The king of War - บทที่ 335 โลกนี้มันกลม
ปรมาจารย์ถังทิ้งท้ายประโยคด้วยสีหน้าเฉยเมย จากนั้นหันเดินไปนั่งลงข้างหวงเหมย
หวงเหมยไม่ได้รู้สึกประหลาดใจใดๆ เธอมองไปที่เมิ่งหงเย่แล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า “คุณคิดว่า คนที่ชื่อหยางเฉินคนนั้นกับปรมาจารย์ถัง คนไหนเก่งกว่ากัน?”
เมิ่งหงเย่เพิ่งตั้งสติได้แล้วตอบอย่างตื่นกลัวว่า “ฝีมือของปรมาจารย์ถังนั้นในโลกนี้ไม่มีใครเทียบได้ คนอย่างหยางเฉินไม่มีคุณสมบัติที่จะเทียบกับปรมาจารย์ถังด้วยซ้ำครับ!”
ไม่ใช่ว่าเขาประจบประแจง แต่ในความเห็นของเขา หยางเฉินนั้นด้วยกว่าปรมาจารย์ถังจริงๆ
ปรมาจารย์ถังสีหน้าเฉยเมย เขาหยิบถ้วยชาพอร์ซเลนสีขาวจากโต๊ะชาข้างๆ ขึ้นมาแล้วจิบชาเบาๆ จากนั้นวางลงและพูดว่า “คุณหญิงหวง หรือว่าให้ผมไปเจอกับเด็กหนุ่มคนนั้นเลยไหมครับ จะได้รู้ว่ามันเก่งสักแค่ไหนเชียว?”
หวงเหมยไม่ได้ตอบกลับ ดูเหมือนว่าเธอกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
จากนั้นสักพัก เธอถึงถามว่า “หยางเฉิน สรุปว่าเป็นใครกันแน่?”
นี่คือสิ่งที่เธอใส่ใจมากที่สุด เธอเชื่อว่าถ้าให้ปรมาจารย์ถังออกโรง หยางเฉินจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เธอก็เข้าใจด้วยว่า หยางเฉินที่อายุน้อยๆ แต่กลับมีความสามารถขนาดนี้ ภูมิหลังของเขาต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
และนี่คือวิถีชีวิตของครอบครัวตระกูลหวง เมื่อเผชิญกับความบาดหมาง สิ่งแรกที่ต้องทำคือตรวจสอบรายละเอียดของศัตรูให้ชัดเจนก่อน
ด้วยเหตุนี้ ตระกูลหวงจึงจะยืนหยัดอยู่จุดสูงสุดในเมืองเยนตู และยังติดอันดับหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเย็นตูมาโดยตลอด
เมิ่งหงเย่เพิ่งนึกได้ว่าเขาเกือบลืมเรื่องสำคัญไปเรื่องหนึ่ง เขาจึงรีบพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คุณหญิงหวง ผมเคยตรวจสอบแล้วว่าหยางเฉินเป็นลูกชายที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลอวี๋เหวิน และเมื่อสิบแปดปีที่แล้ว เขากับแม่ของเขาถูกขับไล่ออกจากเมืองเยนตู”
“แต่ไม่รู้เพราะอะไร เมื่อครึ่งปีที่แล้ว ตระกูลอวี๋เหวินกลับมอบเยี่ยนเฉินกรุ๊ปให้กับเขาอีกครั้ง”
“ด้วยเหตุนี้ ในตอนแรกที่จัดการกับหยางเฉิน ผมจึงกลัวตระกูลอวี๋เหวินและไม่กล้าที่จะฆ่าเขาให้ตาย”
เมิ่งหงเย่ได้บอกทุกสิ่งที่เขารู้ให้กับหวงเหมยแล้ว
หวงเหมยหรี่ตาทั้งคู่ลง “ฟังจากสิ่งที่คุณพูดแล้ว ฉันก็เพิ่งนึกได้เหมือนกัน ที่แท้มันยังมีสายเลือดของตระกูลอวี๋เหวินอีกด้วยสินะ”
“ต่อให้เป็นอย่างที่พูด แล้วไง? ยังไงมันก็เป็นเหตุที่ทำให้ลูกชายกับสามีฉันต้องตาย ฉะนั้น มันจะต้องชดใช้!”
หวงเหมยแทบจะกัดฟันพูดคำนี้
หากเป็นสายเลือดที่แท้จริงของตระกูลอวี๋เหวิน บางทีเธออาจต้องพิจารณาว่าจะลงมือกับหยางเฉินหรือไม่ แต่ถ้าเป็นเพียงเด็กที่ถูกทอดทิ้งคนหนึ่ง เธอไม่จำเป็นต้องไตร่ตรองด้วยซ้ำ
ในขณะนี้ ร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในบ้านตระกูลเมิ่ง
“คุณป้าครับ!”
เขาเดินมาหาหวงเหมยแล้วพยักหน้าด้วยท่าทีที่เคารพอย่างยิ่ง
“หวงอัน คอของเองเป็นอะไร?”
เมื่อหวงเหมยสังเกตเห็นรอยฟกช้ำลายนิ้วมือที่อยู่บนคอของหวงอัน สีหน้าของเธอก็แย่ลงทันที
หวงอันกัดฟันตอบ “คุณป้าครับ ผมถูกคนทำร้ายที่เจียงโจวครับ!”
“ว่าไงนะ? เมืองเจียงโจวเล็กแค่นี้ ยังมีคนกล้าทำอะไรกับคนของตระกูลหวงอีกเหรอ?”
หวงเหมยรู้สึกโกรธมาก เธอมาที่นี่เพื่อลูกชายและสามีเก่าของเธอ
แต่ตอนนี้หลานชายของเธอกลับถูกคนอื่นทำร้ายร่างกายด้วยคน
สำหรับเธอแล้ว เจียงโจวก็แค่โรงเรียนประถม ส่วนเมืองเอกก็เหมือนกับโรงเรียนมัธยม และเมืองเยนตูเป็นมหาวิทยาลัย
แล้วตอนนี้ เหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัยถูกเด็กประถมตี
ซึ่งสามารถจินตนาการถึงอารมณ์ของเธอได้ในขณะนี้
“เรื่องนี้ ตระกูลเมิ่งของคุณน่าจะจัดการให้ได้ใช่ไหม?”
หวงเหมยหรี่ตาถามเมิ่งหงเย่
สำหรับเธอแล้ว การที่ให้ตระกูลหวงไปจัดการแทน ถือว่าเป็นการดูถูก
เมิ่งหงเย่รีบพยักหน้าตอบ “คุณหญิงหวงไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ไม่ว่ามันเป็นใครหน้าไหน ถ้ากล้ามาทำร้ายคุณชายอัน มันก็จะเป็นศัตรูคู่อาฆาตของตระกูลเมิ่งของเรา!”
“เก็บชีวิตมันไว้ด้วยนะ ผมจะทรมานมันให้ถึงตาย!”
หวงอันพูดด้วยความโกรธ
จนบัดนี้ เมื่อนึกถึงเส้นบางๆ แห่งความตายนั้น เขายังรู้สึกหวาดผวาอยู่เลย เขาที่เป็นทายาทผู้มีเกียรติแห่งตระกูลหวง แต่เกือบถูกฆ่าตายบนถนนโดยคนที่อายุน้อยกว่าเขา แค้นนี้ เขาต้องชำระ
“คุณชายอันไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะเก็บชีวิตมันไว้แล้วให้คุณจัดการเองครับ!” เมิ่งหงเย่พูดอย่างรวดเร็ว
แต่เมิ่งหงเย่ไม่รู้ว่าคนที่หวงอันทำให้โกรธนั้นกลับเป็นหยางเฉิน
ณ ตอนนี้ เขากลัวหวงเหมยคนเดียว ถ้าเกิดทำให้เธอไม่พอใจขึ้นมา ตระกูลเมิ่งของเขาต้องพินาศอย่างแน่นอน ฉะนั้นไม่ว่าตอนนี้คนของตระกูลหวงให้เขาทำอะไร เขาก็ยินดีจะทำตามทุกอย่าง
“คุณชายอันครับ คุณบอกว่าอยู่ที่เจียงโจว? ผมอยากรู้ว่าอยู่ที่ไหนของเจียงโจวครับ? แล้วคนที่ทำร้ายคุณหน้าตาเป็นยังไงครับ?”
เมิ่งหงเย่ถามอย่างระมัดระวัง
ในเวลานี้ เขาต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อจะตามหาคนที่ทำร้ายหวงอันได้เร็วขึ้น
หวงอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “อยู่หน้าประตูร้านอาหารใหญ่เป่ยหยวนชุนในเจียงโจว คนที่ทำร้ายผมเป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบหกถึงยี่สิบเจ็บปี”
“ชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบหกถึงยี่สิบเจ็บปี?”
ทันใดนั้นเมิ่งหงเย่ก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที เพราะเขารู้ว่าหยางเฉินก็อายุประมาณนี้เหมือนกัน
“อีกอย่าง เมียมันสวยมากด้วย” หวงอันพูดอีกครั้ง
ความกังวลของเมิ่งหงเย่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน เพราะภรรยาของหยางเฉินนั้นสวยมาก
หวงเหมยขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นเสียง “พูดประเด็นสำคัญ!”
หวงอันครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “จริงด้วย คนที่อยู่กับมันเรียกมันว่าพี่เฉิน!”
“ชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบหกถึงยี่สิบเจ็บปี ภรรยาสวยมาก คนอื่นเรียกเขาว่าพี่เฉิน?”
สีหน้าของเมิ่งหงเย่เปลี่ยนเป็นหม่นหมองทันที
เขาแทบจะมั่นใจได้ว่า คนที่หวงอันกำลังพูดถึงก็คือหยางเฉิน
หวงอันอยู่ข้างนอกเขาต้องมีบอดี้การ์ดที่มีฝีมือคอยคุ้มกันอยู่แล้ว แต่เขายังสามารถถูกทำร้ายร่างกายได้ คงมีแต่หยางเฉินคนเดียวที่ทำเช่นนั้นได้
“เจ้าบ้านเมิ่ง คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าใครเป็นคนทำร้ายหลายฉัน?” หวงเหมยก็ตระหนักถึงบางสิ่งและถามเขา
เมิ่งหงเย่ไม่ได้ตอบคำถาม แต่รีบถามหวงอันต่อว่า “คนที่คุณพูดถึงสูงประมาณร้อยแปดสิบเซนติเมตร ไว้ผมสั้น มีดวงตาที่เฉียบคมมาก และยังมีพละกำลังที่แข็งแกร่งใช่ไหมครับ?”
“ใช่ ชายหนุ่มคนนี้มันแข็งแกร่งมาก มันยกตัวผมขึ้นด้วยมือข้างเดียวของมัน แล้วมันขู่บอดี้การ์ดของผมจนไม่กล้าขยับตัวเลย”
หวงอันพูดอย่างเร่งรีบ เมื่อพูดจบ เขาถึงนึกสงสัยว่า “เจ้าบ้านเมิ่ง คุณรู้แล้วใช่ไหมว่ามันเป็นใคร?”
เมิ่งหงเย่สีหน้าซีดเซียวแล้วพูดต่อ “คุณหญิงหวงครับ คุณชายอันครับ ชายหนุ่มคนนี้ก็คือหยางเฉินครับ! มันเป็นคนพาสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่มาที่บ้านตระกูลเมิ่งของผม มันหักแขนทั้งคู่ของลูกชายผม บีบบังคับจนเทียนเจียวต้องตาย!”
สีหน้าของหวงเหมยเย็นยะเยือกขึ้นเรื่อย ๆ ไม่แปลกใจที่มันกล้าทำร้ายหวงอัน แม้แต่ลูกชายและสามีของเธอยังถูกมันฆ่า แล้วมันจะไม่กล้าทำอะไรอีก?
“คุณหญิงหวงครับ ผมเกรงว่าเรื่องของคุณชายอันคงต้องให้ปรมาจารย์ถังช่วยลงมือแทนแล้วครับ”
เมิ่งหงเย่เข้าใจดี แม้แต่ยอดฝีมืออย่างเพ้าดำของตระกูลเมิ่งยังเทียบกับเขาไม่ได้เลย ถ้าส่งคนไปตอนนี้ก็มีแต่แพ้กับแพ้เท่านั้น
“ปรมาจารย์ถัง งั้นต้องรบกวนคุณไปที่เจียงโจวแล้วนะ เอาตัวหยางเฉินกลับมาให้ได้!”
หวงเหมยหายใจเข้าลึกๆ และพยายามระงับความโกรธของเธอ
หลายปีที่ผ่านมานี้ เธอไม่เคยรู้สึกโกรธขนาดนี้มาก่อนเลย
“ครับ!”
ปรมาจารย์ถังวางถ้วยชาลงแล้วออกไปจากบ้านตระกูลเมิ่งทันที
ในขณะที่ปรมาจารย์ถังมุ่งหน้าไปที่เจียงโจว หยางเฉินและคนอื่นๆ ได้ออกจากร้านอาหารใหญ่เป่ยหยวนชุนไปแล้ว
“หม่าชาว ฝากคุณดูแลความปลอดภัยของพี่อ้ายด้วยนะ”
ที่หน้าประตูเป่ยหยวนชุน หยางเฉินออกคำสั่งด้วยสีหน้าจริงจัง
“ครับ ผมจะทำภารกิจนี้ให้ดีที่สุดครับ!”
หม่าชาวยืดตัวตรงและพูดเสียงดังโดยที่ไม่รู้ตัว
นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของหม่าชาว และตอนนี้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถทำให้อ้ายหลินหวั่นไหวได้
แม้ความสัมพันธ์ของทั้งสองยังไม่ใช่คู่รัก แต่ทั้งสองต่างก็รู้สึกดีต่อกัน
เพียงแต่ว่าอ้ายหลินรู้สึกกดดันมาก เธอจึงไม่อยากให้หยางเฉินกับหม่าชาวต้องลำบากกับเธอไปด้วย