียบตรงพื้น ก็ได้แตกทันที คิดๆ ก็รู้ ความโมโหของเขาในตอนนี้น่ากลัวขนาดไหน
“นายบอกว่า เธอตายแล้ว?”
หยางเฉินก็ได้กดเสียงต่ำพูด
“ไม่อย่างนั้นล่ะ? ผู้หญิงที่ไม่รู้จักความตายแบบนั้น ฉันเก็บมันไว้ทำไม?”
“นายน่าจะเข้าใจนะว่า สำหรับฉันแล้ว ผู้หญิงคนนี้ ก็ยังมีบทบาทสุดท้ายอยู่!”
เมิ่งฮุยพูดออกไปอย่างติดตลก นิ่งไปสักพัก ก็ได้พูดต่อว่า “ใช้ความตายของเธอ มาทำลายเยี่ยนเฉินกรุ๊ปสาขาเจียงโจว!”
ตอนที่เว่ยเสียงทำไลฟ์สดคลิปของโจวยู่ชุ่ยออกมานั้น มูลค่าตลาดของทั้งเยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็ได้มีผลกระทบอย่างมาก
เดิมที เมิ่งฮุยยังโมโหมากๆ แต่ว่าต่อมา หยูเหวินหวูก็ได้ติดต่อมหาเขาเอง ไม่เพียงไม่ต่อว่าเมิ่งฮุย กลับกันได้ชมเขา
นี่ถึงได้ทำให้เขากล้าไปทำ
“ศพของเธออยู่ที่ไหน?”
หยางเฉินถามเสียงเข้ม
พูดจบ รอบๆ ก็ได้มีลมเย็นพัดมา ต้นไปตรงข้างทางเดินก็ได้ขยับตามลม ใบไม้สีเหลืองที่ได้ล้วงลงมานับไม่ถ้วน
“ศพ? นายคิดว่า ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเลยอย่างหล่อน ฉันจะเก็บศพของเธอไว้ทำไม?”
เมิ่งฮุยหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ไม่แน่ เอาไปให้หมากินแล้วมั้ง? ยังไงซะ หมาของฉัน ชอบกินเนื้อคน!”
“ตึ้ง!”
ความอาฆาตขนาดใหญ่ที่ได้ระเบิดออกมาจากตัวของหยางเฉิน ลมก็ได้แรงกว่าเดิม ใบไม้ร่วงก็ได้เยอะกว่าเดิม
พื้นที่ทั้งหมด ก็ได้ถูกความกดดันหนาๆ ปกคลุมอยู่
“พอแล้ว ติดต่อกับนาย ก็แค่จะช่วยชีวิตนาย ยังไงซะบ้านตระกูลเมิ่ง ก็ไม่ใช่หมาแมวที่ไหนก็สามารถมาได้ ถ้าเกิดตายไป ก็ไม่ดีแน่”
เมิ่งฮุยหัวเราะ พูดต่อว่า “ไม่แน่ เป็นฉันที่คิดมากไป ยังไงซะตระกูลเว่ยตระกูลหนึ่ง ก็พอให้นายอิ่มแล้ว!”
พูดจบ เขาก็ได้วางสายไปอย่างไม่ลังเล
ได้ยินเสียงสายที่ถูกตัดส่งมา ในใจของหยางเฉินก็ได้หงุดหงิดมากๆ ในใจอึดอัดสุดๆ
เขาไม่ได้สงสัยในคำพูดของเมิ่งฮุย สำหรับคนอย่างเมิ่งฮุย ประโยชน์ของโจวยู่ชุ่ย ก็ได้ใช้หมดแล้ว เก็บไว้ทำไมอีก?
ในเวลานี้ อยู่ๆ เสียงของเครื่องยนต์ก็ดังขึ้น รถกี่คันก็ได้รีบขับเข้ามา ก็ได้ล้อมหยางเฉินไว้ตรงกลางทันที
คนมีฝีมือสิบกว่าคน ก็ได้ออกมาจากรถ ในมือทุกคนก็ได้มีอาวุธ เห็นได้ชัดว่าจะมาเอาชีวิตของหยางเฉิน
“ไอ่น้อง ไปกับพวกเราหน่อย ไม่แน่อาจจะมีทางรอด!”
คนมีฝีมือคนแรก เดินเข้าไป มองหยางเฉินแล้วพูดด้วยสีหน้าเฉยชา
สายตาขอเขา ก็เหมือนว่ามองคนตายคนหนึ่ง
ก็ถูก ในสายตาของพวกเขา หยางเฉินเป็นคนที่ฆ่าเว่ยเสียง แน่นอนว่าไม่มีทางรอดได้