The king of War - บทที่ 318 เขาจะฆ่าฉัน
“ผมก็เห็น เมื่อกี้ผมนึกว่าตัวเองตาลาย คิดไม่ถึงว่าเป็นนิ้วของคนไข้ที่ขยับจริงๆ นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว”
“ผู้ชำนาญอ้าย ท่านนี่เป็นสมบัติล้ำค่าของประเทศจิ่วโจวจริงๆ พรสวรรค์ด้านการแพทย์ของท่านทำเอาพวกเราอับอายจริงๆ”
“ผู้ชำนาญอ้าย ผมขอคารวะท่านเป็นอาจารย์ได้มั้ย”
ชั่วขณะนั้น ทั้งห้องผู้ป่วยอึกทึกครึกโครมกันสุดๆ ผู้ชำนาญผมขาวโพลนแต่ละคนถึงกับอยากจะคารวะอ้ายหลินเป็นอาจารย์
ภาพนี้ทำเอาหัวใจของโจวยู่ชุ่ยตะลึงงึงงันสุดๆ จนถึงนาทีนี้เธอถึงตระหนักได้ว่าผู้หญิงอายุน้อยคนนี้ เป็นผู้ชำนาญทางการแพทย์ที่เก่งกาจขนาดไหน
โรงพยาบาลประชาชนเจียงโจว เป็นโรงพยาบาลเกรดดีที่ดีที่สุดของเมืองเจียงโจว ผู้ชำนาญที่อยู่กัน ณ ที่นี้ เรียกได้ว่าเป็นผู้ชำนาญที่เก่งที่สุดของทั้งเมืองเจียงโจว
แต่ต่อให้เป็นผู้ชำนาญระดับนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าอ้ายหลินยังต้องนอบน้อมถึงเพียงนี้
ฉินซีรู้ว่าอ้ายหลินเก่งกาจมาก แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเก่งกาจขนาดนี้
“ที่รัก ดีจังเลย ในที่สุดพ่อก็ใกล้จะฟื้นแล้ว” ฉินซีพูดอย่างตื้นตัน
หยางเฉินก็ดีใจมากเหมือนกัน เขารู้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าเรื่องที่ฉินต้าหย่งฟื้นขึ้นมานั้นเป็นเพียงเรื่องของเวลา
“พี่อ้าย ต้องลำบากพี่ด้วย”
หยางเฉินเดินเข้าไป พูดอย่างขอบคุณ
อ้ายหลินพยักหน้าเล็กน้อย ตอบด้วยสีหน้าเหน็ดเหนื่อย “พี่เฉิน พรุ่งนี้หนูค่อยมาอีกทีตอนเก้าโมงเช้า”
“ได้”
หยางเฉินพยักหน้า หันไปสั่งหม่าชาวที่ยืนอยู่ข้างๆ “ห้าหกวันนี้ ฉันมอบหมายให้แกรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของพี่อ้าย”
“ครับ รับรองว่าจะทำภารกิจให้ลุล่วง”
หม่าชาวดีใจสุดๆ รีบยืนตัวตรงรับคำ
ฉินซีมองแผ่นหลังของอ้ายหลินและหม่าชาวที่เดินออกไปด้วยกัน ถามขึ้นด้วยความอยากรู้ “หม่าชาวกับพี่อ้าย มีแววรึ?”
หยางเฉินพยักหน้า พูดอย่างทอดถอนใจ “ตระกูลของพี่อ้ายอยู่ที่เมืองเยนตู เป็นตระกูลใหญ่ ส่วนหม่าชาวเป็นเด็กกำพร้า ไม่มั่นใจในตัวเองมาตลอด ได้แต่แอบหลงรักลับหลังข้างเดียว ส่วนพี่อ้ายรู้สึกว่าตัวเองอายุมากกว่าหม่าชาว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงไม่มีการพัฒนาขึ้นเลย”
“หนุ่มมีใจ นารีมีเยื่อใย?” ฉินซีถาม
หยางเฉินส่ายหัว “อย่างหม่าชาวกับพี่อ้าย เต็มที่แค่รู้สึกดีต่อกันแหละ ส่วนเรื่องมีใจ ยังไม่ขนาดนั้น”
สองสามีภรรยากอสซิปอยู่พักหนึ่ง อารมณ์ที่ไม่ดีของฉินซีที่มาจากทะเลาะกับโจวยู่ชุ่ยเมื่อกี้ ก็ดีขึ้นเยอะเพราะฉินต้าย่งกำลังจะฟื้น
หลายวันต่อมา อ้ายหลินจะมารักษาฉินต้าหย่งด้วยตัวเองทุกเช้าและกลางคืน ทุกครั้งที่รักษาใช้เวลานานถึงสองชั่วโมง
ผ่านไปสามวัน อาการของฉินต้าหย่งดีขึ้นเรื่อยๆ ดัชนีบ่งชี้อัตราชีวิตแต่ละอย่างเริ่มกลับสู่ระดับปกติเรื่อยๆ
เนื่องจากเหตุการณ์ไลฟ์สดของโจวยู่ชุ่ย มูลค่าของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปพุ่งกระฉูด ช่วงนี้ฉินยียุ่งมาก ส่วนซานเหอกรุ๊ปทุกอย่างกำลังมั่นคง ฉินซีจึงหยุดปีใหม่ล่วงหน้า มาเฝ้าที่โรงพยาบาลทุกวัน
ส่วนโจวยู่ชุ่ยตกอยู่ในความหวาดระแวงทุกวัน มีหยางเฉินอยู่ เธอหาโอกาสลงมือไม่ได้เลย
“เหม่ยหลิง ฉันจะทำยังไงดี”
โจวยู่ชุ่ยโทรหาเจิ้งเหม่ยหลิง เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ให้เธอฟัง
อย่างไรซะตอนแรกเจิ้งเหม่ยหลิงเป็นฝ่ายมาหา บอกให้เธอลงมือกับหยางเฉิน
“ป้า ป้าพูดเรื่องอะไรกันคะ? หนูไม่เข้าใจสักประโยค” เจิ้งเหม่ยหลิงแกล้งเฉไฉ
ถ้าฉินต้าหย่งตายยังคุยง่ายหน่อย แต่นี่เขายังมีชีวิตอยู่ เวลาแบบนี้เจิ้งเหม่ยหลิงจะลงไปคลุกตัวในน้ำโคลนได้ยังไงกัน
“เจิ้งเหม่ยหลิง แกหมายความว่ายังไง ตอนนั้นแกเป็นคนมาหาฉัน บอกให้ฉันลงมือกับหยางเฉิน พอตอนนี้เห็นว่าทุกอย่างจะถูกเปิดโปงก็ไม่ยอมรับขึ้นมาเลยรึไง” โจวยู่ชุ่ยพูดอย่างมีน้ำโห
“ป้า คิดให้ถี่ถ้วนก่อนแล้วค่อยพูดจะดีกว่านะคะ หนูบอกตอนไหนว่าจะลงมือกับหยางเฉิน? ถ้าป้ายังมาตามตื๊อหนูอยู่แบบนี้ หนูจะเปิดเผยเรื่องที่ป้าจ้างคนไปลอบฆ่าฉินต้าหย่ง”
เจิ้งเหม่ยหลิงพูดพร้อมหัวเราะเย็นๆ
โจวยู่ชุ่ยหน้าเสียสุดๆพอได้ฟัง ไม่กล้าแข็งกร้าวแบบเมื่อกี้อีก น้ำเสียงเธอนุ่มนวลขึ้นเยอะ “เหม่ยหลิง ถือว่าป้าขอร้องล่ะ ได้มั้ย? แกช่วยคิดหาทางหน่อยเถอะ ตอนนี้ฉันจะทำยังไงดี?”
“ถ้าไม่หาทางแก้ไขเรื่องนี้ พอทุกอย่างถูกเปิดเผย ฉันตายแน่”
“ป้ารับประกันเลย ขอแค่แกช่วยฉันฆ่าฉินต้าหย่ง ฉันช่วยแกฆ่าหยางเฉินแน่นอน”
โจวยู่ชุ่ยร้อนใจจริงๆ เธอไม่รู้จะไปขอความช่วยเหลือจากใครแล้ว
บัดนี้ผ่านไปแล้วสามวัน อาการของฉินต้าหย่งดีขึ้นเรื่อยๆ ผู้ชำนาญพวกนั้นที่โรงพยาบาลยังบอกเลยว่าฉินต้าหย่งฟื้นขึ้นมาได้ทุกเมื่อ เธอกลัวมาก
“หลังจากนี้ อย่าติดต่อหนูอีก”
เงียบไปพักหนึ่ง เจิ้งเหม่ยหลิงวางสายไปเลย
ได้ยินเสียงตู๊ดที่ดังมาจากโทรศัพท์ โจวยู่ชุ่ยหน้าตาบิดเบี้ยว “นังแพศยา หลอกใช้ฉันเสร็จแล้วก็จะตัดความสัมพันธ์กับฉัน ไม่มีทาง! ต่อให้ตาย ฉันก็จะลากแกไปรองหลังด้วย”
เมืองโจวเฉิง ตระกูลโจว
หลังจากเจิ้งเหม่ยหลิงวางสายแล้วก็หวาดระแวงไปหมด เสียงดังปึ้ง เธอเขวี้ยงโทรศัพท์ลงพื้นอย่างแรง กัดฟันกรอด “ฉันไม่น่าไปร่วมมือกับนังโง่นั่นเลย ทำฉันสูญเงินไปตั้งแปดแสน หยางเฉินไม่เป็นอะไรแม้ปลายเล็บ แถมตัวเองก็โดนหางเลขไปด้วย
ที่จริง ตั้งแต่ที่รู้ว่าฉินต้าหย่งโดนชนแต่ไม่ตาย เจิ้งเหม่ยหลิงก็ใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง
แม้โจวยู่ชุ่ยเป็นฝ่ายจ้างคนไปชนฉินต้าหย่ง แต่เงินที่จ้าง เธอเป็นคนให้โจวยู่ชุ่ย
ถ้าโจวยู่ชุ่ยถูกเปิดโปง ถ้าอย่างนั้นเธอเองต้องโดนไปด้วยแน่นอน
“ฉันจะทำยังไงดี”
เจิ้งเหม่ยหลิงร้อนใจจนแทบอยากจะร้องไห้
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากช่วยโจวยู่ชุ่ย แต่เธอก็ไม่รู้จะทำยังไดี ก่อนที่เธอจะหาทางแก้ไขเรื่องนี้ได้นั้น เธอมีแต่ต้องแกล้งโง่ไปก่อน
“เหม่ยหลิง แกเป็นอะไรไป?”
ในตอนนั้น เสียงของเจิ้งหยันพ่อของเธอดังขึ้น
“คะ หนูไม่เป็นอะไร!”
เจิ้งเหม่ยหลิงกำลังอยู่ในภวังค์ความคิด จู่ๆเสียงของเจิ้งหยันดังขึ้น ทำเธอตกใจหมด
เจิ้งหยันขมวดคิ้ว เอ่ยขึ้น “เมื่อกี้ฉันยืนอยู่หน้าประตูอยู่ตั้งนาน ก็เห็นท่าทางแกไม่อยู่กับล่องกับลอย เกิดอะไรขึ้นกันแน่? บอกพ่อมา”
ถึงเจิ้งหยันกับโจวอวี้หรงจะไม่ได้รักกันมานานแล้ว แต่กับลูกสาวอย่างเจิ้งเหม่ยหลิง เขารักใคร่เอ็นดูมาก
ถึงแม้ตระกูลเจิ้งในตอนนี้ตกต่ำไปมาก แต่อย่างน้อยก็รักษาไว้ได้
บัดนี้ ตระกูลเจิ้งก็เริ่มฟื้นตัวกลับมาได้แล้ว ทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทางที่ดี
“พ่อ หนูไม่เป็นอะไรจริงๆค่ะ”
เจิ้งเหม่ยหลิงหลบสายตา ไม่กล้ามองตาเจิ้งหยันตรงๆ พูดจบเธอก็จะเดินออกไป
“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ”
เจิ้งหยันตวาดลั่น
เห็นได้ชัดว่าเจิ้งเหม่ยหลิงเจอปัญหาใหญ่ เรื่องนี้หนีไม่พ้นสายตาของเจิ้งหยันหรอก
น้ำตาเจิ้งเหม่ยหลิงไหลพรากทันที เธอคุกเข่าลงตุ้บอยู่แทบเท้าเจิ้งหยัน
“เหม่ยหลิง แกเป็นอะไรไป”
เจิ้งหยันใจไม่ดี รู้สึกถึงลางไม่ดี
“พ่อ หนูทำเรื่องโง่ๆลงไป พ่อต้องช่วยหนูนะ ไม่อย่างนั้นเขาต้องฆ่าหนูแน่ๆ”
เจิ้งเหม่ยหลิงบอกเสียงสะอื้น
บัดนี้ มีแต่เจิ้งหยันที่ช่วยตัวเองได้
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เจิ้งหยันพูดอย่างโมโห
ลูกสาวของเขาเป็นคนยัง เขาในฐานะพ่อรู้ดี
เรื่องที่ทำให้เจิ้งเหม่ยหลิงคุกเข่าร้องขอความช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆ
เจิ้งเหม่ยหลิงไม่กล้าปิดบัง รีบเล่าเรื่องที่เธอและโจวยู่ชุ่ยวางแผนฆ่าฉินต้าหย่งแล้วค่อยฆ่าหยางเฉินให้เจิ้งหยันฟังตามตรง
“เพียะ”
รอจนเจิ้งเหม่ยหลิงพูดจบ เจิ้งหยันตบหน้าเธอหนึ่งฉาด คำรามอย่างเกรี้ยวกราด “ลูกเวร แกใจกล้าถึงขั้นจ้างนักฆ่าไปฆ่าคนแล้วหรอ! แกอยากให้ทั้งตระกูลเจิ้งลงหลุมไปกับแกด้วยใช่มั้ย!”