The king of War - บทที่ 360 กลอุบายของหยางเฉิน
“ปัง!”
คำพูดของเฝิงอี้ฉินยังไม่ทันจบ ก็มีพลังที่รุนแรงมากระแทกเข้าหน้าอกทีหนึ่ง ทั้งตัวลอยเป็นเส้นโค้งที่งดงามเส้นหนึ่งอยู่กลางอากาศที่ว่าง จากนั้นร่วงลงตรงกลางถนนด้วยความหนักอึ้ง
ส่วนหน้าอกของเขาบุบลงไปอย่างลึก ชั่วพริบตาเดียวสัญญาณชีพหายไป
“ฆ่าแก ต้องเปื้อนมือไปทำไม?”
หยางเฉินทำหน้าเฉยชา หมุนตัวขึ้นรถ ออกไปจากที่นี่
แต่ไหนแต่ไรหยางเฉินไม่ใช่คนประเภทที่ใจดีมีเมตตา ใช้ชีวิตแบบทหารมาห้าปี ทำให้เขาประสบพบเจอการหลอกลวงสารพัดรูปแบบมามากเหลือเกิน
ความเมตตากรุณาที่มีต่อศัตรู คือความโหดร้ายต่อตนเอง
ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่ายตรงข้ามเป็นคนที่อยากจะฆ่าตนเอง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมยังต้องไว้ชีวิตแก ให้แกทำเรื่องเลวร้าย และพังทลายชีวิตคนอื่นต่อไปอีก?
เมืองเอก ตระกูลหนิง
ในคฤหาสน์เดี่ยวที่หรูหราหลังหนึ่ง หนิงเฉินหยู่กำลังคุยโทรศัพท์กับเฝิงอี้ฉิน แต่ยังไม่ทันได้พูดจนจบ ก็ได้ยินเสียงของหยางเฉินแล้ว
“สารเลว! นึกไม่ถึงกล้ามาข่มขู่ฉัน!”
ถูกหยางเฉินตัดสายโทรศัพท์ใส่ หนิงเฉินหยู่หน้าดุร้ายเต็มที่ กัดฟันแน่นพูดว่า “อยากเอาชีวิตของฉันหนิงเฉินหยู่? ต่อให้ฉันเอาให้แก แกจะกล้าเอาเหรอ?”
ตามมาด้วย หนิงเฉินหยู่ต่อสายโทรศัพท์เข้าไปหาเฝิงอี้ฉินอีกสองสามครั้ง แต่กลับไม่มีคนรับมาตลอด
นี่ทำให้หนิงเฉินหยู่มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างหนึ่งทันใด
ถึงแม้เขาจะไม่ได้เอาคำข่มขู่ของหยางเฉินมาใส่ใจ แต่เขารู้จักเฝิงอี้ฉินเป็นอย่างดี ต่อให้เป็นช่วงกลางคืนดึกดื่น ก็ไม่กล้าปฏิเสธโทรศัพท์ของตนเองเด็ดขาด
แต่ว่าตอนนี้กลับไม่ยอมรับเลยสักสายเดียว
หรือว่าเขาเกิดเรื่องขึ้นจริงแล้ว?
นึกถึงตรงนี้ หนิงเฉินหยู่หัวใจเต้นรัวขึ้นมากะทันหัน
บอดี้การ์ดข้างกายของเฝิงอี้ฉิน ความสามารถแกร่งมากแค่ไหน เขาชัดเจนดี ลูกเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิงกระจอกๆ จะกล้าฆ่าเฝิงอี้ฉินได้อย่างไรกัน?
ขณะที่เขาสับสนภายในใจ รอเฝิงอี้ฉินโทรศัพท์กลับมาหาเขา ในที่สุดมือถือของเขาดังขึ้นมาแล้ว
เขาดีใจในขณะหนึ่ง ยังคิดว่าเป็นเฝิงอี้ฉิน
แต่พอเขามองคนที่โทรเข้ามาชัดๆ คือหมายเลขแปลกหน้า ในใจยิ่งสับสนขึ้นกว่าเดิม
“ใครกัน?”
เสียงกริ่งดังอยู่ตั้งนาน เขาถึงรับสาย
“สวัสดีครับ คุณชายหนิง ผมคือเฝิงฉวนพ่อของเฝิงอี้ฉินครับ เมื่อกี้ผมรับสายเบอร์แปลกสายหนึ่ง บอกว่าเฝิงอี้ฉินเพราะทำภารกิจที่ท่านมอบหมายให้ไม่สำเร็จ จึงถูกท่านฆ่าทิ้งแล้ว?”
เสียงที่เต็มไปด้วยประสบการณ์โชกโชนเสียงหนึ่งดังขึ้น เหมือนยังสั่นเครืออยู่บ้าง
หนิงเฉินหยู่พอได้ยิน ชั่วขณะนั้นตกใจสีหน้าเปลี่ยน ตวาดใส่ “เหลวไหล! เฝิงอี้ฉินติดตามผมมาตลอด ผมจะฆ่าเขาได้อย่างไรกัน?”
“คุณชายหนิงใจเย็นครับ ผมเพียงแค่ติดต่อเฝิงอี้ฉินไม่ได้ และรับโทรศัพท์แปลกหน้าแบบนั้นมาอีก ดังนั้นเลยร้อนใจอยู่บ้าง ขอให้คุณชายหนิงอย่าคิดมากครับ!” เฝิงฉวนรีบบอกทันที
หลังวางสายโทรศัพท์แล้ว หนิงเฉินหยู่ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกไม่ปกติ
ด้วยความเข้าใจที่เขามีต่อเฝิงอี้ฉิน ไม่อาจไม่รับสายโทรศัพท์นานขนาดนี้ได้
คาดไม่ถึงมีคนโทรศัพท์ไปหาเฝิงฉวน บอกว่าเฝิงอี้ฉินถูกเขาฆ่าตาย สรุปมันเรื่องอะไรกัน?
“คุณชายหนิงครับ ไม่ดีแล้ว ที่กระโปรงหลังรถของท่าน พบศพคนหนึ่งเข้าครับ!”
ในเวลานี้เอง ภาพคนผู้หนึ่งลนลานพุ่งเข้ามาแล้ว พูดจาด้วยหน้าตาแตกตื่นเต็มที่
“อะไรนะ? ศพ?”
หนิงเฉินหยู่รู้สึกเสียวสันหลังเย็นวาบทันใด พุ่งขึ้นตรงยอดศีรษะ เขาคว้าคอเสื้อของคนรับใช้ไว้อย่างแรง “เป็นศพของใคร?”
“เหมือนว่าเป็นของเฝิงอี้ฉินครับ”
คนรับใช้พูดด้วยความระมัดระวัง
“ตูม!”
หนิงเฉินหยู่เพียงรู้สึกว่าสมองเกิดเสียงดังสนั่นพักหนึ่ง เขาผลักคนรับใช้ออกไป พุ่งออกจากคฤหาสน์
เบนท์ลีย์สีฟ้าครามคันหนึ่ง จอดอยู่ที่หน้าคฤหาสน์ พอออกจากประตูมาก็มองเห็นรถคันนี้แล้ว
นี่คือรถคันหนึ่งที่หนิงเฉินหยู่ชอบที่สุด เป็นรุ่นลิมิเต็ด ตอนแรกจ่ายเงินไปยี่สิบกว่าล้าน และยังใช้เส้นสายด้วย ถึงซื้อมาได้
เวลานี้ ฝากระโปรงหลังถูกเปิดออกแล้ว ด้านในมีเพียงศพร่างหนึ่งนอนอยู่
“เฝิงอี้ฉิน!”
ตอนที่เขามองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยใบนั้นชัดเจน ชั่วขณะนั้นเบิกตาโต บริเวณขาโซเซ ถอยหลังติดกันไปหลายก้าว
เวลานี้ เขานึกถึงคำพูดที่หยางเฉินพูดกับเขาได้ฉับพลัน
เดิมทีเขาไม่เชื่อว่าหยางเฉินจะกล้าฆ่าเฝิงอี้ฉิน แต่ปัจจุบันนี้ เฝิงอี้ฉินถูกฆ่าทิ้งจริงๆ
“คุณชายหนิงครับ นี่จะทำอย่างไรต่อดีครับ?” คนรับใช้พูดอย่างประหม่า
เขารู้ว่าเฝิงอี้ฉินคือคนของเฝิงอี้ฉิน ตอนนี้กลับกลายเป็นศพร่างหนึ่งแล้ว
พวกนี้ล้วนไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญคือเฝิงอี้ฉินเป็นลูกชายคนเดียวของเฝิงฉวน ผู้นำตระกูลเฝิง อยู่ที่ตระกูลเฝิงตำแหน่งสูงที่สุด
ถึงแม้ตระกูลเฝิงจะถูกตระกูลหนิงสนับสนุนขึ้นมา ตระกูลหนิงเพื่อดึงตระกูลเฝิงมาเป็นพวก ช่วงหลายปีนี้ ตระกูลหนิงได้รับอะไรมากมายจากตระกูลเฝิงไปแล้ว ตระกูลเฝิงก็ไม่ติดหนี้ใดๆ ตระกูลหนิง
หลายปีมานี้ ตระกูลเฝิงนับวันเติบโตดียิ่งขึ้น เริ่มสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลเมิ่งแล้ว ซึ่งมีแนวโน้มจะตีตัวออกหากจากตระกูลหนิง
แม้แต่สิทธิ์จัดการประชุมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ ยังให้ตระกูลเมิ่งไปแล้ว
ตอนนี้เฝิงอี้ฉินตายอยู่บนรถของหนิงเฉินหยู่ ถ้าเกิดถูกเข้าใจผิด เกรงว่าตระกูลเฝิงคงทรยศไปเข้าข้างตระกูลเมิ่งโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“ตอนนี้แกเอารถคันนี้ ขับไปที่สุสานร้าง แล้วเผาไปด้วยกันกับศพของเฝิงอี้ฉินซะ!”
ไม่นานหนิงเฉินหยู่กลับสู่สีหน้าปกติ มองทางคนรับใช้ด้วยหน้าตาเคร่งขรึม แจ้งเตือนว่า “เรื่องนี้ นอกจากฉันรู้ก็คือแกที่รู้ ถ้าให้บุคคลที่สามรู้เข้า ฉันเอาแกตายแน่!”
“คุณชายหนิงวางใจได้ครับ ผมจะไม่พูดมั่วแน่นอน!” คนรับใช้รีบรับปากทันที
“ดี รีบไปจัดการได้แล้ว!”
หนิงเฉินหยู่ตะโกนบอก
เขาเป็นคนที่รักสะอาดหนักมากคนหนึ่ง ศพของเฝิงอี้ฉินอยู่ในรถของเขา ต่อให้เขาชอบรถคันนี้มากแค่ไหน ก็คงไม่แตะต้องอีกสักนิด
เดิมทีเขาควรนำเรื่องนี้ บอกให้ตระกูลเฝิงรู้ตามจริง แต่ปัจจุบันนี้คือช่วงเวลาสำคัญ และเขายังไม่มีหลักฐาน แสดงว่าเฝิงอี้ฉินถูกหยางเฉินฆ่าทิ้ง
โดยเฉพาะในความคิดเขา หยางเฉินเป็นเพียงลูกเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิงของตระกูลเล็กในเมืองเจียงโจวคนหนึ่ง เดิมทีไม่มีความสามารถฆ่าเฝิงอี้ฉินที่มีบอดี้การ์ดสองคนคุ้มครองอยู่ได้
ตอนนี้ศพของเฝิงอี้ฉินปรากฏอยู่ในรถของเขาแล้ว กลายเป็นว่าทุกอย่างเหมาะเจาะให้ถูกเข้าใจผิด และยากจะแก้ตัวได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นคงทำได้เพียงเผาทำลายหลักฐานทิ้ง ถึงจะสามารถเลี่ยงความสงสัยของตระกูลเฝิงได้
ในขณะเดียวกัน เมืองจินเหอ ตระกูลเฝิง
ในบ้านหรูหลังหนึ่ง เฝิงฉวนกำลังอยู่ในห้องหนังสือคนเดียว ในมือยังถือเอกสารฉบับหนึ่งเอาไว้ บนโต๊ะยังมีเอกสารหลายฉบับวางอยู่ด้วย
พวกนี้ล้วนเป็นรายงานของแต่ละกิจการใหญ่ภายใต้สังกัดตระกูลเฝิง
เขาสืบช่วงตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ไม่ถึงครึ่งปี แต่ภายในครึ่งปีสั้นๆ นี้เอง ทรัพย์สินของตระกูลเฝิงกลับเพิ่มขึ้นห้าเปอร์เซ็นต์
ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นคุณูปการของเขา
เพียงแค่ไม่รู้ว่าทำไมหนังตาของเขาถึงกระตุกมาตลอด
“อาจจะเหนื่อยเกินไปแล้ว!”
หนังตากระตุกไม่หยุด ทำให้เฝิงฉวนวุ่นวายใจแบบน่าประหลาดอยู่บ้าง
เขาวางเอกสารลง พิงพนักด้านหลังของเก้าอี้ หลับตาลง มือทั้งสองยังนวดขมับอยู่
ในเวลานี้ มือถือของเขาดังขึ้นมากะทันหัน เป็นเสียงข้อความเข้า
ขึ้นมาเป็นผู้นำครึ่งปีนี้ เรื่องราวมากมาย ล้วนเป็นเขาทำด้วยตนเอง ผู้บริหารระดับสูงมากมายต่างรายงานการทำงานต่อเขาผ่านข้อความ
ได้ยินเสียงข้อความเข้า เขารีบหยิบมือถือขึ้นทันที
“เฝิงอี้ฉินถูกคนของหนิงเฉินหยู่ พาไปที่สุสานร้าง เตรียมเผาทำลายศพ!”
ข้อความที่ไม่ระบุชื่ออันหนึ่งปรากฏขึ้น
ชั่วขณะนั้นเฝิงฉวนสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ รีบต่อสายโทรศัพท์กลับทันที ตอนที่เขาโทรกลับเข้าไป กลับไม่ปรากฏหมายเลขโทรศัพท์นี้
ในเวลานี้ก็มีข้อความไม่ระบุชื่ออีกอันหนึ่งส่งมาอีก ครั้งนี้เป็นคลิปวิดีโอสั้นๆ
“ตอนนี้แกเอารถคันนี้ ขับไปที่สุสานร้าง เผาไปด้วยกันกับศพของเฝิงอี้ฉินซะ!”
“เรื่องนี้ นอกจากฉันที่รู้ก็คือแกที่รู้ ถ้าให้บุคคลที่สามรู้เข้า ฉันเอาแกตายแน่!”
“คุณชายหนิงวางใจได้เลยครับ ผมจะไม่พูดมั่วแน่นอน!”
“ดี รีบไปจัดการได้แล้ว!”
เฝิงฉวนพึ่งกดเปิดคลิปวิดีโอ มองเห็นหนิงเฉินหยู่และคนรับใช้ กำลังยืนอยู่ท้ายกระโปรงรถเบนท์ลีย์สีฟ้าครามคันหนึ่ง
และในกระโปรงหลัง ยังมีศพร่างหนึ่ง ซึ่งก็คือลูกชายของเขา เฝิงอี้ฉิน!