The king of War - บทที่ 301 ศพอยู่ที่ไหน
“ไสหัวไป!”
เมิ่งหงเย่ถีบเมิ่งฮุยออกไปทีหนึ่ง
จากนั้นสายตาของเขาตกอยู่บนตัวของหยางเฉินทันใด พูดจาแบบเย็นชา “เรื่องราวในวันนี้ ฉันยอมแพ้! เมิ่งฮุย แกเอาตัวไปเถอะ!”
“แต่ฉันหวังว่าตระกูลหานกับตระกูลเฉิน และตระกูลอื่นๆ ในเหตุการณ์นี้ ที่บอกว่าจะประกาศศึกกับตระกูลเมิ่งเมื่อกี้ เรื่องนี้จบแค่ตรงนี้เถอะ!”
“แน่นอนว่าอย่าคิดว่าฉันกำลังขอร้องแกเด็ดขาด ถ้าจะรบกันจริง ตระกูลเมิ่งของฉันก็ไม่กลัว เพียงแค่ตระกูลเมิ่งของฉันยามเข้าตาจนสู้จนตัวตาย ก็สามารถทำให้พวกเขาชดใช้อย่างสาสมได้!”
เมิ่งหงเย่ไม่อยากเปิดศึก แต่ท่าทีกลับยังคงดื้อรั้น
หยางเฉินส่งเสียงหัวเราะเยาะ “ได้ ฉันรับปากนาย!”
เดิมทีเขากลัวว่าเรื่องนี้จะใหญ่โต สร้างผลกระทบมากเกินไปจนจะเปิดโปงตนเอง จึงย่อมไม่ปฏิเสธข้อเสนอพักรบของเมิ่งหงเย่เป็นธรรมดา
ตระกูลเฉินและตระกูลกวน ยังมีเมืองคิงกลับอย่างไรก็ได้
กลุ่มอิทธิพลเหล่านี้ ยอมอยู่ใต้อำนาจตนเองมาตั้งแต่แรก แต่ถ้าดึงตระกูลหานเข้ามาพัวพันด้วยเพราะเหตุนี้ นี่คือสิ่งที่เขาไม่ยินยอมเห็น
“คุณปู่ ช่วยผมด้วย!”
เห็นหยางเฉินเดินมาทางตนเองทีละก้าว เมิ่งฮุยตกใจตกจนร้องไห้จริงๆ แล้ว ร้องไห้พร้อมร้องตะโกนขึ้นมา
แต่ทว่าเมิ่งหงเย่กลับไม่มองเมิ่งฮุยสักนิด หมุนตัวเดินไปยังคฤหาสน์หรูของตนเอง
“บอกมา ศพของโจวยู่ชุ่ย อยู่ไหน?”
หยางเฉินเดินเข้ามา เหยียบบนหน้าอกของเมิ่งฮุยไว้ สอบถามด้วยเสียงฉุนเฉียว
เมิ่งฮุยในเวลานี้ ยังมีความรุ่งโรจน์ของคุณชายตระกูลเมิ่งอยู่ที่ไหน?
เหมือนหมาตายตัวหนึ่ง ถูกหยางเฉินเหยียบไว้ตายเท้า
เหตุผลที่หยางเฉินมาตระกูลเมิ่ง ก็คือเพื่อตามหาศพของโจวยู่ชุ่ย
คนตายแล้ว นำความเจ็บปวดมาให้ฉินซีและฉินยีมากมายพอแล้ว ถ้าแม้แต่ศพยังไม่มี พวกเธอจะรับกันได้อย่างไร
“ฉันบอกแล้วไง หล่อนตายไปแล้ว ศพก็โยนไปให้หมา!”
เมิ่งฮุยกัดฟันบอก
ปัจจุบันนี้ ตระกูลเมิ่งทอดทิ้งเขาถึงที่สุด ส่วนเขาอยากจะกลับไปรุ่งโรจน์แบบเมื่อก่อนอีกครั้งหนึ่งนั้นมีเพียงความหวังเดียว
นั่นก็คือโจวยู่ชุ่ย!
“แกนี่มันไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นอย่าโทษว่าฉันใจร้ายแล้วกัน!”
สายตาหยางเฉินค่อยๆ เปลี่ยนมาคมกริบ มีความรู้สึกหนาวเหน็บ ชั่วพริบตาเดียวก็ปกคลุมเมิ่งฮุยไว้แล้ว
“แกอยากจะทำอะไร?”
เมิ่งฮุยมีลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่ดีเอามากๆ
เวลานี้ ที่เขาเผชิญหน้าเหมือนว่าเดิมทีไม่ใช่คน แต่ว่าเป็นสัตว์ป่าดุร้ายดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่ง
สายตาของหยางเฉินเหมือนอยากฉีกเขาเป็นชิ้นๆ
ความหวาดกลัวที่รุนแรง ได้ปกคลุมทั่วทั้งตัว
“กึก!”
หยางเฉินเหยียบลงมาทีหนึ่ง จากนั้นมีเสียงกระดูกแตกหักชัดแจ๋วดังขึ้นทีหนึ่ง มือขาวของเมิ่งฮุยถูกหยางเฉินเหยียบบนพื้นอย่างแรง ก่อนจะออกแรงบดขยี้
“อ๊ะ~”
ตามมาด้วยเสียงร้องคำรามที่ย่ำแย่ระเบิดออกมาจากในลำคอลึกของเมิ่งฮุย
ทั้งคฤหาสน์ตระกูลเมิ่งล้วนเป็นเสียงร้องคำรามของเมิ่งฮุย แต่ละคนต่างมีความรู้สึกสยดสยองอย่างหนึ่งขึ้นมา
ตอนหยางเฉินยกเท้าออก ทั้งมือข้างขวาของเมิ่งฮุยก็มีเลือดเนื้อผสมปนเปกันถึงที่สุด
พละกำลังของหยางเฉินมหาศาลแค่ไหน เหยียบมือขวาของเมิ่งฮุยจนกลายเป็นเนื้อบดเลยทีเดียว ต่อให้ส่งโรงพยาบาลทันเวลา เกรงว่าก็ไม่สามารถช่วยได้
“บอกมา ศพของโจวยู่ชุ่ยอยู่ไหน?”
เสียงของหยางเฉินดังขึ้นอีกครั้ง ส่วนเท้าของเขาเหยียบลงบนมือซ้ายของเมิ่งฮุยอีกแล้ว
ขอเพียงเขาออกแรง เมิ่งฮุยคงกลายเป็นคนพิการในที่สุด แม้กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่าจะแขนด้วนเพราะเหตุนี้
ทั่วทั้งรอบด้านเป็นคนหมดมองเห็นฉากนี้เข้า ต่างสั่นเทาออกมาจากในส่วนลึกของจิตวิญญาณกันหมด
หยางเฉินในเวลานี้ เสมือนกับปีศาจร้ายที่มาจากนรกตนหนึ่ง
แม้แต่หานเซี่ยวเทียน ในใจยังเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ เดิมทีเขาไม่เคยคิดว่าอยากตรวจสอบเบื้องหลังของหยางเฉิน ดังนั้นทุกอย่างที่เกี่ยวกับหยางเฉิน จึงไม่รู้อะไรสักนิดเดียว
วันนี้เขากลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เหมือนไม่เคยเจอมาก่อนเลยบนตัวของหยางเฉิน
สำหรับวิธีจัดการกับเรื่องราว ยังมีท่าทีถ่อมตัวและผ่อนคลาย
แต่พอลงมือขึ้นมา กลับไม่ทำตัวอืดอาดแม้แต่น้อย
นี่เป็นเพียงคุณสมบัติประจำตัวที่ชายหนุ่มที่อายุไม่ถึงสามสิบปีคนหนึ่ง สามารถครอบครองไว้ได้จริงเหรอ?
หลังรู้สึกถึงเท้าที่เหยียบไว้บนมือซ้ายของตนเอง ในใจเมิ่งฮุยหวาดผวาถึงขีดสุด
มือขวาหักจนแหลกละเอียดหมด ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดที่สุดพอแล้ว เขารู้สึกว่าสติของตนเองกำลังเลอะเลือนอยู่บ้าง
แต่ถ้าเกิดบอกความจริงกับหยางเฉิน วันหลังเขาคงไม่มีทางกลับมารุ่งเรืองได้อีก
“คุณ คุณ คุณหยาง ที่ผมพูดเป็นความจริง โจวยู่ชุ่ยตายแล้ว ศพก็เอาไปให้หมากินแล้ว”
เมิ่งฮุยพูดจาติดอ่าง ท่าทีเคารพนอบน้อมขึ้นมาก
หยางเฉินส่ายหน้า “แกไม่ได้พูดความจริง!”
พึ่งพูดจบ เขาออกแรงที่เท้ากะทันหัน ตามมาด้วยเสียงกระดูกแตกร้าวที่ชัดแจ๋วดังขึ้นอีกครั้ง มือซ้ายของเมิ่งฮุย เปลี่ยนเป็นเนื้อบดในที่สุด
ตาขาวเขาเหลือกขึ้นสองข้าง เจ็บจนหมดสติลงไปโดยตรง
“หยางเฉิน แกทำเกินเหตุไปแล้วนะ?”
ในเวลานี้ ภาพเงาชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมาจากในฝูงชนตระกูลเมิ่ง มองทางหยางเฉินด้วยหน้าตาหงุดหงิด
“ทำเกินเหตุ?”
หยางเฉินฉีกมุมปากขึ้นเบาๆ วาดเส้นรัศมีโหดร้ายขึ้นมา “ฉันยังทำเรื่องที่เกิดเหตุกว่านี้ได้อีก แกอยากดูไหมล่ะ?”
“แก……”
ชั่วขณะนั้นชายวัยกลางคนชะงักไป บนหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
“ตอนที่เขาฆ่าแม่ยายฉัน ทำไมไม่เห็นได้ยินตระกูลเมิ่งของพวกแกบอกว่าเขาทำเกินเหตุบ้าง? ฉันแค่หักมือเขาสองข้างเอง ทำเกินเหตุแล้วเหรอ?”
พลังของหยางเฉินระเบิดในชั่วพริบตาเดียว พูดด้วยท่าทางโกรธจัด “เก็บความหยิ่งยโสของแกไว้ ในสายตาฉัน ตระกูลเมิ่งไม่มีค่าอะไรทั้งนั้น!”
“แน่นอนว่าถ้าตระกูลเมิ่งอยากจะแก้แค้น ก็ปล่อยของออกมาให้หมด ฉันหยางเฉินพร้อมรับทั้งนั้น!”
หยางเฉินโมโหเดือดดาลมากจริงๆ เดิมทียังพอมีความหวังระดับหนึ่ง ขอเพียงไม่เจอศพของโจวยู่ชุ่ย ทุกอย่างย่อมมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น
แต่ตอนนี้ เมิ่งฮุยโดนเขาบดขยี้มือสองข้างจนแหลกแล้ว ก็ยังคงไม่ยอมปริปากบอก นี่ทำให้เขารู้สึกว่านับวันความหวังยิ่งเลือนราง
“เมิ่งเทียนเจียว แม้แต่พ่อของแกยังเลือกปล่อยเมิ่งฮุยทิ้งแล้ว แกยังกระโดดออกมาทำอะไร?”
หานเซี่ยวเทียนมองชายวัยกลางคนแล้วพูดว่า “วันนี้ฉันจะพูดให้ชัดเจนต่อหน้าเลยแล้วกัน ขอแค่ตระกูลเมิ่งกล้าลงมือต่อหยางเฉิน งั้นก็เปิดศึก!”
เมิ่งเทียนเจียวสีหน้าอึมครึมถึงขีดสุด ไม่ได้สนใจหานเซี่ยวเทียน แต่มองทางหยางเฉินแล้วพูดว่า “แม้ว่าตอนนี้ถึงแกจะฆ่าเมิ่งฮุยไป ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าแม่ยายของแกตายไปแล้วได้!”
“คนตายฟื้นมาใหม่ไม่ได้ ฉันพูดได้เพียงเสียใจด้วย! เพื่อลูกชายของฉันแล้ว ฉันสามารถรับปากข้อเรียกร้องอะไรของแกได้หมด ขอแค่แกปล่อยเขาไป!”
ท่าทีของเมิ่งเทียนเจียวจริงใจที่สุด สำหรับเขานั้น ขอเพียงช่วยเมิ่งฮุยไว้ได้ ต้องชดใช้ด้วยอะไรบ้าง ย่อมได้หมด
นี่หยางเฉินถึงรู้ว่าเดิมทีเขาเป็นบิดาของเมิ่งฮุย มิน่าถึงลุกออกมาพูด
“ได้สิ!”
หยางเฉินพูดหยอกล้อทันใด
“จริงเหรอ? แกอยากจะเอายังไง?”
ชั่วขณะนั้นเมิ่งเทียนเจียวรู้สึกดีใจ เหมือนว่ามองเห็นความหวังเข้าแล้ว
หยางเฉินฉีกมุมปากขึ้น หัวเราะอย่างชั่วร้าย “ฉันอยากให้แก ฆ่ามันทิ้งด้วยมือตัวเอง!”
“แกแกล้งฉัน?”
เมิ่งเทียนเจียวโมโหหนักในชั่วขณะหนึ่ง
“ไสหัวไป!”
หยางเฉินตะคอกใส่แบบโกรธจัด “ถ้าใครกล้ามาขอร้องอีก ฉันจะฆ่าเมิ่งฮุยทิ้งตอนนี้เลย!”
เมิ่งเทียนเจียวหน้าตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เมื่อสักครู่มองเห็นความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของหยางเฉินด้วยตาตนเองแล้ว เขารู้ชัดเจนว่าหยางเฉินกล้าฆ่าเมิ่งฮุยทิ้งจริง
หยางเฉินยื่นมือมากดจุดกลางระหว่างริมฝีปากบนกับจมูกของเมิ่งฮุยสักหน่อย เมิ่งฮุยที่พึ่งสลบไปเมื่อครู่ถึงลืมตาทั้งสองขึ้นฉับพลัน
ไม่นานความเจ็บปวดที่รุนแรงได้แผ่ซ่านไปทั้งร่างกาย เขาร้องคำรามขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันถามแกเป็นครั้งสุดท้าย ศพของโจวยู่ชุ่ยอยู่ที่ไหนกันแน่?”
ทันใดนั้นสีหน้าของหยางเฉินดูสงบอย่างมาก “ถ้าคำตอบไม่ทำให้ฉันพึงพอใจได้ งั้นฉันคงทำได้เพียงฆ่าแกแล้วล่ะ!”
วันนี้ เขาสูญเสียการควบคุมมากเกินไป สำหรับเขานั้น นี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไร
พอได้ยินดังนั้น เมิ่งฮุยเหมือนลืมความเจ็บปวดไปหมด พูดจาแบบสีหน้าหวาดกลัวเต็มที่ “ฉัน ฉัน ฉันก็……”