The king of War - บทที่ 325 เอาใจสารพัด
โจวยู่ชุ่ยนึกว่าชายคนนี้มาขู่เอาเงินจากเธอด้วยเสียงสนทนาระหว่างเธอและหูฉาวที่อัดไว้
คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเอาชีวิตของหยางเฉิน
เธอดีใจสุดๆ ที่จนบัดนี้เธอยังไม่อาจลงมือกับฉินต้าหย่งก็เพราะมีหยางเฉินอยู่ เธอจึงไม่มีโอกาสเลย
ถ้าทำให้หยางเฉินตายได้จริง ถ้าอย่างนั้นการฆ่าฉินต้าหย่งก็เป็นเรื่องที่ง่ายเหมือนแค่ยกมือน่ะสิ
“หยางเฉินเป็นลูกเขยของฉัน คุณจะให้ฉันร่วมมือกับคุณเพื่อเอาชีวิตเขา? ฉันไม่ทำ!”
โจวยู่ชุ่ยระแวงมาก รีบปฏิเสธทันควัน
พูดจบ เธอก็ทำท่าจะไป แต่เธอรู้ว่าอีกฝ่ายต้องหยุดตัวเองไว้แน่
“โจวยู่ชุ่ย คุณไม่ต้องเสแสร้งต่อหน้าผมหรอก ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและหยางเฉินเป็นยังไงนั้น ผมสืบมาหมดแล้ว”
“ถ้าให้พูด คนที่อยากให้หยางเฉินตายที่สุดในโลกใบนี้ คงจะเป็นคุณล่ะสิ”
“แน่นอนว่า ถ้าคุณอยากเล่นเกมแสร้งปล่อยเพื่อจับก็ตามใจ ผมจะส่งเสียงที่อัดไว้นี้ให้หยางเฉิน ตอนนี้เลย”
ชายวัยกลางคนพูดจบก็หยิบมือถือออกมา ราวกับจะส่งเสียงที่อัดไว้ให้หยางเฉินจริงๆ
และโจวยู่ชุ่ยร้อนรนขึ้นมาจริงๆ รีบพุ่งเข้ามา คว้ามือถืออีกฝ่ายมาอย่างร้อนใจและรีบบอก “ฉันยอมร่วมมือกับนาย”
ชายวัยกลางคนคลี่ยิ้มเย้ยหยัน “แบบนี้สิถูก”
“คุณต้องการให้ฉันช่วยคุณยังไง”
โจวยู่ชุ่ยถามด้วยใบหน้าเย็นชา แต่ใจเต้นตุ้บๆ ท่าทางประหม่าสุดๆอย่างเห็นได้ชัด
“คุณช่วยผมแค่เรื่องเดียวพอ เรื่องฆ่าหยางเฉินผมเป็นคนลงมือเอง”
ชายวัยกลางคนสายตาเต็มไปด้วยแววเหี้ยมโหด “ผมจะบดขยี้กระดูกทั้งตัวของเขาให้แหลก ด้วยมือตัวเอง แล้วใช้เลือดของเขาเซ่นไว้วิญญาณของลูกชายผม!”
ชายวัยกลางคนคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เมิ่งเทียนเจียวแห่งตระกูลเมิ่งที่เมืองเอกนั่นเอง
ตั้งแต่เมิ่งฮุยกระโดดตึกฆ่าตัวตาย เรื่องนี้ก็เป็นเหมือนมารในใจเขา ให้เขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้หยางเฉินชดใช้
เพื่อการนี้ เขาไปสืบประวัติทุกคนรอบตัวหยางเฉินมาอย่างละเอียด มีเพียงผู้หญิงที่ชื่อโจวยู่ชุ่ยนี่แหละ ที่ยังพอใช้งานได้
เขาจึงมาหาโจวยู่ชุ่ย ให้เธอช่วยตัวเองกระทำบางอย่าง
“คุณต้องการให้ฉันทำอะไร?”
โจวยู่ชุ่ยเอ่ยถาม ในใจตื่นเต้นสุดๆ
ตอนแรกนึกว่าอีกฝ่ายต้องการให้เธอเป็นคนลงมือ คิดไม่ถึงว่าแค่ต้องการให้เธอช่วยเรื่องอื่น
แบบนี้ต่อให้เรื่องที่จะเอาชีวิตหยางเฉินโดนจับได้ ก็ไม่เกี่ยวกับเธอ
“เขาทำให้ผมได้ลิ้มรสความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไป ผมต้องการให้เขา อยู่ทรมานกว่าตาย!”
“เรื่องที่คุณต้องทำมีเพียงเรื่องเดียว ก็คือช่วยผมเอาตัวลูกสาวหยางเฉินออกมา”
“ขอแค่ลูกสาวของเขามาอยู่ในมือผม หยางเฉินจะเป็นหรือตายก็ขึ้นอยู่กับผมแล้วไม่ใช่หรือ?”
เมิ่งเทียนเจียวนัยน์ตาเหี้ยมโหด สองหมัดกำแน่น สั่นไปทั้งตัวเพราะความโมโห
โจวยู่ชุ่ยได้ฟังแล้วหน้าถอดสี
แม้เธอจะไม่ใช่แม่แท้ๆของฉินซี แต่ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี เสี้ยวเสี้ยวก็เป็นเด็กที่เธอเห็นมาตั้งแต่เด็ก
ต่อให้เธอจะอำมหิตขนาดไหน ก็มีความรู้สึกเหมือนกัน
เธออยากเอาชีวิตหยางเฉินและฉินต้าหย่งจริง แต่ไม่เคยคิดทำร้ายฉินซีและเสี้ยวเสี้ยวเลย
“คุณจะฆ่าเสี้ยวเสี้ยวด้วยหรือ? ไม่ได้! ต่อให้ต้องตายฉันก็จะไม่ทำแบบนั้น”
โจวยู่ชุ่ยรีบบอก เห็นได้ชัดว่าโกรธมาก
“คุณวางใจได้ หนึ่งชีวิตแลกกับหนึ่งชีวิต ผมต้องการแค่ชีวิตของหยางเฉิน ลูกสาวของข้าเป็นเพียงข้อต่อรองที่ผมใช้ขู่เขา ส่วนเด็กผู้หญิงคนนั้น ผมไม่ทำร้ายเธอแม้แต่ปลายเล็บ”
เมิ่งเทียนเจียวกล่าว ทว่าในสายตากลับมีประกายคมกล้าแวบผ่าน
หยางเฉินทำให้ลูกชายเขาต้องตาย เขาจะปล่อยลูกสาวของหยางเฉินไปได้ยังไงกัน?
หลายวันมานี้เขาคิดอะไรมามาก มีแต่ให้หยางเฉินสัมผัสกับความรู้สึกเดียวกันถึงจะเป็นการล้างแค้น
ตอนแรก เขาตั้งใจจะไปพาตัวเสี้ยวเสี้ยวมาจากอนุบาลเลย แต่กลับพบว่าระบบความปลอดภัยของโรงเรียนอนุบาลหลานเทียนตั้งไว้ดีมาก คนแปลกหน้าไม่มีทางพาตัวเสี้ยวเสี้ยวไปได้แน่
โจวยู่ชุ่ยยังลังเลอยู่ เธอไม่รู้ว่าคำพูดของเมิ่งเทียนเจียว เชื่อได้หรือไม่
ในขณะที่เธอกำลังลังเล เมิ่งเทียนเจียวเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจเรื่องหนึ่งนะ ว่าผมไม่ได้มาหารือกับคุณ แต่ผมสั่งให้คุณไปทำ”
“ผมให้เวลาคุณแค่สองวัน ก่อนพระอาทิตย์ตกดินพรุ่งนี้ ถ้าคุณยังไม่พาตัวลูกสาวหยางเฉินมาพบผม ผมจะเผยแพร่หลักฐานที่คุณกระทำความผิดให้ทั่วอินเทอร์เน็ต”
“ถึงตอนนั้น สิ่งที่คุณต้องเจอคือโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นอย่างน้อย!”
“นี่คือนามบัตรผม บนนี้มีวิธีติดต่อส่วนตัวของผม ผมรอข่าวดีจากคุณทุกเมื่อนะครับ”
เมิ่งเทียนเจียวยัดนามบัตรที่มีเพียงวิธีติดต่อใส่มือโจวยู่ชุ่ย ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
เวลานี้ ในใจของโจวยู่ชุ่ยกลัวมาก สัมปชัญญะของเธอบอกว่า หากเธอส่งตัวเสี้ยวเสี้ยวไปให้อีกฝ่าย เสี้ยวเสี้ยวอาจจะถูกฆ่า
อย่างไรซะ ลูกชายของเมิ่งเทียนเจียวก็ตายเพราะหยางเฉิน
เธอไม่เชื่อว่าเมิ่งเทียนเจียวจะแค่ใช้เสี้ยวเสี้ยวเพื่อขู่หยางเฉิน
แต่ถ้าเธอไม่ทำตาม เรื่องที่ตัวเองจ้างวานผู้อื่นไปฆ่าต้าหย่งก็จะถูกเปิดโปง
“ฉันควรจะทำยังไงดี?”
ทันใดนั้นเธอก็พูดขึ้นด้วยสีหน้านึกเสียใจ
แต่เสียใจตอนนี้ สายไปแล้ว ตั้งแต่นาทีที่เธอเลือกจ้างวานผู้อื่นไปฆ่าฉินต้าหย่ง เธอก็ไม่เหลือทางให้หันหลังกลับ
“แม่ หนูบอกว่าแค่ซื้อผัดก๋วยเตี๋ยวที่โรงอาหารของโรงพยาบาลมากล่องหนึ่งก็พอไม่ใช่หรือ แม่ไปข้างนอกทำไมกัน?”
หลังจากโจวยู่ชุ่ยกลับถึงห้องผู้ป่วยแล้ว ฉินซีก็พูดโกรธๆหลังเห็นถุงอาหารที่เธอหิ้วไว้ในมือ
โจวยู่ชุ่ยรีบวางถุงอาหารไว้บนโต๊ะ และบอกยิ้มๆ “พ่อแกใกล้ฟื้นแล้วไม่ใช่หรือ? เขานอนไปนานขนาดนี้ ต้องหิวมากแน่ๆ”
“ฉันแค่อยากให้พ่อแกได้กินอาหารที่ตัวเองชอบตอนฟื้นขึ้นมา”
โจวยู่ชุ่ยพูดไป ตาแดงก่ำ น้ำตาทำท่าจะไหลออกมา
เห็นท่าทางโศกเศร้าเสียใจของโจวยู่ชุ่ยแล้ว ฉินซีก็รู้สึกแย่เหมือนกัน และรู้สึกผิดมากๆด้วย
หลายวันมานี้ เธอไม่ยอมคุยกับโจวยู่ชุ่ยเลย แต่โจวยู่ชุ่ยไม่โกรธ แถมยังเอาใจเธอสารพัด
แล้วตัวเองล่ะ เอาแต่สงสัยโจวยู่ชุ่ย ระแวงเธออยู่ตลอดเวลา
“ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นแม่ของฉัน สงสัยเธอมานานขนาดนี้ ฉันทำเกินไปเอง” ฉินซีแอบบอกตัวเองในใจ
“เมื่อก่อนพ่อแกชอบกินเค้กที่สุด ฉันกลัวว่าเขากินเยอะไปแล้วจะอ้วน ไม่ดีกับร่างกาย ก็เลยพยายามห้ามทุกวิถีทาง”
โจวยู่ชุ่ยหน้าตายิ้มแย้ม หยิบเอาเค้กแต่ละอย่างออกมาอวดฉินซี
ในที่สุดฉินซีก็เผยรอยยิ้ม เธอมองตีนกาเส้นเล็กๆเหล่านั้นที่หางตาของโจวยู่ชุ่ยแล้วยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
ตอนบ่าย หยางเฉินไปที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป ในห้องผู้ป่วยเหลือเพียงโจวยู่ชุ่ยและฉินซี
เมื่อเหลือแค่สองแม่ลูก โจวยู่ชุ่ยจึงถือโอกาสนี้คุยอะไรอีกมากมายกับฉินซี
เรื่องตั้งแต่เล็กจนโต
แม้กระทั่งเรื่องของหยางเฉิน
“แม่ แม่ไม่กีดกันหนูกับหยางเฉินแล้วหรือคะ?” ทันใดนั้น ฉินซีก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าตื้นตัน
มีลูกหลานที่ไหนไม่อยากให้พ่อแม่อวยพรการแต่งงานของตัวเองบ้าง?