The king of War - บทที่ 378 เห็นฉันเป็นคนโง่
หนิงจี้หยวนตวาดออกมา
หนิงเฉิงหยู่ตกใจจนสะดุ้ง และรีบหุบปากทันที แต่แววตายังคงไม่พอใจอยู่ดี
เขาไม่ได้ฆ่าเฝิงอี้ฉิน แต่ถูกคนจัดฉาก ทำให้ศพของเฝิงอี้ฉินมาอยู่ในท้ายรถของเขา
แต่เขากลับอธิบายไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ เรื่องเท็จที่สร้างขึ้นก็จะถูกมองว่าเป็นความจริงขึ้นมาทันที
“ผู้นำเฝิง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องว่ากันด้วยเหตุผล การที่คุณมากล่าวหาลอยๆ แล้วจะบอกว่าคนของตระกูลหนิงไปฆ่าลูกชายของคุณได้ยังไงล่ะครับ?”
ตอนที่หนิงจี้หยวนพูด น้ำเสียงของเขาก็เบาลงมาก
“เรื่องของตัวเองยังจัดการไม่เรียบร้อย แล้วยังคิดที่จะมายุ่งเรื่องตระกูลหานของผมอีก น่าขันสิ้นดี!”
หานเซี่ยวเทียนขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
หนิงจี้หยวนไม่ได้สนใจเขา สองตายังคงจ้องมองไปที่เฝิงฉวน
เฝิงฉวนกัดฟันพูด “ผมคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าคุณต้องพูดแบบนี้ ถ้าไม่มีหลักฐาน แล้วผมจะมาเอาเรื่องคุณในการประชุมที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไงหล่ะ?”
พอพูดจบ เขาก็สั่งไปว่า “เปิดหลักฐานให้ทุกคนดู!”
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ถือโน๊ตบุ๊คไว้ในมือ ได้เดินออกมาจากข้างหลังเขา เดินขึ้นไปบนเวที แล้วเชื่อมต่อโน๊ตบุ๊คกับเครื่องโปรเจคเตอร์ที่อยู่ภายในห้องสัมมนา
ทันใดนั้น คลิปๆหนึ่งก็ถูกฉายขึ้นไป
“ตอนนี้ แกขับรถคันนี้ไปที่สุสานร้าง แล้วเผามันไปพร้อมกับศพของเฝิงอี้ฉวนซะ!”
“เรื่องนี้ นอกจากฉันก็มีแค่แกเท่านั้นที่รู้ ถ้าให้คนที่สามรู้ ฉันเอาแกตายแน่!”
คุณชายหนิงไม่ต้องเป็นห่วง ผมไม่มีทางบอกให้ใครรู้แน่นอนครับ!”
“เยี่ยม รีบไปจัดการซะ!”
คลิปนั้นมีสั้นๆ แค่นี้ เป็นคลิปที่หนิงเฉิงหยู่กับลูกน้องของเขากำลังยืนอยู่ที่ท้ายรถเบนท์ลีย์
ส่วนที่ท้ายรถนั้นกำลังเปิดอยู่ ในนั้นมีศพของคนๆหนึ่งใส่ไว้ และเป็นศพของเฝิงอี้ฉินนั่นเอง
“ลูกชายของเฝิงฉวนถูกคนของตระกูลหนิงฆ่าจริงๆ ด้วย!”
“คนรุ่นหลังของตระกูลหนิงคนนี้มันโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว แถมยังคิดจะทำลายหลักฐานด้วย นี่ต้องการทำให้ตระกูลเฝิงไร้ผู้สืบทอดเลยนะเนี่ย!”
“หลายปีมานี้ ตระกูลหนิงนั้นทำตัวได้ใจเกินไป ไม่ว่าเรื่องอะไรก็คิดที่จะเข้ามายุ่งวุ่นวายไปหมด นี่มันเป็นตัวบ่อนทำลายของมณฑลเจียงผิงชัดๆ!”
ตอนแรกก็มีแค่ไม่กี่คนที่โทษว่าตระกูลหนิงนั้นไม่ดี ไม่นาน ภายในห้องสัมมนาของการประชุมแลกเปลี่ยนก็เต็มไปด้วยคำซุบซิบนินทา
มุมปากของหยางเฉินแย้มขึ้นเล็กน้อย แต่สิ่งที่ไม่มีคนรู้ก็คือ บรรดาเสียงพูดที่ดังขึ้นเมื่อกี้ เขานี่แหละเป็นคนที่จัดฉากขึ้นมาเอง
“ลูกชายของผมต้องไม่ตายฟรี ตระกูลหนิงต้องมีคำอธิบายให้กับตระกูลเฝิงของเรา!”
เฝิงฉวนแสดงท่าทางที่แน่วแน่ออกมา ดวงตาที่แดงก่ำ เต็มเปี่ยมไปด้วยไฟแห่งโทสะ
“การที่คนรุ่นหลังคนหนึ่งของตระกูลหนิง กล้าลงมือกับคนที่คอยติดตามตัวเองได้อย่างเหี้ยมโหดขนาดนี้ ดูท่าน่าจะเรียนแบบมาจากผู้อาวุโสในตระกูลหนิงสิท่า?”
เฉิงซิงไห่พูดประชดออกมา
“มันต้องแน่อยู่แล้ว ที่เขาบอกว่าพ่อเป็นยังไงลูกเป็นอย่างนั้น ก็คงจะเป็นแบบนี้สินะ?”
กวนเสว่ซงก็ขำออกมาอย่างไม่ชอบใจเหมือนกัน
“ตอนนี้หลักฐานก็ชัดเจนแล้ว คุณยังมีอะไรจะพูดอีกมั้ย?” เฝิงฉวนได้พูดออกมา
หนิงจี้หยวนไม่พูดอะไร แต่แววตากลับดูน่ากลัวมาก เต็มเปี่ยมไปด้วยประกายแห่งความโหดเหี้ยม
“ผู้นำ ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลยนะครับ”
หนิงเฉิงหยู่รู้สึกร้อนรนขึ้นมาทันที เสียง “ตุบ” ดังขึ้น คุกเข่าลงตรงหน้าของหนิงจี้หยวน และรีบอ้อนวอนไปว่า “ไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าเฝิงอี้ฉิน จากนั้นก็เอาศพของเขามาใส่ไว้ที่ท้ายรถผม”
“เฝิงอี้ฉินเป็นพี่น้องที่คอยติดตามผม แล้วผมจะไปฆ่าเขาได้ยังไงล่ะครับ?”
“ขอให้ผู้นำโปรดตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดด้วย! เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับผมเลยแม้แต่นิดเดียวนะครับ”
หนิงเฉิงหยู่นั้นรู้สึกกลัวแล้วจริงๆ ตอนนี้มีแต่ต้องส่งตัวเขาออกไปเท่านั้น ถึงจะสามารถจัดการกับปัญหาที่อยู่ตรงหน้าได้
และหนิงจี้หยวนที่เขารู้จักนั้น ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำเรื่องแบบนี้ออกมาจริงๆ
“หนิงเฉิงหยู่ ตอนนี้หลักฐานก็ชัดเจนแล้ว ในคลิปนั้น แกก็สั่งลูกน้องให้เอาศพของลูกชายฉันไปทำลายแล้ว แต่ตอนนี้กลับมาบอกว่า ไม่รู้ว่าศพของลูกชายฉันไปอยู่ในรถของแกได้ยังไง?”
“หรือจะบอกว่า ระบบรักษาความปลอดภัยของตระกูลหนิงนั้นไร้ประโยชน์อย่างนั้นเหรอ? จะบอกว่าคนตัวโตขนาดนั้นถูกเอาไปใส่ไว้ท้ายรถของแกได้ยังไงก็ไม่รู้อย่างนั้นเหรอ?”
“แกเห็นฉันเป็นไอ้หน้าโง่รึไง?”
เฝิงฉวนพูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ด้วยสีหน้าดุร้าย
ด้วยความโมโห ทำให้เฝิงฉวนในตอนนี้โกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัว
คนที่เคยรู้จักเขามากก่อน ต่างก็รู้สึกตกใจกันทั้งนั้น
เมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอก เฝิงฉวนก็เป็นผู้นำของตระกูลเฝิงที่ค่อนข้างเป็นกันเอง แต่ในตอนนี้ กลับกล้าต่อต้านตระกูลหนิงต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้
แต่พอคิดว่าเฝิงฉวนเพิ่งเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รักไป พวกเขาก็พอเข้าใจได้อยู่
สีหน้าของหนิงจี้หยวนเคร่งขรึมจนน่ากลัว แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความโหดเหี้ยม จ้องมองไปยังเฝิงฉวนแล้วพูดขึ้นว่า “กะอีแค่คลิปสั้นๆ แบบนี้ มันจะยืนยันอะไรได้?”
“เรื่องที่หลักฐานชัดเจนอยู่แล้ว คุณยังต้องการหลักฐานอะไรอีก?” เฝิงฉวนสวนกลับอย่างเต็มที่ ไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้เลยสักนิด
หนิงจี้หยวนพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจว่า “หนิงเฉิงหยู่ได้พูดออกมาแล้ว ว่าการตายของลูกชายคุณ มันไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลหนิงทั้งนั้น!”
“หนิงจี้หยวน ผมรู้ว่าคุณมันหน้าด้าน แต่ไม่นึกเลยว่สคุณจะหน้าด้านถึงขนาดนี้”
หาวเซี่ยวเทียนขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “คนของตระกูลหนิงฆ่าลูกชายของผู้นำเฝิงตาย คลิปมันก็ชัดเจนมาก แล้วคุณยังจะมีเล่นแถอะไรอีก?”
“เจ้าบ้านหานพูดถูก เรื่องที่หลักฐานชัดเจนแบบนี้ คุณจะแถยังไงมันก็ไร้ความหมาย”
เฉินซิงไห่ก็พูดออกมาเหมือนกัน
“เรื่องนี้ จำเป็นต้องมีคำอธิบายให้ตระกูลเฝิง!” กวนเสว่ซงก็ได้พูดออกมา
“ถ้าวันนี้ตระกูลหนิงไม่มีคำอธิบายให้ตระกูลเฝิง มันก็เท่ากับว่า พวกคนที่คอยติดตามตระกูลหนิงของคุณ ก็อาจถูกฆ่าแล้วเอาศพไปทำลายได้ทุกเมื่อสินะ?”
ซูเฉิงอู่เองก็ก้าวออกมาเหมือนกัน
ก่อนหน้านี้ได้พลาดโอกาสที่จะได้แสดงตัวว่าตัวได้ยืนอยู่ข้างหยางเฉินไปแล้วทีหนึ่ง ถ้ายังพลาดอีก เกรงว่าต่อจากนี้เขาคงไม่มีโอกาสที่เข้าหาหยางเฉินอีกแล้วแน่นอน
“ถูกต้อง ตระกูลหนิงจำเป็นต้องมีคำอธิบาย!”
……
ชั่วขณะหนึ่ง ก็ได้มีผู้นำของอีกหลายตระกูลได้ก้าวออกมา แล้วแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาเหมือนกัน
ในกลุ่มคนเหล่านั้น ยังมีตระกูลที่เคยเป็นพันธมิตรกับตระกูลหนิงด้วย
หนิงจี้หยวนไม่พูดอะไร สีหน้าเคร่งขรึมอย่าถึงที่สุด เขาในตอนนี้ คนที่เคยใกล้ชิดกำลังหันหลังให้แล้ว
หนิงเฉิงหยู่นั้นสีหน้าหวาดกลัว โคกหัวคำนับอย่างไม่หยุดหย่อน และพูดไปอย่างร้อนรนว่า “ผู้นำครับ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับผมจริงๆ นะครับ……”
“หุบปาก!”
หนิงจี้หยวนตวาดใส่หนิงเฉิงหยู่ “ไอ้คนไม่เอาไหนที่น่าสมเพช! ถ้าแกยังกล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว แกจะมาโทษว่าตระกูลหนิงทอดทิ้งแกไม่ได้นะ!”
พอได้ยินแบบนั้น หนิงเฉิงหยู่ก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที และรีบหุบปากไป
คำพูดนี้มันยืนยันแล้วว่า ตระกูลหนิงต้องการที่จะปกป้องเขาอย่างเต็มที่
“หนิงจี้หยวน ที่คุณพูดมามันหมายความว่ายังไง?”
กวนเจิ้งซานพูดออกมาด้วยความโมโห “เรื่องที่คนในตระกูลหนิงของคุณ ฆ่าลูกชายของผู้นำเฝิงตาย จะให้มันผ่านไปแบบนี้นะเหรอ?”
“การทำงานของตระกูลหนิง ทำไมถึงต้องรายงานให้ตระกูลกวนรู้ด้วย?”
หนิงจี้หยวนพูดออกมาอย่างเย็นชา “แล้วแกคิดว่าแกเป็นใคร?”
“ไอ้สารเลว แกว่าไงนะ?” กวนเจิ้งซานโมโหขึ้นมาทันที
“ไอ้หมาหนิง ทางที่ดีแกอย่าเล่นกับไฟจนมันเผาตัวเองตายจะดีกว่านะ!”
เฉินซิงไห่ก็พูดออกมาเหมือนกัน
“หนิงจี้หยวน นี่คุณคิดจะเป็นศัตรูกับตระกูลเศรษฐีนับสิบของมณฑลเจียงผิงรึไง?” ซูเฉิงอู่พูดออกมาอย่างเย็นชา
“จะไปพูดเรื่องไร้สาระขนาดนี้กับพวกนั้นทำไม?”
ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีน้ำเสียงที่เรียบเฉยดังขึ้น
ชั่วขณะหนึ่ง สายตาทั้งหมดก็ได้มันหยุดอยู่ตรงชายหนุ่มที่นั่งเงียบอยู่ในฝั่งของเจียงโจวมาโดยตลอด
“แล้วแกเป็นตัวอะไรอีก? แกมีสิทธิ์ที่จะพูดในที่แห่งนี้ด้วยเหรอ?”
หนิงจี้หยวนตะคอกใส่หยางเฉิน